ยึดทรัพย์‘สุทิพย์’ กับพวก100ล้าน


เพิ่มเพื่อน    

    รอง ผบช.ภ.4 เผย ภายในสิ้นเดือนนี้สรุปสำนวนคดีอดีตผู้การเลยกับพวกฉ้อโกงตำรวจทั้งจังหวัด เสียหาย 229 ล้าน ส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง ปปง.ไล่ยึดอายัดทรัพย์ได้แล้ว 100 ล้าน พบผู้ร่วมขบวนการมีมากกว่า 10 คน 
    ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 วันที่ 21 สิงหาคมนี้ พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า บช.ภ.4 ได้ประสานการทำงานร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หลังจาก พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ซึ่งถูกข้าราชการตำรวจ ภ.จว.เลยเข้าร้องเรียนต่อ ผบ.ตร.และ บช.ภ.4 ว่าถูก พล.ต.ต.สุทิพย์ฉ้อโกงเงิน ตามโครงการบริหารหนี้และรวมหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย จนมีการสืบสวนสอบสวน และพบมูลความผิดร่วมกับเครือข่ายแบบแชร์ลูกโซ่ ซึ่งล่าสุด พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. ได้ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.ต.สุทิพย์ และ พ.ต.อ.เฉลิม ยอดปทุม ผกก.อก.ภ.จว.หนองบัวลำภู ลูกน้องคนสนิทที่ถูกกล่าวหาร่วมฉ้อโกง ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
    "การโกงเงินตำรวจ 192 ราย จำนวน 229 ล้านบาท ของ พล.ต.ต.สุทิพย์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวฐานเข้าข่ายฉ้อโกง อันเป็นการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 โดยในการสืบสวนสอบสวนพบว่า เงินที่โกงจากตำรวจไปนั้น ผู้ต้องหานำไปให้คนรู้จักสองผัวเมียที่จังหวัดหนองบัวลำภู นำไปลงทุนร่วมหุ้นกัน จึงมีการสืบสวนขยายผลถึงสองผัวเมียดังกล่าว จนทราบว่านำเงินไปเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งยังมีการระดมเงินด้วยวิธีการชักชวนคนในจังหวัดหนองบัวลำภูและจังหวัดขอนแก่น นำเงินมาร่วมทุนเพื่อนำไปเล่นหุ้น โดยจะแบ่งประโยชน์ให้จำนวนมาก จนทำให้มีผู้หลงเชื่อนำเงินแสนเงินล้านมาร่วมทุน ได้ส่วนแบ่งบ้าง ไม่ได้บ้าง สุดท้ายก็สูญเสียเงินไป
    รอง ผบช.ภ.4 กล่าวว่า คดีดังกล่าว ผู้เสียหายหลายคนเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จังหวัดหนองบัวลำภูและจังหวัดขอนแก่น ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำลักษณะของแชร์ลูกโซ่ จึงประสานงานร่วมกับ ปปง.ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่เชื่อมโยงกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ เพราะพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับแชร์ลูกโซ่นั้น เสมือนการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
    พล.ต.ต.ธนาศักดิ์กล่าวว่า ตำรวจไม่ได้มีการช่วยเหลือผู้ต้องหา เมื่อตั้งรูปคดีแล้วก็ทำการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานทางด้านเอกสารและพยานบุคคล รวมทั้งประสานงานหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อขอข้อมูล คาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้น่าจะสรุปสำนวนส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องผู้ต้องหาได้ สำหรับคดีที่จังหวัดเลยที่มีอดีตผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ต้องหา และมีข้าราชการตำรวจที่ทำโครงการให้กับอดีตผู้การก็ถูกแจ้งข้อหาทั้งหมด รวมอดีตผู้การด้วยเป็น 3 คน ซึ่งการสอบสวนยังมีการสืบสวนขยายผลไปยังที่ไปของเงินที่ออกจากสหกรณ์ เส้นทางการเงิน ปรากฏว่าไปเชื่อมโยงกับบุคคล 4-5 คน ก็ได้มีการเรียกสอบและอายัดบัญชี ซึ่งบุคคลเหล่านี้มีทั้งในขอนแก่น หนองบัวลำภู โดยก่อนจะส่งสำนวนให้อัยการ ได้ให้บุคคลเหล่านี้มาชี้แจง ทั้งการโอนเงินเข้า-ออกในบัญชี แล้วก็พบข้อมูลการเชื่อมโยงไปถึงตัวการใหญ่ที่มีผู้เสียหายมาแจ้งความฉ้อโกงประชาชนในหลายพื้นที่ 
    "เราได้ทำงานร่วมกันกับ ปปง. ในการตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน ตอนนี้รู้แล้วว่ามีใครเชื่อมโยงกับใคร และที่ตลาดหลักทรัพย์มีหุ้นหรือไม่มี ปปง.เช็กหมด อีกทั้งพนักงานสอบสวนในคดีต้องสรุปข้อเท็จจริงทั้งหมดส่งให้ทาง ปปง.โดยละเอียด เพื่อที่ทาง ปปง.จะได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โดยขณะนี้คดีฟอกเงินใน 3 พื้นที่คือ ที่ จ.เลย, จ.หนองบัวลำภู และ จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาที่ร่วมมือกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ รวมกว่า 10 คน ทั้งนี้ ปปง.และ บช.ภ.4 ได้ทำการยึดอายัดทรัพย์สินของ พล.ต.ต.สุทิพย์ รวมทั้งเครือข่ายที่ร่วมขบวนการแล้วเบื้องต้นรวมประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย เงินสด, รถยนต์, ที่ดิน รวมทั้งการอายัดเงินในบัญชีไว้เพื่อตรวจสอบในภาพรวมทั้งหมดด้วย" พล.ต.ต.ธนาศักดิ์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"