อย่าคิดแค่แทงไฮโลการเมือง


เพิ่มเพื่อน    

                เริ่มจะคึกคักมากขึ้น.....

                หลังได้ กกต.ใหม่ บรรยากาศการเมืองทำท่าจะเข้ารูปเข้ารอย

                แม้ คสช.จะยังไม่ปลดล็อกให้เคลื่อนไหว แต่...ถ้าอยากจะแสดงบทบาทกันจริง ไม่เอาแต่งอแงอ้างบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย

                ก็มีสารพัดวิธี

                ที่จริง...ไอ้ส่วนที่รอ คสช.ปลดล็อก มันเป็นเพียงพิธีกรรม และพรรคการเมืองรู้อยู่แล้วว่าต้องเตรียมอะไรเอาไว้ อย่างไร หนึ่ง สอง สาม สี่....

                ปลดล็อกเมื่อไหร่ ก็จบได้เหมือนเสกเอา

                แต่ของจริง เห็นพ่นกันมาเป็นเดือนๆ แล้ว

                ความเคลื่อนไหวทางการเมืองมันมีทุกวัน ทั้งในไทย จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ดูไบ อังกฤษ หรือจะเถียงว่าไม่ใช่

                กรณีสามมิตร ที่นายทักษิณ ชินวัตร ถึงกับต้องบินมากำกับด้วยตัวเอง นั่นเพราะคนในเพื่อไทยส่วนใหญ่ ต้องการความชัดเจน

                และความชัดเจนที่ได้คือ ทักษิณ ประกาศ ทำสงคราม ไม่ตายก็ยอมแพ้

                วงในกระซิบกระซาบมาว่า นั่นไม่ใช่คำตอบที่ต้องการ

                แม้ ทักษิณ จะรับปากว่ามีวิธีเอาชนะการเลือกตั้ง แต่...เลือกตั้งคราวที่แล้วๆ โน้น ทักษิณ ก็รับปากแบบเดียวกันนี้

                เรื่องนี้ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รู้ดีกว่าใคร อยู่ที่จะพูดหรือไม่

                ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจกับ บิ๊กเซอร์ไพรส์การเมือง ที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน เปิดหัวเอาไว้

                สามมิตรเดินแผนเหมือนน้ำเซาะทราย สุดท้ายทะลักเหมือนน้ำป่า จริงไม่จริงก็ดูเอา ว่าคนในเพื่อไทยด่าสามมิตรกี่คน

                และส่วนใหญ่หายไปไหน?

                ครับ....มองการเมือง ต้องมองอย่างเข้าใจ

                ต้องเข้าใจว่า การเมืองไทยยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร เพราะเมื่อศูนย์อำนาจเปลี่ยน นักการเมืองบางส่วนก็เปลี่ยน

                ส่วนเปลี่ยนแล้วดีขึ้นหรือเลวลงนั่นเป็นอีกเรื่อง แม้ส่วนใหญ่จะเลวลงก็ตาม

                สามมิตรก็ไม่ต่างจากไทยรักไทย เริ่มต้นจากการดูด และสุดท้ายคงจะจบด้วยการควบรวม เป็นขั้วอำนาจใหม่ขึ้นมา

                ถ้าจะบอกว่า สามมิตร เกิดขึ้นเพื่อสร้างฐานอำนาจให้ คสช. มันก็เหมือนที่ทักษิณได้อำนาจมาจากฐานเสียงพรรคไทยรักไทย

                ซึ่งก็เป็นนักการเมืองกลุ่มเดียวกัน

                แต่เวลาผ่านไป ความคิดก็เปลี่ยนไปด้วย

                นั่นคือเกมที่เคลื่อนไหวกันทุกวัน แม้ คสช.จะไม่ปลดล็อก

                ที่เห็นเป็นข่าวถ้าบอกว่าเยอะ จะบอกว่าที่ไม่เป็นข่าว เยอะกว่าอีกหลายเท่าตัว

                แต่อย่าเพิ่งถามว่าประชาชนจะได้อะไร เพราะประชาชนควรจะเป็นผู้ให้คำตอบด้วยตัวเองในวันเลือกตั้ง

                ให้คำตอบอย่างไร?

