เชียงรายโมเดล ชวนปั่นเลิกบุหรี่


เพิ่มเพื่อน    

                 เสียงตอบรับ ควบคู่การขับเคลื่อนเริ่มกระจายไปทั่วประเทศ ภายใต้โครงการนักปั่นจักรยาน 4 ภาคเลิกบุหรี่  ในโครงการการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน ปีที่ 3 ระหว่างปี2559-2562     ภายใต้การสนับสนุนของ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  สมาคมหมออนามัย  สมาคมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย มูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย สมาคมวิชาชีพสาธารณสุขและชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน

ล่าสุดประชาคมเชียงรายได้สานต่อแนวทางนี้ ด้วยการจัดกิจกรรม “เชียงรายโมเดล ปั่นต่อยอดลด ละ เลิก บุหรี่” ภายใต้งาน  “ปั่นปลุก ลุก สร้าง กระแสรณรงค์เลิกบุหรี่” เมื่อเร็วๆนี้

นายบุญมี แก้วจันทร์  สาธารณสุขอำเภอเทิง (สสอ.เทิง)  จังหวัดเชียงราย  ระบุว่า การมีส่วนร่วมของประชาชน คือหลักใหญ่ของกิจกรรมดังกล่าว  ทั้งนี้ การดำเนินการที่ผ่านมาน่ายินดีว่าได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการผลักดันงานร่วมกัน นอกเหนือจากแวดวงสาธารณสุขในจังหวัดเชียงราย  โดยเฉพาะหน่วยงานปกครองซึ่งให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ และเป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะอย่างกรณีของ นายอำเภอเวียงป่าเป้าที่ประกาศเลิกบุหรี่อย่างเด็ดขาด ซึ่งเรียกว่าได้เป็นขวัญกำลังใจที่ดี ในการเป็นต้นแบบให้ชาวบ้านได้เห็น

                 “ขณะนี้แต่ละพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย กำลังทบทวนเป้าหมายของโครงการที่ได้ดำเนินการกันมา เพื่อสรุปและเดินหน้าไปต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ การทำงานประเด็นป้องกันนักสูบหน้าใหม่ รวมทั้งตรวจสอบว่าตอนนี้มียอดคนสูบบุหรี่จำนวนเท่าไหร่  และเข้าร่วมโครงการกิจกรรมจำนวนกี่คน เพื่อวางแผนขับเคลื่อนงานต่อในพื้นที่ 18 อำเภอ โดยก่อนเดือนกันยายน จะมีการอบรมแกนนำเครือข่าย เพื่อขยายผลต่อ และชักชวน รณรงค์ให้ประชาชนเข้ามาร่วมโครงการเพิ่มมากขึ้น”

สาธารณสุขอำเภอเทิงกล่าวต่อว่า จากโครงการที่ทำพวกเขาได้วิเคราะห์ทบทวน และพบจุดอ่อนที่สำคัญนั่น คือ กระบวนการติดตามประเมินผล และขั้นตอนของการสำรวจข้อมูลของผู้สูบบุหรี่  ที่เริ่มต้นคัดกรองข้อมูลตั้งแต่เยาวชนอายุ 15 ปีขึ้นไปของในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อนำไปสู่การวางแผนทำงานประกาศเลิกบุหรี่  และอีกประเด็นที่สำคัญในการขับเคลื่อนงานเพื่อให้เกิดการต่อยอดอย่างเห็นผลรูปธรรมนั้นก็คือบุคลากรสาธารณสุขในจังหวัด  ที่เราต้องตรวจสอบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และต้องรณรงค์ให้พวกเขาเลิกสูบให้หมดเสียก่อน  

นายบุญมี กล่าวว่า  การใช้กิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อให้คนเลิกบุหรี่  ถือเป็นการสร้างกระแส ให้คนรับรู้โครงการเพื่อที่จะทำงานต่อในการขยายผลประชาสัมพันธ์   พร้อมสร้างรับรู้ถึงโทษของบุหรี่  นอกจากนี้ยังนำกีฬาอื่นๆ มารณรงค์ควบคู่ไปด้วยต่อเนื่อง  อาทิ การเดิน การวิ่ง เพราะแต่ละคนมีความชอบ และศักยภาพในการเล่นกีฬาไม่เหมือนกัน  

