วันนี้ของ "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ"


เพิ่มเพื่อน    

 เข้าสู่เดือน Black September แล้วนะ

                เพื่อความไม่ประมาท..........

                ใครมีเรือเก็บไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ เข็นออกจากใต้ถุนบ้านมาเตรียมความพร้อมกันไว้

            เผลอๆ กลางเดือน-ปลายเดือน

            อาจได้ลอยเรือเล่นเพลงรักในถนนแทนรถติดกันบ้าง

            เมื่อวาน (๓๑ ส ค.๖๑) อาจารย์ปิยะชีพ ส.วัชโรบล "เครือข่ายรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินภาคประชาชน"

            ส่งหนังสือ "สู้มหาพิบัติภัย" ผู้รู้คือผู้รอด มาให้อ่าน ๑ เล่ม สอดจดหมายลายมือมาด้วย

            "ฝากหนังสือมาให้อ่าน ศึกษาเพิ่มเติมเป็นข้อมูลเรื่องความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่จะมากขึ้นในปลายปีนี้ ถึง พ.ศ.๒๕๖๕

                โดยเฉพาะน้ำท่วมภาคกลางแบบถาวร สืบเนื่องมาจากการสลับขั้วสนามแม่เหล็กโลก

                ผมได้สปอนเซอร์ช่วยพิมพ์มา ๑๑๐,๐๐๐ บาท สามารถแจกวัดกับโรงเรียนที่อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลได้ ๕๐ เล่ม

                คุณเปลวรู้จักหรือแนะนำ แจ้งชื่อให้ผมทราบได้ ผมจะส่งไปให้เจ้าอาวาส และ ผอ.โรงเรียน ศึกษาเพื่อวางแผนรับมือล่วงหน้าครับ

                บุคคลทั่วไปผมจำหน่าย เพื่อระดมทุนมาสร้างที่เก็บเมล็ดพันธุ์พืชใต้ดินครับ"

                ปิยะชีพ วัชโรบล

                ก็บอกผ่านตรงนี้เลย โรงเรียน-วัดแถบชายฝั่งทะเลแห่งใด ต้องการ แจ้งสถานที่ให้จัดส่งมาที่อาจารย์

            ปิยะชีพ วัชโรบล

                โครงการศูนย์เก็บเมล็ดพันธุ์พืชใต้ดิน

                สมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

                ไร่เกษตรภูแพรวา ๒๐๙ ม.๙ ต.ศรีค้ำ แม่จัน เชียงราย ๕๗๑๑๐

            ท่านอื่นต้องการ สั่งซื้อได้ตามแอดเดรสนี้ แต่อาจารย์ไม่ได้บอกว่าเล่มละเท่าไหร่

            แต่ดูรูปเล่ม หนากว่า ๖๐๐ หน้า คุณภาพเนื้อหาและภาพทั้งเล่มแล้ว

            "๑,๐๐๐ บาท"

            สนับสนุนอาจารย์สร้างที่เก็บเมล็ดพันธุ์พืชใต้ดิน ผมว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ

            เมื่อเทียบกับที่อาจารย์ต้องอ่าน-ต้องค้นข้อมูลประกอบภูมิในตัวอีกเป็นร้อยแหล่ง ก่อนกลั่นเป็นหนังสือ

            อ่านรอบแรกแล้ว บอกได้เลย........

            ถ้าไม่มุ่งมั่นส่งสัญญานถึงธรรมชาติโลกที่กำลังเพาะตัวสู่ "มหาพิบัติภัย" จริงๆละก็

            ยากจะหลังขด-หลังแข็ง ประมวลข้อมูลจากสรรพวิทยาออกมาให้อ่านกันเข้าใจได้ง่ายๆ เช่นนี้

            มาดูเรื่อง "สาวอังกฤษ" ที่อ้างถูกมอมยาข่มขืนแล้วรูดทรัพย์ที่ "เกาะเต่า" ต่ออีกซักหน่อยดีกว่า

            ต้องชมว่า .......

            งานนี้ ตำรวจของเรา ทำคดี "เชิงรุก" ได้เยี่ยม

            ทำให้เกาะเต่า "ประเทศไทย" จากที่ตกเป็นจำเลยสังคมโลก จากข่าว "ออนไลน์ป้ายสี"

            พลิกขึ้นมาเป็นโจทก์

            ไล่บี้ เค้นความจริง กระชากหน้ากากตัวการเพจป้ายสีออกมากระเจิง

            และสาวผู้ดีอังกฤษต้นเรื่อง พลิกจากโจทก์เป็นจำเลยสังคมโลก ในภาพ "มิสแตหลอ"!

