สมมุติว่า 'นายกฯ' ตัดสินใจ


เพิ่มเพื่อน    

      หมู่นี้ "นายกฯ" ดูเครียดๆ

      แต่ ๔ ปีผ่าน........

      ฝ่าด่านโหดร้อยแปดปัญหามาได้ชิลๆ แล้วตอนนี้ ยังจะมีอะไรหนักอกที่ต้องเครียดอีกล่ะ?

      ไม่น่าใช่เรื่องงาน

      ถ้าจะมี เป็นเรื่อง "คน" มากกว่า!

      หรือไม่ก็เป็นเรื่องหัวเลี้ยว-หัวต่ออนาคต ที่ต้อง "ตัดสินใจ" อย่างใด-อย่างหนึ่ง เป็นเรื่องที่ต้อง "คิดหนัก"

      นั่นคือ เรื่องการเมือง.......

      ไม่ใช่คิดจะไปลงสมัคร ส.ส.หรือเป็นหัวหน้าพรรค ในการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้ง ที่มั่นหมายกันในเดือนกุมภาปีหน้า

      แต่น่าจะเป็นบนฐาน "ห่วงหน้า-พะวงหลัง" ว่าควรตัดสินใจทางไหนดี ระหว่าง

      "วางมือ"

      รอรัฐบาลใหม่ "จากการเลือกตั้ง" แตะมือ ก็หันหลังให้ทำเนียบฯ แล้วหันหน้าเข้าวัดเลย

      กับ........

      ประกาศ "สู้ต่อ" พร้อมลงสนามการเมืองประชาธิปไตย ภาคเลือกตั้ง

      ด้วยคิดรับผิดชอบกับงานสร้างรากฐานสังคมประเทศที่ คสช.บุกเบิกไว้หลายอย่าง เช่นโครงการอีอีซี

      ซึ่งจะแน่ใจได้แค่ไหน ว่า.......

      ถ้าคนใหม่-รัฐบาลใหม่เข้ามา เขาจะสานงานที่ คสช.ริเริ่มไว้ต่อหรือไม่?

      ถ้าผมเป็นนายกฯ ประยุทธ์ ก็ต้อง "คิดหนัก" ประเด็นนี้

      เพราะการจะเป็นนายกฯ ให้คนพูดถึง

      เหมือน "พลเอกเปรม" ที่คนพูดถึงในฐานะผู้สร้างความโชติช่วงชัชวาลให้สังคมประเทศ

      ผ่านโครงการ "อีสเทิร์นซีบอร์ด"

      หรือจะให้พูดถึง เหมือนกับที่คนพูดถึงบางนายกฯ ผ่านซากโครงการ "โฮปเวลล์" ที่ทิ้งร้าง?

      ตรงนี้ บอกได้เลยว่า..........

      ความรับผิดชอบในภาระงานที่ค้างคา กับเส้นทางการเมืองเรื่องเลือกตั้ง

      มันเป็น "คนละเรื่องเดียวกัน" ที่พลเอกประยุทธ์ ต้องนำขึ้นตาชั่ง หาน้ำหนักที่ลงตัว

      ไอ้เรื่องห่วงว่า ถ้าลงจากหลังเสือ จะถูกหมารุมฟัด เป็นการ "เอาคืน" นั้น

      ไม่อยู่ในความคิดคนชื่อประยุทธ์หรอก!

      นี่พูดถึงเครียดเรื่องการเมือง ทีนี้ มาดูเครียดเรื่อง "คน" บ้าง ซึ่งก็มีประเด็นน่าคิด

      นายกฯ ประยุทธ์นั้น ถ้าเครียดเรื่องฉาบฉวย เฉพาะเรื่อง-เฉพาะวัน อย่างที่เห็นระบายใส่นักข่าวบ่อยๆ

      แบบนั้น ดูได้ว่า ตาแค่ฉายแววโกรธ!

      แต่ตอนนี้ ในเครียดนายกฯ ตาฉายแววหมกมุ่น-ครุ่นคิด ประมาณว่า สร้างอารมณ์หม่นและเหว่ว้า รังแกตัวเอง

      ถ้าเป็นวัยวุ่น ต้องบอกว่า

      กำลัง "อกหัก" หรือไม่ก็ หลงรักเขา แต่ "จีบไม่ติด" ประมาณนั้น!

      แต่พลเอกประยุทธ์เลยวัยวุ่นแล้ว แต่ใจยังซุกซนเหมือนเพื่อนใกล้ตัวบางคนหรือเปล่า ก็ไม่แน่ใจ

      เห็นหมู่นี้ หัวกระไดทำเนียบฯ แทบไม่แห้ง มีดารามา "ซารังเฮโย" แทบไม่เว้นแต่ละวัน

      ในประสบการณ์คนหนังสือพิมพ์ของผมนะ อยากบอกว่า ในจำนวนนายกฯ ที่เห็นมา

      มี "นายกฯ ประยุทธ์" คนเดียวนี่แหละ

      "หวงตัว" ที่สุด!