                ยกตัวอย่างง่ายๆ ไม่ซับซ้อน พอดีเหลือบเห็น "น้าเหลิม" เฉลิม อยู่บำรุง พูดในงานวันเกิดลูกชายสุดเลิฟ "วัน อยู่บำรุง"

                งานตั้งแต่วันที่ ๑๒ สิงหาคมที่ผ่านมา ในคลิป "น้าเหลิม" พูดกับแขกที่มาร่วมงานหลายร้อยคนว่า....

                "....ขออนุญาตพี่น้องที่เคารพ ผมขอรบกวนเวลาสักสามนาที วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดลูกวัน อยู่บำรุง ผมนึกถึงสโลแกน ใจถึงพึ่งได้ ชีวิตเขากับผมคล้ายคลึงกัน เฉียดคุกเฉียดตะราง เข้าคุกออกจากคุก สุดท้ายก็ปลอดภัย บรรดาพรรคพวกไม่ต้องห่วงเขา มันเป็นคดีความไปแล้วก็ไปรอศาลพิสูจน์ว่า ผิดหรือถูกหรือไม่

                ผมมั่นใจว่า วันนึงเมื่อผมวางมือทางการเมือง นายวัน อยู่บำรุง จะได้เป็นรัฐมนตรี (มีเสียงเฮและปรบมือจากกองเชียร์ดังสนั่น) ไม่มีอย่างอื่นให้แปรเปลี่ยนได้ พูดง่ายๆ เหมือนเล่นไฮโล เปิดไฮโลแทง นายวัน อยู่บำรุง เล่นไฮโลรอบนี้คือ การเมืองไม่มีเสีย เพราะมีแต่ชนะ ชนะ ชนะ (เสียงเฮดัง)

                พี่น้องทั้งหลาย ที่ผมเงียบๆ ไปเนี่ย ไม่ใช่กลัวใคร ความกลัวทำให้เสื่อม ขอให้ คสช.ปลดล็อก แน่จริงปลดล็อก อย่าไปนึกว่าผมกลัว ไม่มีกลัว ปลดล็อกเมื่อไหร่ มึงอยู่ กูไป มึงไป กูอยู่ แต่พวกผมต้องอยู่ เพราะผมนามสกุลอยู่บำรุง (เสียงเฮดัง) การเมืองไม่ใช่เรื่องใครกลัวใคร การเมืองเป็นเรื่องของประชาชน

                นี่ผมพูดเป็นความลับต่อหน้าคนหลายร้อยคน อย่าไปบอกใครนะ รอบหน้าเพื่อไทยชนะถล่มทลาย  (เสียงเฮดัง) ไอ้สามมิตร...ทำเป็นกูรูทางเศรษฐกิจ เอ็งรอเวลาไอ้เหลิมพูดบ้าง กูจะได้บอกท่านประยุทธ์ว่า มึงมาเล่นการเมืองเพราะอะไร ผมขอบอกกับท่านทั้งหลายด้วยหัวใจมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว เอ็งจับเมื่อไหร่กูยอมไปติดคุก มึงปล่อยเมื่อไหร่ก็กลับบ้านกู อวยพรขอให้ลูกวันโชคดี เรื่องที่ผ่านมาให้พ้นไป ขอให้เกิดเรื่องดีๆ ขอให้รักแม่มากๆ ไม่ขอตังค์แม่บ่อยๆ สุขสดชื่นสมหวังจงเป็นของวัน อยู่บำรุง...."