            ต้องให้เครดิต "พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม" ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๘ เจ้าของพื้นที่

            กับบิ๊กโจ๊ก "พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล" รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว

            ผู้รับตราตั้งจาก "บิ๊กป้อม" รองนายกฯ ให้เป็น "มือปราบทั่วราชอาณาจักร"!

            ร่วมกันสำรวจตรวจสอบพื้นที่ ใช้ทั้งนิติศาสตร์ นิติวิทยาศาสตร์เสร็จสรรพ สรุปได้ว่า

            ไม่มีการ "วางยา-ข่มขืน" เกิดขึ้นจริง

            ตามที่สาวอังกฤษกล่าวอ้าง ตามเพจ "สมุยไทม์" และเพจ "CSI LA" โพสต์แต่อย่างใด

            "สร้างเรื่อง-สร้างข่าว" ขึ้นเอง จะด้วยเจตนาใดก็ตาม

            ที่แน่ๆ "เกาะเต่า-ประเทศไทย" เสียหาย ทั้งการท่องเที่ยวทั้งภาพลักษณ์ประเทศ!

            เห็นบิ๊กโจ๊กยกคณะไปพบกงสุลใหญ่อังกฤษประจำประเทศไทยวานซืน

            เอาผลตรวจสอบ หลักฐานต่างๆ ไปชี้แจงให้กงสุลใหญ่อังกฤษฟัง

            ท่านกงสุลยังออกปาก "ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน"

            คือหญิงสาวอังกฤษผู้นั้น ไม่เคยมาแจ้งเรื่องให้ทราบ ซึ่งตามปกติ มีอะไรเกิดขึ้น ก็ต้องมาแจ้งให้สถานทูตทราบ

            ฝ่ายไทยก็แสดงความจริงใจ-จริงจังในการทำงาน ด้วยบทรุก

            ขอความร่วมมือสถานทูตอังกฤษ

            ให้แจ้งไปยังสาวผู้นั้น ส่งเสื้อที่อ้างมีคราบอสุจิคนร้ายติดอยู่ มาให้ตรวจพิสูจน์

            ทั้งเจ้าตัวก็ควรเดินทางมาด้วย จะได้สอบปากคำ เข้าระบบกล่าวหา เป็นคดีมีเจ้าทุกข์ถูกต้องตามกฎหมาย

            ไม่ใช่อ้างถูกข่มขืนในไทย ทิ้งไว้ร่วม ๓ เดือน เพิ่งนึกขึ้นได้ แล้วไปแจ้งความกับตำรวจที่อังกฤษ

            ไปเล่าให้สื่ออังกฤษ "เดลิเมล์-เดอะซัน" ที่อังกฤษ ออกข่าวประจานไทย อย่างที่เป็น

            มันต้องรุกแบบนี้

            มัวแต่กลัวฝรั่งไปทุกเรื่อง จริง-ไม่จริง ก็ปล่อยฝรั่งไล่บี้ ให้เขาใช้ภาษาผู้ดีเหยียดหยันเราอยู่ร่ำไป

            มันเจ็บใจ

            ทำให้พวกชาติตะวันตกได้ใจ "ขี่เรา-ข่มเรา" ประจำ

            ถ้าเราใช้ความเป็นสุภาพบุรุษอารยะ รุกเข้าไปบ้าง อย่างเรื่องนี้

            ผู้ดีก็จ๋อย .......

            พูดได้คำเดียว ขอบคุณ..ขอบคุณ ในข้อมูล (ที่เถียงไม่ออก)!

            "คืนที่อ้างว่าเกิดเหตุ ตรงกับขึ้น ๑๔ ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง และคืนดังกล่าว มีน้ำทะเลหนุนสูง ขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของสาวชาวอังกฤษ

                ที่ว่าคืนวันเกิดเหตุ ไปนั่งดื่มบริเวณริมชายหาด ก่อนที่จะถูกมอมยา และพาไปข่มขืน ที่เป็นโขดหินห่างจากร้านฟิชโบว์ล ประมาณ ๓๐๐ เมตร

                แต่จากตรวจสอบพบว่า....

