เชียร์บิ๊กตู่กังขาป้อม องค์กรต้านโกงให้นายกฯเต็มร้อยสังคมผิดหวังนาฬิกาหรู


เพิ่มเพื่อน    

    องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ เผยผลการดำเนินงาน 7 ปี ทัศนคติและจิตสำนึกต่อการทุจริตของประชาชนเปลี่ยนไป ร้อยละ 90 ไม่ยอมรับอย่างสิ้นเชิงและยอมรับรัฐบาลเก่งมีผลงาน "ประมนต์" ให้คะแนน "บิ๊กตู่" เต็มร้อย แต่ยังเสียเพราะคนใกล้ตัว ผิดหวังคดีนาฬิกาเพื่อนช้า
    เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่โรงแรมดุสิตธานี นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน(ประเทศไทย) เป็นประธานแถลงข่าว “7 ปี องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)” โดยกล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนให้ประชาชนคนไทยร่วมเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านคอร์รัปชันที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน จากการสำรวจของหอการค้าไทยร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในการแถลงดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทยล่าสุด พบว่า ทัศนคติและจิตสำนึกต่อการทุจริตคอร์รัปชันของประชาชนเปลี่ยนแปลงไป 
    "ไม่ยอมรับคอร์รัปชันโดยสิ้นเชิง โดยร้อยละ 99 เห็นว่าคอร์รัปชันไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ยอมรับรัฐบาลที่เก่งมีผลงานดีเด่นแต่ทุจริต"
     เขากล่าวว่า การดำเนินงานที่ผ่านมาขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ใช้ยุทธศาสตร์ 3 ป. คือ เปิดโปง ป้องกัน และปลูกฝัง โดยแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ช่วง ช่วงแรก ระหว่างปี พ.ศ.2554-2557 พบปัญหาและอุปสรรคเรื่องความร่วมมือจากภาครัฐยังน้อยประชาชนขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาล ทำให้ไม่สามารถผลักดันการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารราชการและการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ได้ 
    กิจกรรมหลักในช่วงนี้ จึงเป็นการปลุกกระแสผ่านโครงการต่างๆ อาทิ คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การจัดอบรม “หมาเฝ้าบ้าน”, การจัดทำพิพิธภัณฑ์กลโกงชาติ, การริเริ่มข้อเสนอเพื่อปฏิรูปการต่อต้านคอร์รัปชันเสนอต่อ คสช., การจัดทำหลักสูตร “โตไปไม่โกง” การร่วมจัดทำดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย (CSI) และการจัดทำสารคดีสั้น “ปลูกจิตสำนึกต่อต้านคอร์รัปชัน” เป็นต้น 
    สำหรับช่วงที่สอง ระหว่าง พ.ศ.2557-2560 สถานการณ์คอร์รัปชันสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก จากการขับเคลื่อนขององค์กรฯ ภาคีเครือข่าย และความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยใช้ยุทธศาสตร์ทำงานร่วมกับรัฐบาล มีผู้แทนเข้าร่วมเป็นสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.), สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ส่งผลให้ภาครัฐมีความจริงใจและให้ความร่วมมือ ภาคเอกชนมีส่วนร่วมมากกว่าที่ผ่านมา
      นำไปสู่การออกนโยบาย กฎหมาย ที่เอื้อต่อการปราบคอร์รัปชันได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบยิ่งขึ้น อาทิ ร่วมกับกระทรวงการคลัง ร่าง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 กำหนดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ผ่านโครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) และโครงการเพื่อความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST), พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาขออนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 การผลักดันให้มีบทบัญญัติต่างๆ ในรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง พ.ศ.2560 และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการยุติธรรม มีการจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้ตัดสินนักโทษหนีคดีโดยไม่หมดอายุความ และการมีบทลงโทษเอกชนและประชาชนที่ให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐ
    นายประมนต์เผยว่า ผลจากการที่องค์กรและภาคีเครือข่ายร่วมผลักดันกฎหมายดังกล่าว อย่าง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ.2560 กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐผ่านโครงการข้อตกลงคุณธรรม นับตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบัน พบว่าในโครงการข้อตกลงคุณธรรม มีหน่วยงานเข้าร่วม 73 โครงการ มูลค่ารวม 875,428 ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแล้วจำนวน 45 โครงการ มูลค่ารวม 103,839 ล้านบาท ช่วยประหยัดงบประมาณให้รัฐได้สูงถึง 25,128 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.20