                ยกมาทั้งดุ้นเพื่อให้เข้าถึงอรรถรสของการเมืองที่ประชาชนต้องตัดสินใจว่าจะเลือกแบบไหน

                "น้าเหลิม" ไม่ผิดอะไรครับ ที่แกยังอยู่ในการเมืองเก่า เพราะเข้าใจว่าคนชอบนักการเมืองแบบนี้ก็มีพอควร

                แต่ถ้าอยากจะได้การเมืองแบบใหม่ เบื่อพวกใจถึงพึ่งได้ พวกนักเลงเปิดแทงไฮโลปากซอย ก็เป็นหน้าที่ประชาชนที่จะบอกว่า น้าเหลิม พักผ่อนอยู่กับบ้านเถอะ

                และอย่าลืมบอกลูกชายด้วยว่า เอาดีทางอื่นจะดีกว่า

                เพราะ "วัน อยู่บำรุง" ไม่ใช่นักการเมืองรุ่นใหม่

                มันไม่ใช่การปิดกั้นทางการเมือง หรือไปจำกัดสิทธิอะไร แต่ถ้านักการเมืองไม่รู้จักพัฒนาตัวเอง สุดท้ายมันเป็นภาระของประเทศ

                เล่นไฮโลเขย่าสูงต่ำสลับทั้งวัน มันก็ปลิ้นเฉพาะกระเป๋าตัวเอง

                แต่เรื่องของประเทศมาเขย่ากันเป็นไฮโลมันก็ฉิบหาย

                ฉะนั้นถ้าอยากได้การเมืองใหม่ อย่าเอาแต่บ่น ประชาชนต้องรู้จักปฏิเสธการเมืองเก่าด้วยตัวเอง

                พวกใจถึงพึ่งได้สร้างปัญหามาเยอะแล้ว ควรจะพอเสียที

                หันมาดูนักการเมืองรุ่นใหม่ พอมีความหวังบ้างหรือไม่

                อย่างที่บอก คสช.ไม่ต้องปลดล็อก ถ้าอยากจะแสดงบทบาททางการเมืองทำได้เลย และนักการเมืองรุ่นใหม่ หน้าใหม่หลายคน เคลื่อนไหวกันมาเป็นปีแล้ว

                ที่ห้องประชุมเกษม สุวรรณกุล อาคารเกษมอุทยานิน คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ จัดเสวนาวิชาการ "การเมืองกับคนรุ่นใหม่" เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีคนรุ่นใหม่ไปพูดกันหลายคน

                แต่ที่ใหม่จริงๆ และเปรียบเทียบกันแล้วพอเห็นน้ำเห็นเนื้อ มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หลานชาย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์  หลานชายสุดหล่อของ น้ามาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

                ทำไมต้องสองคนนี้?

                ไม่มีอะไรมาก...แค่มาถูกที่ถูกเวลา ที่จะอธิบายถึงบทบาทคนรุ่นใหม่

                ในการเสวนาทั้งคู่มีมุมของตัวเอง และแตกต่างกัน

                เป็นความต่างที่ลอกเลียนแบบกันไม่ได้

                ไปดู "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ก่อน

                "......คนรุ่นใหม่อยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง และมีความเป็นไปได้ที่จะต้องอยู่กับอนาคตที่บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย และโอกาสทำมาหากินที่ลำบาก เพราะเราถูกวาดอนาคตโดยกลุ่มคนที่จะไม่อยู่ในอนาคต อย่างที่เห็นว่ามีคนอายุน้อยกว่า ๔๐ ปีเข้าสู่สภาน้อยลงเรื่อยๆ ในการเลือกตั้ง ๓ ครั้งหลังสุด ดังนั้น คนรุ่นใหม่ต้องออกมาบอกว่า พอแล้ว อนาคตเราต้องกำหนดเอง แต่จะไปถึงจุดนั้นได้สังคมต้องมีเสรีภาพก่อน.....

......จุดยืนของพรรคที่ไม่ต้องอ้อมค้อมคือ เราต้องการหยุดการสืบทอดอำนาจของ คสช. พูดไปเถอะว่าจะกระจายอำนาจ ตราบใดที่ไม่ปรับโครงสร้างระบบราชการ การเลือกตั้งผู้ว่าฯ ก็ไม่มีประโยชน์  เพราะข้าราชการที่อยู่ในพื้นที่ได้รับการแต่งตั้งจากส่วนกลาง ซึ่งไม่ต้องฟังเสียงของประชาชน ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ซึ่งผูกติดอยู่กับชนชั้นนำแค่ไม่กี่กลุ่ม ในการเลือกตั้งครั้งหน้าจึงสำคัญว่าเราจะเลือกอยู่กับอะไร อยู่กับการกดขี่หรือเสรีภาพ...."