                การเดินไปยังจุดเกิดเหตุ จะต้องเดินลุยน้ำทะเลไปยังโขดหิน

                ก็จะเป็นจุดสนใจ ต้องมีคนเห็น เพราะตอนนั้น มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณริมชายหาด

                จึงเป็นไปตามคำกล่าวอ้างนั้นไม่ได้

                สรุปได้ว่า จากพยานหลักฐานที่ตรวจสอบ 'ไม่มีการวางยาและการข่มขืนเกิดขึ้น' "

                 เนี่ย ฝ่ายไทยเดินเข้าหา แจงอย่างนี้ ถ้าอังกฤษจะแย้ง มีหลักฐานอะไรจากผู้เสียหายคัดง้าง ก็งัดมาดูกัน

            แต่นี่ มีแต่......"เขาว่า"

            วิญญูชนทั้งโลกฟังแล้ว ย่อมมีดุลยพินิจได้ ตำรวจไทยแตหลอ หรือสาวเมืองผู้ดีแตหลอ?

            ในความเห็นผม นอกจากแจ้งด้วยวาจาให้กงสุลใหญ่อังกฤษทราบแล้ว

            ควรทำเป็นหนังสือแจ้งผลตรวจสอบคดีไปให้สถานทูตอังกฤษในไทยทราบเป็นทางการด้วย

            และเน้นให้นำตัวเจ้าทุกข์พร้อมหลักฐานตามอ้างเดินทางมาพบตำรวจด้วย

            ไม่ใช่แม่จะมาแทน แถมพูดเหยียด "จะไม่ยอมให้ลูกสาวมาเมืองไทยอีก"

            แม่รักลูกน่ะ..ใช่

            แต่รักที่ถูกทาง นั้น ควรสอนลูกให้พูดความจริงด้วย และอะไรที่จริง ต้องพร้อมรับ พร้อมพิสูจน์!

            นอกจากนั้น ตำรวจน่านำผลตรวจสอบที่ว่าสมบูรณ์ ๑๐๐% ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศไทย

            โดยแปลเป็นภาษาอังกฤษ

            เป็นเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริง ส่งผ่านไปทางสถานทูตไทยในลอนดอน

            ให้สถานทูตไทยแจ้งถึงหนังสือพิมพ์เดลิเมล์กับเดอะซัน ให้ลงข่าวด้วยคำชี้แจงข้อเท็จจริงคดี

            เขาจะลง-ไม่ลงเป็นอีกเรื่อง

            แต่ที่แอ็กชันออกไป ก็เป็นข่าวยืนยันถึงความโปร่งใสการทำงานของตำรวจและมาตรฐานประเทศได้ระดับหนึ่งแล้ว

            พูดถึงบิ๊กโจ๊ก "พล.ต.ต.สุรเชษฐ์" ก็เป็นห่วงนะ!

            การที่ "บิ๊กป้อม" ส่งเสริมลูกน้องให้ทำงานแบบ "วันแมนโชว์" นั้น ถึงบิ๊กโจ๊กจะทำงานได้ดี

            แต่ต้องคำนึง .......

            การโด๊ปยาให้ระดับ "รองผู้บัญชาการ" ยศแค่ พล.ต.ต.ข้ามรุ่น ข้ามตำแหน่ง

            ไปทำงาน ในหน้าที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงกว่า ตั้งแต่ระดับ รอง ผบ.ตร.ลงไปถึงระดับผู้บัญชาการ เช่นนี้

            นึกหรือว่า ตำรวจด้วยกันจะพอใจ?

            วันไหน "บิ๊กป้อม" หมดอำนาจ ก็น่าห่วง บิ๊กโจ๊กจะเข้าพวก-เข้าหมู่ อยู่ในแถว-ในไลน์ ได้อยู่หรือ?

            "คนกินเนื้อคน" นั้น มีในเผ่าซูลู แถบแอฟริกา

            แต่เมืองไทย วงการตำรวจนี่แหละ "กินกันเอง" เป็นวัฒนธรรมชิงอำนาจ รู้กันทั่ว

            การทำหน้าที่ได้ดี นั้น ไม่มีใครว่า

            แต่ "เด่น-ดัง" เกินหน้า ยิ่งชนิด "ข้ามหัวมาคนเดียว" ด้วยแล้ว

            เตือนด้วยรัก ระวังหน่อยก็ดี.........

                "โจ๊ก" มันจะ "ขม"!

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"