หิ้ว'เสี่ยอ้วน'ฟ้องศาลพัทยา อ้างยอมเสีย 7 ล้านแต่ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี!


เพิ่มเพื่อน    

23 ส.ค.61 -  พ.ต.อ.อาทร ชิ้นทอง ผกก.สภ.นาจอมเทียน พร้อมด้วย ร.ต.อ.หญิง รสิตา เณรพงษ์ รองสารวัตรสอบสวน เจ้าของคดี และชุดสืบสวน ได้ควบคุมตัว นายปัญญา ยิ่งดัง หรือเสี่ยอ้วน อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่ 332/2561 ในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร มาทำการสอบสวน พร้อมให้พยานที่เห็นเหตุการณ์ชี้ตัว เพื่อเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี ก่อนนำตัวฝากขังส่งฟ้องศาลจังหวัดพัทยา

หลังได้ร่วมกับพวกรวม 6 คน ก่อเหตุร่วมสังหารยิงฆ่าโหด 2 ศพ คือ น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือน้องสปาย อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย  จริตรัมย์ หรือน้องฟอส อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นคู่รักกัน เสียชีวิตอย่างอนาถหน้าองค์พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 ก.ค.61 ที่ผ่านมา

ขณะนำตัวส่งฟ้องศาล เสี่ยอ้วน ได้เปิดเผยต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นครั้งสุดท้ายว่า ขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมเน้นย้ำว่าเงินจำนวน 7 ล้านบาท มีการโอนจริง และมีหลักฐานการโอนเงินให้กับน้องสปาย และผู้เป็นพ่อ พร้อมบอกกับทุกคนว่า เขาชีจรรย์ศักดิ์สิทธิ์จริง ที่ยิงปืนถึง 3 กระบอกไม่ลั่น

นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยถึงความในใจ กับการที่ตนยอมเสียเงินถึง 7 ล้านบาท เพราะถือให้เป็นสัญญาใจที่จะแต่งงานกันในอนาคต แต่มารู้ตัวว่าถูกหักหลัง ด้วยการที่น้องสปาย หนีไปอยู่กับคนรักใหม่เสียก่อน เดิมทีคิดเพียงจะฟ้องร้องทางกฎหมาย เพื่อเรียกร้องเงินคืน แต่ด้วยความที่ตนหลงรัก และโกรธแค้นอย่างมาก จึงไม่ยอมที่จะเสียศักดิ์ศรี และไม่ขอให้กฎหมายเป็นผู้ตัดสิน ยอมทิ้งอนาคตและธุรกิจนับล้าน ขอเลือกใช้ความตายตัดสินปัญหาปมรักปมแค้น ให้ปัญหาทั้งหมดได้จบสิ้นลง และนับเป็นความโชคดีของผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ที่เกือบจะต้องมาจบชีวิตไปด้วย แต่หากันไม่เจอจึงรอดหนี้แค้นนี้ไปได้

ผู้สื่อข่าวยังเปิดเผยอีกว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ขณะนำตัวเสี่ยอ้วน ทำแผนบริเวณพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ได้เกิดเหตุชวนขนหัวลุกขึ้น เมื่อดวงวิญญาณของ น้องฟอส ที่มีความโกรธแค้นได้เข้าสิงห์ร่าง นายอภินันท์ภูศิต หรือโต้ง สุขเจริญ อายุ 56 ปี อาสาสมัครป้องกันปราบปราม สภ.นาจอมเทียน ขณะคุ้มกันการทำแผน สร้างความแตกตื่นต่อประชาชนนับร้อยที่มาเฝ้ารอชมดูการทำแผนอย่างมาก

ด้าน นายอภินันท์ภูศิต เปิดเผยว่า ขณะที่ตนกำลังยืนรักษาความปลอดภัย ระวังแนวป้องกันโดยรอบที่เกิดเหตุก่อนถึงเวลาทำแผนเพียงไม่ถึง 10 นาที ได้เกิดมีเงาสีเหลืองมาปะทะที่ใบหน้า จากนั้นตนก็ไม่ได้สติรับรู้อีกเลย เมื่อส่งถึงมือหมอสติก็กลับคืนมา และผลตรวจก็ออกมาว่าปกติ ตรวจหาสาเหตุไม่พบ และตนก็ไม่เคยมีอาการเช่นนี้ เนื่องจากมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี โดยเพื่อนตำรวจที่เข้ามาช่วยนำส่งโรงพยาบาล ได้เล่าให้ฟังภายหลังว่า ตนได้มีอาการคล้ายถูกผีเข้า ฉี่ราดกางเกง พร้อมพูดขึ้นมาว่า ฆ่าผมทำไม ผมทำอะไรผิด และขับร้องเพลงเป็นภาษาอีสาน รวมถึงมีการฟ้อนรำ ซึ่งตนและคนอื่น ๆ ต่างมีความเชื่อว่า เป็นดวงวิญญาณของน้องฟอส ที่มาเฝ้ารอ เสี่ยอ้วน และคงมีความสุขใจที่เห็น เสี่ยอ้วน ถูกจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย

 นอกจากนี้ ขณะเกิดเหตุ รวมถึงที่โรงพยาบาล ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างสัมผัสรับรู้ถึงกลิ่นเน่าเหม็นตลอดเวลา จนสร้างความหวาดกลัวขนหัวลุก ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างมาก ทำให้ต่างพากันเชื่อถึงความอาฆาตแค้นของดวงวิญญาณ ที่มีต่อการกระทำของเสี่ยอ้วน แน่นอน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"