                มาที่ "พริษฐ์ วัชรสินธุ"

                " .......ไม่ว่าคนรุ่นไหนก็ตาม ตราบใดที่มีเผด็จการ การมีส่วนร่วมทางการเมืองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร  วันนี้มีคนที่อายุเกิน ๑๘ ปี กว่า ๗ ล้านคนที่ยังไม่ได้เลือกตั้ง เราไม่มีโอกาสเข้าไปเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ได้เลย ดังนั้น วันนี้เราต้องชนะการเลือกตั้ง แล้วเข้าไปแก้ไขอะไรก็ตามที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เราต้องกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ

                ......ยอมรับว่าตลอดชีวิตของผมนั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยชนะการเลือกตั้ง แต่การไม่ชนะเลือกตั้งไม่ได้กระทบต่อการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในระบอบประชาธิปไตย ผมมองว่าฝ่ายค้านคือสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตยที่แสดงถึงการถ่วงดุลอำนาจ สำหรับสาเหตุที่ทำให้พรรคไม่ชนะการเลือกตั้ง ผมมองว่าเป็นเพราะนโยบายที่ไม่ตอบโจทย์ประชาชน อย่างไรก็ตาม เราไม่ท้อและเราเรียนรู้......

                .....พรรคประชาธิปัตย์ต้องเข้าสู่ยุคใหม่ที่มีความชัดเจนขึ้นอย่างมากว่าเรามีความเป็นประชาธิปไตย  ในอนาคตต้องไม่มีคำถามนี้กับพรรคประชาธิปัตย์อีกแล้ว และยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งเท่านั้น สิ่งสำคัญคือ พรรค ปชป.ต้องมีนโยบายที่ตอบโจทย์ ปัจจุบันเราอยู่ในโลกของความเปลี่ยนผัน....."

                คมกันคนละแบบ แต่ "พริษฐ์ วัชรสินธุ" มีความต่าง

                ธนาธร พูดถึงการล้มล้างมรดก คสช.มาหลายรอบ เป็นการตั้งคำถามเพื่อเปลี่ยนคนอื่น หรือเอาแต่ยักไฮโลเพื่อน

                แต่ "พริษฐ์ วัชรสินธุ" ตั้งคำถามเพื่อเปลี่ยนตัวเอง

                อาจจะมองได้ว่าหลานชายของอภิสิทธิ์ เป็นไก่อ่อน ไม่ประสาทางการเมือง

                แต่...อย่าลืมว่า เราแทบไม่เคยมีนักการเมืองที่ตั้งคำถามกับตัวเอง เพื่อปรับปรุงตัวเอง

                เรามีแต่นักการเมืองที่คิดว่าตัวเองเจ๋งกว่าคนอื่น จะล้างสิ่งที่คนอื่นทำให้หมด ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าพูดไปแล้วทำได้ไม่ถึงครึ่ง

                จะบอกว่าอนาคตใหม่ไม่มีอดีตให้ถามคงไม่ได้ อย่างน้อยสิ่งที่ผู้รักประชาธิปไตยไถ่ถามกันเองถึงประเด็นไทยซัมมิทละเมิดพนักงาน เลิกจ้างไม่เป็นธรรม "ธนาธร" ไม่เคยตอบ

                หากตอบจะหล่อกว่านี้

                ขณะ "พริษฐ์ วัชรสินธุ" ทำในสิ่งที่คนในประชาธิปัตย์แทบไม่ทำกัน

                การตั้งคำถามว่าทำไมไม่ชนะการเลือกตั้ง ชำแหละนโยบายพรรคว่าไม่ตอบสนองประชาชน นับเป็นคนรุ่นใหม่ กับความคิดใหม่ๆ ที่น่าจับตามองจริงๆ

                ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือประชาชน หากเริ่มพัฒนาที่ตัวเองก่อนไปเรียกร้องเอาจากผู้อื่น

                การเมืองก็จะดีตามที่ใจต้องการ.

                                                                                                                                                ผักกาดหอม

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"