'ผมเลือกทางตัน'


เพิ่มเพื่อน    

    "บิ๊กแป๊ะ" คุมเสี่ยอ้วนแถลงข่าว ปิดคดีฆ่า 2 ศพที่เขาชีจรรย์สมบูรณ์ จับผู้ร่วมก่อเหตุ 6 คน และผู้พาหนีอีก 4 ยันไม่มีเจ้าหน้าที่เอี่ยว ด้านผู้ต้องหารับผวาทางตาย เลยต้องเลือกทางตันหนีจนถึงที่สุด เผยจุดก่อเหตุไม่รู้เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ยิงปืนด้าน 2-3 นัด ตำรวจนับร้อยคุมตัวทำแผนท่ามกลางเสียงสาปแช่ง
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 22 สิงหาคมนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร., พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผู้บัญชาการตำรวจภาค 2, พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ร่วมกันสอบปากคำนายปัญญา ยิ่งดัง หรือเสี่ยอ้วน ผู้บงการวางแผนและใช้อาวุธปืนยิง น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือสปาย และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือฟอส เสียชีวิตที่ลานจอดรถหน้าองค์พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
    คดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุได้จำนวน 5 คน ประกอบด้วย นายสายันต์ ศรีสุข หรือยัน ทำหน้าที่แฝงเป็นแฟนของเพื่อนผู้เสียชีวิต เพื่อสืบข่าวและชี้เป้าหมายตลอดเส้นทาง, นายเกียรติศักดิ์ สุรางแสงมีบุญ หรือบอล ทำหน้าที่ขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว เพื่อพานายณรงค์ วรินทรเวช หรือบ่าว มือปืน พร้อมนำพาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนมาจากจังหวัดภูเก็ต พร้อมทั้งถอดเปลี่ยนป้ายทะเบียนเพื่อตบตา และขับรถจอดปิดท้าย เพื่อให้นายปัญญาและนายรณรงค์ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิต, นายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือป๊อป เดินทางมาพร้อมนายปัญญา เพื่อทำหน้าที่ในการขับรถเช่ายี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว เพื่อสะกดรอยติดตามผู้เสียชีวิต, นายกฤษณะ สีสุข หรือมด ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายเกียรติศักดิ์ ในการสะกดรอยติดตามผู้เสียชีวิต, นายณรงค์ วรินทรเวช หรือบ่าว ทำหน้าที่มือปืนผู้ลั่นไกสังหารผู้เสียชีวิต ส่วนนายปัญญา หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปอยู่ที่ประเทศกัมพูชา กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาติดตามจับกุมตัวไว้ได้ที่จังหวัดปรีเวง ประเทศกัมพูชา ขณะเตรียมหลบหนีไปประเทศเวียดนาม
    เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหาเสี่ยอ้วน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากการสืบสวนพบว่าได้มีผู้ให้การช่วยเหลือนายปัญญาพาข้ามพรมแดนหลบหนีไปยังประเทศกัมพูชา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติศาลแขวงพัทยาเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกจำนวน 4 คน ประกอบด้วย 1.นายนิเวศน์ ยิ่งดี 2.นายโกวัน ศิลปาโน 3.นายวินัย ศิลปาโน 4.นายภูธร สิงห์ดี ในความผิดฐาน “ร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยเหลือผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่” กระทั่งสามารถจับกุมไว้ได้ทั้งหมด
    ภายหลังสอบปากคำประมาณ 20 นาที พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น นายปัญญาให้ความร่วมมือดีและให้การรับสารภาพ ส่วนมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุอยู่ในสำนวน สรุปได้ว่าเป็นเรื่องชู้สาว ผู้ต้องหามีอาการค่อนข้างเครียด แต่ยังไม่ได้มีการร้องขอพบแพทย์ คดีนี้สามารถจับกุมได้ครบทุกตัวละครจำนวน 10 คน คือร่วมก่อเหตุ 6 คน และพาหลบหนี 4 คน ต่อไปนี้ฝากเป็นอุทาหรณ์ด้วย ใครจะยิงใคร หรือใครที่พาหลบหนี ถูกดำเนินคดีหมด
