'ศรี' ร้องสมเด็จพระสังฆราช-มส.ลงโทษเจ้าคณะจังหวัดประจวบฯละเมิดวินัยตัดต้นโพธิ์ทรงปลูก


เพิ่มเพื่อน    


4 ก.ย.61-นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เผยแพร่จดหมายกราบทูลสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และมหาเถรสมาคม เรื่อง "ขอให้มีพระบัญชาตามพระราชบัญญัติสงฆ์ ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมลงโทษนิคหกรรมแก่เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้กระทำการล่วงละเมิดธรรมวินัยร้ายแรงด้วยการสั่งการให้มีการตัดต้นศรีมหาโพธิ์ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ซึ่งทรงปลูกไว้เป็นศิริมงคลแก่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์"

จดหมายดังกล่าวมีเนื้อหาระบุว่า "ตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไปว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์บริเวณยอดเขาช่องกระจก ซึ่งเป็นเขตอภัยทานในความรับผิดชอบดูแลของวัดธรรมิการาม ตรงข้ามศาลากลางจังหวัดในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ อ.เมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงปลูกครั้งเสด็จขึ้นเขาช่องกระจก เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๑ ภายหลังพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นหน่อเดิมจากต้นพระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย  ซึ่งถูกพระราชสุทธิโมลี เจ้าอาวาสวัดธรรมมิการามวรวิหาร และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดด้วยนั้น ได้ใช้อำนาจโดยพละการสั่งการให้มีการตัดโค่นลงมา โดยไม่ได้ขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายเสียก่อนนั้น อันอาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ ความดังทราบแล้วนั้น

การกระทำดังกล่าวของพระราชสุทธิโมลี เข้าข่ายการละเมิดข้อห้ามของพระธรรมวินัยตามพระวินัยปิฎก หรือพุทธบัญญัติอาบัติข้อ “ปาจิตตรีย์” คือ “ห้ามทำลายต้นไม้” ซึ่งแม้จะทรงบัญญัติให้แก้ไขได้ด้วยการปลงอาบัติได้ก็ตาม แต่เนื่องจากต้นศรีมหาโพธิ์ดังกล่าวเป็นหน่อเดิมจากต้นพระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย อันถือเป็นสัญลักษ์ของพระพุทธศาสนา ที่มีคุณค่าทางจิตใจของพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เป็นต้นศรีมหาโพธิ์ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงปลูกครั้งเสด็จขึ้นเขาช่องกระจก เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๑ ภายหลังพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ การใช้อำนาจหรือสั่งการตัดโค่นของพระราชสุทธิโมลี เจ้าอาวาสวัดธรรมมิการามวรวิหาร และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดด้วยนั้น จึงเป็นการมิบังควรที่พระภิกษุขั้นผู้ใหญ่ชั้นราชจะกระทำการอันเป็นที่ครหาของสาธารณชนเป็นอย่างยิ่ง และยังเป็นการตัดต้นไม้ในพื้นที่ป่าไม้ ๒๔๘๔ อันเป็นความผิดทางอาญาต้องอธิกรณ์ในทางโลกอีกด้วย ซึ่งอาจเข้าข่าย “ทำลายชีวิตของต้นไม้” ที่เป็นสัญลักษ์ของพระพุทธศาสนาอาจต้องอาบัติ “ปาราชิก” ด้วย

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงขอกราบทูลมายังพระองค์และมหาเถรสมาคมเพื่อขอให้ทรงพิจารณาและมีพระบัญชาตามพระราชบัญญัติสงฆ์ ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๓๕ และพ.ศ.๒๕๖๑ หมวด ๔  มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ มาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๗ หรืออื่น ๆ โดยลงโทษนิคหกรรมแก่เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้กระทำการล่วงละเมิดธรรมวินัยร้ายแรงและกระทำผิดกฎหมายของบ้านเมือง ตามที่พระองค์และมหาเถรสมาคมจะทรงมีพระบัญชา เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างที่มิชอบต่ออุบาสก อุบาสิกา และพุทธศาสนิกชนทั่วไปด้วย

อนึ่งหากฝ่าพระบาทและมหาเถรสมาคมได้ดำเนินการอย่างใด ๆ ต่อกรณีนี้ตามคำร้องแล้วใคร่ขอได้โปรดประทางอนุญาตแจ้งให้สมาคมฯทราบด้วยตามมาตรา ๔๑ ประกอบมาตรา ๕๐ มาตรา ๕๓ มาตรา ๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐ พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙ ประกอบพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.๒๕๔๖ และพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.๒๕๔๐ 

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด"


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"