      ในความเป็นผู้นำบริหารประเทศ มีคนมากมาย ทั้งจำเป็นและไม่จำเป็น ที่คนเป็นนายกฯ ต้องพบปะ-พูดคุย

      พุทธศาสนสุภาษิตมีว่า.........

      "สุสสูสัง ลภเต ปัญญัง" ฟังดีย่อมเกิดปัญญา

      นั่นคือ คนเป็นผู้นำ ไม่ได้หมายความว่า จะรู้ทุกเรื่อง-ทุกปัญหา

      แต่ในฐานะ "กระโถนประเทศ" ต้องแก้ทุกปัญหา!

      จึงจำเป็นต้อง "เข้าถึง" ข้อมูลทุกปัญหา จากคนในวงปัญหานั้นๆ

      ไม่ใช่จาก "วงเพื่อน" รอบตัว ๓-๔ คน แถมล้วนเป็น

      "ชุดความคิดทหาร"!

      ทางควรเป็น สมมุติอยากรู้ปัญหาการเงิน เชิญนายแบงก์มาคุย

      อยากรู้ปัญหาเศรษฐกิจ เชิญพ่อค้า นักธุรกิจมาคุย

      อยากรู้ปัญหาชาวบ้าน เชิญปราชญ์ชาวบ้านมาคุย

      อยากรู้การเมืองเรื่องเลือกตั้ง เชิญนักเลือกตั้งมาคุย

      หมายความว่า คนเป็นนายกฯ.........

      ใจกว้างอย่างเดียวไม่พอ ห้องต้องเปิดกว้าง-เปิดรับด้วย

      รับอะไร...?

      ก็รับฟังความคิดเห็นต่าง เชิญแต่ละเซียน แต่ละผู้เก๋าเกมมากินกาแฟ ให้เขาคุยเรื่องราวใน วงงาน-อาชีพ ให้ฟัง

      อาจไม่ตรงใจ-ตรงความคิดเรา

      แต่นั่นคือ "ฐานข้อมูลจริง" เชื่อ-ไม่เชื่อ ไม่ใช่ประเด็น

      ประเด็นคือ มันเป็น "ทั้งภูมิ-ทั้งปูม" มีเงินก็ซื้อหาไม่ได้

      ใช้ประกอบ "ข้อมูลอื่น-จากคนอื่น" บนการรู้ทัน เพื่อการตัดสินใจครบด้านในเรื่องนั้นๆ โดยไม่พลาดได้

      ไม่ต้องห่วงเรื่องคนจะนินทา นายกฯ คบพ่อค้า คบโจร คบนักการเมือง คบเอ็นจีโอ

      ถึงไม่คบ ปิดประตูบ้านคุยกับภรรยาแค่ ๒ คน ก็ใช่ว่าจะไม่ถูกนินทา

      คนจะว่าร้าย ดียังไง มันก็ว่าไม่ดี ประเด็นสำคัญอยู่ที่ตัวเรา คบแล้วเป็นไปกับเขา

      หรือคบ ในฐานะหน้าที่พ่อบ้าน ต้องพบปะลูกบ้าน เพื่อรับฟังปัญหานั้นๆ จากเขา ใช้แก้ปัญหาในทางรวม

      ชั่ว-ดี-ถี่-ห่าง อย่างไรก็ช่าง..........

      "เกาหลีใต้" ที่ในช่วง ๕๐-๖๐ ปีก่อนหน้านี้ ไทยยังต้องส่งข้าว-ส่งน้ำไปให้กิน

      แต่วันนี้ เกาหลีใต้ ขึ้นชั้นเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งต้องยอมรับกันว่า

      "นายพล ปัก ชองฮี" ท่านผู้นี้แหละ ด้วยบทบาทผู้นำ

      วางรากฐานเศรษฐกิจและสังคมให้เกาหลีที่ล่อนจ้อนด้วยสงครามในวันนั้น

      ผงาดเป็น "เกาหลีใต้" เทียบญี่ปุ่นในวันนี้ จนได้รับสมญานาม "บุรุษผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชียในศตวรรษ"!

      ทุกเช้า.......