    ผู้สื่อข่าวถามว่า การประสานขอตัวจากประเทศกัมพูชาคดีนี้ยากหรือไม่ถึงมีการส่งตัวช้า พล.ต.อ.จักรทิพย์เผยว่า ไม่ถึงกับยาก เพราะเรามีการประสานกับประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่รอบๆ เราทุกประเทศอยู่แล้ว เช่นเดียวกับคดีอื่น คดีนี้ตัวละครครบหมดแล้ว ส่วนที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องในการพาหลบหนี ยืนยันว่าไม่มี ผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการถูกจับหมดแล้ว 
    "ในการสอบปากคำครั้งนี้ ผมยังได้ถามผู้ต้องหา ทำไมต้องทำที่หน้าเขาชีจรรย์ ผู้ต้องหาบอกว่าไม่รู้ นึกว่าเป็นรูปพระแกะสลักเฉยๆ เมื่อรู้ว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นที่สำคัญก็รู้สึกเสียใจ กลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน เพราะขณะก่อเหตุ ยิงปืนไม่ลั่น 2-3 นัด แต่การก่อเหตุครั้งนี้จะเตรียมการมานานหรือเปล่า ขอไม่เปิดเผย อยู่ในสำนวน เอาเท่าที่พอพูดได้"
    ผบ.ตร.กล่าวว่า หลังก่อเหตุ ผู้ต้องหายังติดตามข่าวตัวเองอยู่ตลอด เปิดกูเกิลดูจนทราบเรื่องที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ “จะเลือกทางตันหรือทางตาย” ส่วนคดีเก่าที่เสี่ยอ้วนยิงคนตายและเคยอ้างว่าจ่าย 2 ล้านบาทจบคดีไม่ต้องติดคุกนั้น ตนยังไม่เห็น เอาทีละคดีก่อน หลังจากนี้จะมอบหมายให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ รอง ผบ.ตร. นำตัวไปทำแผน  
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสอบปากคำเสร็จ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวเสี่ยอ้วนกลับจังหวัดชลบุรี เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ผู้สื่อข่าวได้ถามเสี่ยอ้วนว่า ที่ ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ ไม่ตันก็ตาย เมื่อเห็นข่าวแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง นายปัญญาเผยว่า "ผมกลัวครับ ผมเลือกทางตัน"  
    ในช่วงบ่าย ตำรวจคุมตัวเสี่ยอ้วนไปถึง สภ.นาจอมเทียน นำตัวเข้าห้องขังเพื่อรอทำแผนประทุษกรรมประกอบคำสารภาพในช่วงเวลา 15.30 น. ขณะที่นางวันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ แม่น้องสปาย ก็เดินทางไปที่ สภ.นาจอมเทียน เพื่อติดตามการทำแผนด้วย และบอกว่า อยากเห็นหน้าเสี่ยอ้วน และอยากถามว่าฆ่าสปายทำไม ขอขอบคุณตำรวจทุกนายที่ทำคดีได้อย่างรวดเร็ว 
    กระทั่งเวลา 15.00 น. ตำรวจนำโดย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี, พ.ต.อ.อาทร ชิ้นทอง ผกก.สภ.นาจอมเทียน, พ.ต.อ.พัฒนา ปรีชานันท์ ผกก.สส.ภ.จว.ชลบุรี, ร.ต.อ.หญิงรสิตา เณรพงษ์ รองสารวัตรสอบสวน เจ้าของคดี ได้คุมตัวเสี่ยอ้วนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในพื้นที่เขตเมืองพัทยาและสัตหีบ รวม 5 จุด 
    สำหรับจุดที่หน้าองค์พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่เสี่ยอ้วนและทีมงานลงมือสังหาร ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจอาสา และฝ่ายปกครองกว่า 100 นาย คุ้มกันอย่างแน่นหนา พร้อมให้ผู้ต้องหาสวมเสื้อเกราะป้องกันไว้อีกชั้น ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากเฝ้าดูและพากันสาปแช่งในความโหดเหี้ยม โดยหลังจากทำแผนยิง 2 ศพแล้ว เสี่ยอ้วนยังได้ขออนุญาตตำรวจก้มกราบพระพุทธรูปแกะสลัก ขอขมาในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้นับเป็นคดีสะเทือนขวัญที่สังคมต่างให้ความสนใจและเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเป็นกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม แม้ตัวของเสี่ยอ้วนจะปฏิเสธไม่รู้เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม ซึ่งตลอดระยะเวลา 24 วัน นับว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานกันอย่างเต็มกำลัง จนสามารถปิดคดีได้อย่างสมบูรณ์แบบ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"