ข้องใจใช้งบผิดวินัยการคลัง มาร์คชี้โอนข้ามหน่วยไม่ได้


เพิ่มเพื่อน    

    "มาร์ค" ซัดรัฐบาลใช้งบประมาณแผ่นดินขัดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง ข้องใจหน่วยงานใดใช้ไม่หมดให้กวาดมาเป็นงบกลาง ยันโอนงบข้ามหน่วยงานไม่ได้ "วัชระ" เผย 2 อดีตตุลาการร้องเรียนโดน สนง.ศาลยุติธรรมรื้อบ้านพักสร้างคอนโดฯ มูลค่า 5 ร้อยล้านโดยไม่ฟังเสียงท้วงติง ชี้พิรุธผู้รับเหมาเร่งรื้อถอนขณะที่ยังมีผู้อาศัยอยู่ แนะย้ายงบไปสร้างที่อื่น
    เมื่อวันจันทร์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงวินัยการเงินการคลังของรัฐบาล ภายหลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2562 วงเงิน 3  ล้านบาทว่า ขณะนี้รัฐบาลตั้งงบประมาณขาดดุล 450,000 ล้านบาท หมายถึงรัฐบาลใช้งบประมาณมากกว่าเงินที่เก็บได้ เป็นหนี้และต้องกู้ ซึ่งที่สุดประชาชนจะต้องเป็นคนใช้หนี้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง  อย่างไรก็ตาม หนี้คงค้าง 6 ล้านล้านบาท หรือครึ่งหนึ่งของรายได้ประชาชาติ โดยตามมาตรฐานสากลอยู่ในภาวะที่ยอมรับได้ แต่ตายใจไม่ได้ ต้องดูว่าแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นหรือไม่อย่างไร
     "หลายโครงการของรัฐบาลหลายยุคใช้วิธีเลี่ยง โดยให้สถาบันการเงินของรัฐ หรือตั้งกองทุนเพื่อให้กู้ แต่สุดท้ายรัฐต้องนำเงินมาอุดหนุนภายหลัง ซึ่งหมายถึงประชาชนเป็นผู้จ่าย ในสมัยรัฐบาลผมค่อนข้างเคร่งครัดในเรื่องแบบนี้ โดยกำหนดชัดว่าเวลาทำโครงการลักษณะนี้ต้องแยกบัญชี และถ้ามีการขาดทุนจะต้องตั้งงบประมาณชดเชยทันทีในปีต่อไป ดังนั้นจึงอยากเห็นว่าขณะนี้ที่ค้างกัน ซ่อนกันอยู่ อยู่ที่ไหนอย่างไร"
    หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงงบกลางว่า เป็นสิ่งที่กฎหมายวิธีการงบประมาณและกฎหมายวินัยการเงินการคลังพยายามจะจัดให้เป็นงบที่ไม่สามารถจัดอยู่ในงบประมาณปกติได้ ต้องมีเหตุผลที่ชัดเจน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนฉุกเฉิน ซึ่งไม่แน่ใจว่าที่ทำอยู่ปีสองปีที่ทำ และในปีงบประมาณต่อไปจากนี้จะทำตามเจตนารมณ์หรือยัง เพราะแปลกใจเวลาไป ครม.สัญจรและบอกว่าจะเอาเงินมาให้ คือเอามาจากไหน เพราะหากไม่ตั้งงบประมาณไว้ก็ทำไม่ได้ ถ้าจะมีเงินมาให้ต้องมาจากงบกลาง
    "สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลทำแล้วขัดกฎหมายวินัยการเงินการคลังคือ สมัยก่อนกฎหมายต้องการให้การนำเสนองบประมาณต่างๆ จะเสนออะไรต้องวิเคราะห์ดีแล้วว่าสามารถใช้จ่ายเงินได้ ถ้าใช้จ่ายไม่ได้ โครงการไม่ทัน หรือโครงการไม่เสร็จต้องส่งงบคืนคลัง แต่รัฐบาลนี้บอกว่าหากใช้ไม่หมดให้กวาดกลับมาเป็นงบกลางได้ หากกระทรวง ทบวง กรมอื่นใช้ไม่หมดสามารถกวาดมาเป็นงบกลาง ซึ่งผมข้องใจเหมือนกัน ความจริงกฎหมายวิธีการงบประมาณ และกฎหมายวินัยการเงินการคลังมีเจตนาค่อนข้างชัดว่าห้ามทำแบบนี้ โดยปกติกฎหมายวิธีการงบประมาณการโอนข้ามหน่วยงานทำไม่ได้ จึงอยากให้ชัดเจน ล่าสุดโครงการบัตรสวัสดิการคนจนจะเพิ่มให้อีก 3 เดือน เพราะนำเงินจากที่หน่วยงานอื่นใช้จ่ายไม่หมดมาให้" นายอภิสิทธิ์กล่าว
    ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากนายชัยฤทธิ์ ลีลาเกรียงศักดิ์ และนายประดิษฐ์ สิงหทัศน์ อดีตตุลาการอาวุโส กรณีสำนักงานศาลยุติธรรมจัดงบประมาณก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยข้าราชการตุลาการ (ธนบุรี) จำนวน 100 หน่วย  แทนบ้านพักตุลาการศาลอาญาธนบุรี ซึ่งเป็นอาคารทาวเฮาส์ 3 ชั้น จำนวน 100 ห้อง ซึ่งยังอยู่ในสภาพดีสามารถพักอาศัยได้ แต่สำนักงานศาลยุติธรรมไม่รับฟังเสียงทักท้วงของคณะผู้พิพากษา มีการจัดของบประมาณจากรัฐบาลประมาณ 500 ล้านมาสร้างอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) แทนในพื้นที่เดิม  และขณะนี้มีผู้อ้างว่ารับเหมาช่วงรีบเข้าไปรื้อถอนอาคารบ้านพักตุลาการศาลอาญาธนบุรีซึ่งยังมีสภาพดีประมาณ 7-8 หลังแล้ว เพื่อนำไม้เก่าอย่างดีมีราคาแพงออกมา เช่น บานประตูไม้สัก ไม้แดง เป็นต้น
    "ผมในฐานะอดีตโฆษกคณะกรรมาธิการงบประมาณ เมื่อได้รับการร้องเรียนก็ไปดูพื้นที่จริงซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างของศาลอาญาธนบุรี พบเห็นคนงานกำลังรีบรื้อทุบทำลายบ้านพักศาล ผมในฐานะประชาชนผู้เสียภาษีเห็นว่า ในกรณีสำนักงานศาลยุติธรรมต้องตรวจสอบว่าผู้รับเหมาช่วงที่เข้าไปรื้อถอนนั้น ปฏิบัติถูกกฎหมายหรือไม่ มีสัญญารื้อถอนหรือไม่ และควรระงับการรื้อถอนไว้ก่อน และควรรับฟังเหตุผลการทักท้วงของคณะตุลาการที่คัดค้าน เพราะมีการยื่นจดหมายส่งตรงถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เดือนเมษายน 2561 แล้ว ซึ่งปัจจุบันปัญหาของข้าราชการตุลาการมีการขาดแคลนบ้านพักอาศัยเป็นจำนวนมาก ในเมื่อบ้านพักตุลาการศาลอาญาธนบุรียังคงใช้การได้ดีอยู่ก็ไม่ควรทุบทำลาย  สามารถพักอาศัยอีกได้นานนับสิบปี หากสำนักงานศาลยุติธรรมจัดสรรงบประมาณมาซ่อมบำรุงก็อาจใช้การต่อไปได้ถึง 20 ปี ซึ่งเป็นการช่วยประหยัดงบประมาณของชาติ" นายวัชระกล่าว
    นายวัชระกล่าวว่า ส่วนงบประมาณที่ได้รับจัดสรรมาแล้วเพื่อสร้างอาคารชุด 5 ชั้น จำนวน 100  ห้องก็ควรพิจารณาย้ายสถานที่ก่อสร้างไปที่อื่น เช่นในเขตบางขุนเทียนหรือบางบอนที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งมีที่ดินราชพัสดุที่อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์เป็นจำนวนมาก ยิ่งในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์มีอำนาจเต็มตาม ม.44 ไม่ใช่เรื่องยากในการย้ายสถานที่สร้างแต่ประการใด
    "ขอเสนอแนะให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับฟังเสียงทักท้วงของตุลาการอาวุโสและคณะผู้พิพากษาที่คัดค้าน ควรจะย้ายงบประมาณไปก่อสร้างที่อื่นซึ่งสามารถทำได้ ดีกว่าดันทุรังก่อสร้างในพื้นที่ที่มีบ้านพักตุลาการที่ยังคงใช้การได้ดีอยู่และขัดแย้งกับข้าราชการด้วยกันเอง อีกทั้งเป็นการประหยัดงบประมาณของชาติและได้บ้านพักตุลาการเพิ่มขึ้นมาอีก 100 หลัง รวมได้ถึง 200 หลัง ซึ่งจะแก้ไขปัญหาการขาดแคลนที่พักอาศัยของผู้พิพากษาได้ในขณะเดียวกัน ซึ่งทุกฝ่ายก็ต่างหวังดีทั้งสิ้น แต่นับเป็นเรื่องที่แปลกมากที่โครงการใหญ่ๆ มูลค่านับร้อยล้านนี้ ไม่มีการติดป้ายสัญญาจัดซื้อจัดจ้างไว้ และมีคนงานรีบเร่งรื้อทุบทำลายขณะที่ยังมีผู้อาศัยอยู่ด้วยซ้ำ" นายวัชระกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"