     "นับเป็นความสำเร็จที่เกิดจากทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันทำให้เกิดการจัดซื้อจัดจ้างเกิดความโปร่งใส ยุติธรรม  และมีการแข่งขันมากขึ้น แต่ยังพบปัญหาเกี่ยวกับ ระบบบริหารราชการแผ่นดินและการใช้อำนาจรัฐเปิดช่องทางการรับสินบน หน่วยงานราชการไม่ตอบสนองต่อการต่อต้านคอร์รัปชันเท่าที่ควร การบังคับใช้กฎหมายไม่เสมอภาค เกิดความเสื่อมศรัทธาในหมู่ประชาชนบ้าง"
     ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าวว่า ตลอด 7 ปีที่องค์กรและภาคีเครือข่ายได้ผนึกกำลังต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชัน สร้างความเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยหลายประการ ได้แก่ เกิดเครือข่ายคนไทย ทั้งประชาชน นักธุรกิจ นักวิชาการสื่อมวลชนและข้าราชการ ร่วมมือต่อต้านคอร์รัปชันอย่างมีพลังและต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยปลุกกระแสให้เห็นถึงความเลวร้ายของการโกงชาติ และได้ร่วมผลักดันให้เกิดกฎหมาย เปลี่ยนแปลงกระบวนการยุติธรรมและระบบราชการ ที่รวดเร็ว เอื้อต่อการต้านโกงและเอาผิดคนโกง 
    นายประมนต์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า สถานการณ์การเรียกรับเงินใต้โต๊ะจากอดีตที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปัจจุบัน พบว่ามีแนวโน้มลดลงมาก ทำให้ตระหนักรู้ว่ามีการตรวจสอบเพิ่มมากขึ้น แต่หากระบบการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันอ่อนแอลงเมื่อใด คนที่จะทุจริตก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
     เมื่อถามว่า รัฐบาลชุดนี้มีโครงการก่อสร้างมากมาย องค์กรได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบอย่างไรบ้าง นายประมนต์ตอบว่า ได้ร่วมตรวจสอบในโครงการสำคัญต่างๆ ซึ่งมีบุคลากรที่เรียกว่าผู้สังเกตการณ์ ที่ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน มีความรู้ มีประวัติที่น่าเชื่อถือและผ่านการอบรม ฉะนั้นจึงยังขาดบุคลากรในส่วนนี้อยู่พอสมควร แต่เบื้องต้นองค์กรสามารถดำเนินการจนทำประหยัดงบประมาณในภาครัฐได้ถึงร้อยละ 25 
    ถามถึงการส่งหนังสือเพื่อทวงถามความคืบหน้าต่อคณะ ป.ป.ช.กรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ การยืมเงิน 300 ล้านบาท ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. นายประมนต์ตอบว่า ทางเราได้ติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งใดที่ทำแล้วมีความรู้สึกว่าเป็นการกระทำ 2 มาตรฐาน สังคมเองก็ต้องการคำอธิบาย และความล่าช้าที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ทุกคนผิดหวัง แต่ตนก็ยังรอว่าทาง ป.ป.ช.จะชี้แจงกรณีดังกล่าวอย่างไร
    ซักว่า ให้คะแนนความจริงใจของรัฐบาลนี้ในการร่วมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันเมื่อเทียบกับรัฐบาลที่ผ่านมากี่คะแนน ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯตอบว่า ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เต็มร้อยคะแนน แต่ยอมรับว่ายังมีบุคคลใกล้ตัวหลายคนที่สังคมตั้งข้อสงสัย ซึ่งเป็นปัญหาส่วนหนึ่ง และปัญหาอีกส่วนคือระบบราชการ เมื่อมีและนโยบายอย่างหนึ่งอย่างใดออกมาแล้วการขับเคลื่อนยังไม่ราบรื่น เพราะระบบราชการไทยมีข้อจำกัดพอสมควร ทำให้หลายเรื่องที่องค์กรพยายามจะเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา
     ด้านนายวิเชียร พงศธร รองประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน กล่าวถึงก้าวต่อจากนี้ไปในปี 2561 องค์กรและภาคีเครือข่ายจะยังคงเดินหน้าติดตามหลายประเด็นคอร์รัปชันที่ยังไม่บรรลุผล อาทิ การผลักดันเรื่องการปฏิรูปราชการ ตำรวจ และกฎหมายที่ล้าสมัย, การติดตามโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่สำคัญๆ และการพัฒนาการดำเนินงานต่อต้านคอร์รัปชันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้ Big Data & Analytics มาใช้ในการตรวจสอบที่เข้มข้นมากขึ้น และพัฒนาระบบนิเวศสร้างค่านิยมต่อต้านคอร์รัปชันในเด็ก ในสื่อ ภาคธุรกิจ และประชาสังคมต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"