      โต๊ะกาแฟนายพลปัก เต็มด้วยพ่อค้า-นักธุรกิจเกาหลี มาพูด มาฟัง มาแก้ปัญหา มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

      ก่อนแยกย้ายกลับไป "บริษัทใคร-บริษัทมัน"

      แค่เนกไทส่งออกเส้นเดียว ลูกค้าต่างประเทศตำหนิมาว่า ผูกแล้วผ้าย่นยับ

      ประธานาธิบดีปัก ต้องนำขึ้นโต๊ะกาแฟ ถกกับบรรดาผู้ผลิตสินค้าส่งออก!

      นี่คือตัวอย่าง การเป็นผู้นำ ต้องเปิดกว้าง ในการรับฟังจากผู้มีประสบการณ์ทุกด้าน

      การรบน่ะ...โอเค ฟังทหารด้วยกันไป

      แต่การบ้าน-การเมือง-การเศรษฐกิจและสังคม ขืนฟังแต่ทหารด้วยกัน วันเดียวได้..สองวันได้

      วันที่สาม...ตายหมด!

      ได้ยินนายกฯ พูดเมื่อวาน (๓ ก.ย.๖๑)

      ".......การเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เพื่อนำไปสู่การเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ที่จะต้องได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล

        โดยสถานการณ์ในช่วงนั้น จะเป็นผลในการตัดสินใจของผมว่า

        จำเป็นต้องอยู่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามรัฐธรรมนูญหรือด้วยกลไกของรัฐธรรมนูญหรือไม่

        และถ้าจำเป็น .........

        แล้วจะเป็นได้อย่างไร?

        ซึ่งจะตัดสินใจอีกครั้งในสถานการณ์ช่วงนั้น เพราะวันนี้คงตอบได้เท่านี้"

        หรือนี่ คือเหตุทำให้ลุงตู่ของผมเครียดลงกระเพาะ?

      อืมมมมมม....

      เมื่อประกาศใช้กฎหมายลูกอีก ๒ ฉบับในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว นายกฯ จะตัดสินใจทางอนาคตการเมืองอีกครั้ง

      นี่เป็น "ท่าทีใหม่" ของนายกฯ เลยนะเนี่ย!

      ในความเห็นผม ถ้าตัดสินใจ "ไม่เอาต่อ" ก็ไม่ต้องเครียด รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๖๔ บอกแล้ว.........

      อยู่เป็นนายกฯ รัฐบาล คสช.จนกระทั่งคณะรัฐบาลเลือกตั้งใหม่มาแตะมือนั่นแหละ จบ

      แต่ที่เครียด แสดงว่า "ตัดสินใจไปต่อ" แน่นอนแล้ว

      แต่ทีนี้ จะเข้าตะเข็บการเมือง ว่าด้วยการเลือกตั้งช่วงไหน ลีลาไหน นี่แหละมันทำให้เครียด

      ผมว่าไม่ต้องเครียด เชื่อฝีมือ "เชฟป้อม" เถอะ!

      ประเด็นมีอยู่ว่า........

      จะให้พรรคไหนเอาชื่อลงบัญชี "เป็นนายกฯ" ของส่ง กกต.เท่านั้น!

      อย่างช้า ตุลานี้ ก็ต้องตัดสินใจเอาทางหนึ่ง จะผลุบๆ โผล่ๆ ต่อไปไม่ได้แล้ว

      แต่ถ้าผมเป็นพลเอกประยุทธ์นะ ในเมื่อตัดสินใจลงสนามประชาธิปไตยทั้งที

      ลงครึ่งตัวให้เขาด่า ใช้ความเป็นรัฐบาลหาเสียงไปทำไม

      ไหนๆ ก็ไหนๆ........

      โจนลงทั้งตัว ให้ช็อกกันทั้งประเทศไปเลย!

      มีพระราชกฤษฎีกาประกาศวันเลือกตั้งปุ๊บ ลาพักจากการเป็นนายกฯ รัฐบาลรักษาการปั๊บ
      ให้ "เชฟป้อม" เป็นนายกฯ แทน แม้จะแค่รักษาการก็ได้ชื่อว่านายกฯ

      สมัยหน้า "พี่ใหญ่-พี่รอง" น่าจะพอซะที ถอยไปช่วย "น้องเล็ก" อยู่ในแถวสองก็เหลือเฟือ

      นี่สมมุติเป็นผมนะ แต่สำหรับตัวท่านนายกฯ เอง จะตัดสินใจแบบไหน ก็รอฟัง เพราะท่านบอกแล้ว

      แต่ถ้าออกมาเป็นนายกฯ ในบัญชี ๓ รายชื่อของพรรคอย่างที่ว่านี้

      สิ้นลังเล-สงสัย ว่า..........

      จะกาเบอร์พรรคไหน ถ้าต้องการให้ "พลเอกประยุทธ์" เป็นนายกฯ ต่อ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"