 นายกิตติคุณ สุขเกษม อายุ 65 ปี ผู้ร่วมขบวนปั่นจักรยานจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ตนเป็นชาวจังหวัดสิงห์บุรีเคยสูบบุหรี่มาก่อน  แต่ปัจจุบันเลิกสูบมานานแล้ว มองว่าการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานเป็นประจำทำให้สุขภาพแข็งแรง ได้ความเพลิดเพลินทำให้ลืมเรื่องสูบบุหรี่   แม้ขณะนี้จะป่วยเป็นผู้พิการทางด้านการเคลื่อนไหวหรืออัมพฤกษ์ครึ่งซีกก็ยังใช้วิธีปั่นจักรยานเพื่อฟื้นฟูร่างกายทำให้ปัจจุบันสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

                นายกิตติคุณ  เล่าต่อว่า ก่อนหน้านี้เคยร่วมกิจกรรมรณรงค์ลด ละ เลิกสูบบุหรี่สายเหนือ   โดยเริ่มปั่นจากจุดเริ่มต้นที่อำเภอแม่สาย ไปสิ้นสุดที่กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพฯ   ถือเป็นการรณรงค์ทำประโยชน์เพื่อสังคม และตัวเองยังได้ออกกำลังกาย ขณะเดียวกัน การปั่นของตน ยังเป็นการบอกต่อจากนักปั่น ไปสู่นักสูบด้วย แม้จะพิการก็ไม่ใช่อุปสรรคของการปั่นจักรยานระยะทางไกล เพราะใจชื่นชอบการปั่นจักรยานและมีประสบการณ์มานานกว่า 30 ปี

              “ผมรู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ การรณรงค์นี้จะช่วยให้คนที่อยู่ตลอดเส้นทางปั่นเห็นโทษของการสูบบุหรี่ ที่สำคัญจะทำให้ทราบถึงข้อดีของการปั่นจักรยาน อาทิ สุขภาพแข็งแรง ทำให้เพลิดเพลิน ไปพบปะเพื่อนฝูง ได้มิตรภาพใหม่ เป็นต้น ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้ลืมเรื่องสูบบุหรี่ได้ อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่อยากเลิกสูบบุหรี่ ขอให้นึกถึงโทษของการสูบบุหรี่เป็นหลัก และหันมาปั่นจักรยานแทน จะทำให้เลิกสูบบุหรี่ได้แน่นอน”  ผู้ร่วมขบวนปั่นจักรยานจากอำเภอแม่สาย กล่าวปิดท้าย

 การออกกำลังกายจึงเป็นวิธีการที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้สูบเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จแล้ว  ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตัวเรามีความแข็งแรงทั้งร่างกาย  จิตใจ และยังเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมด้วย

 

“Go Zero Waste ชีวิตใหม่

ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรมเปิดตัวนิทรรศการหมุนเวียน "Go Zero Waste ชีวิตใหม่ ไร้ขยะ"  ในวันอังคารที่ 11 กันยายน2561 เวลา 09.30 - 15.30 น. เพื่อตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ สร้างแรงบันดาลใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อก้าวเข้าสู่สังคมไร้ขยะ และร่วมฟังประเด็นเสวนา "Go Zero Waste ชีวิตใหม่ ไร้ขยะ"  โดยวิทยากรนักจัดการขยะทั้ง 3 ท่าน

ประกอบด้วย คุณครูปราณี หวาดเปีย คุณครูจากโรงเรียนรุ่งอรุณ ผู้เชี่ยวชาญการจัดการขยะในโรงเรียนที่ไม่หยุดอยู่แค่ภายในโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังขยายผลผ่านการทำงานร่วมกันทั้งนักเรียน บุคลากรของโรงเรียน ไปจนถึงผู้ปกครองไปสู่ระดับชุมชน  , ผศ.ดร.กุลธิดา จันทร์เจริญ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อพัฒนาชุมชน (ศวพช.) มหาวิทยาลัยสยามผู้ก่อตั้งโครงการ "สวนสุขภาวะห้องสมุดกำแพง" เปลี่ยนพื้นที่กองขยะเขตภาษีเจริญ ให้เป็นสวนสาธารณะแห่งการเรียนรู้เพื่อชุมชน และ ดร.ณัฐพงศ์ นิธิอุทัย ตัวแทนจากกลุ่ม Trash Hero ประเทศไทยกลุ่มอาสาสมัครคนรักษ์โลกที่รวมตัวกันเพื่อเก็บขยะบนชายหาด คืนธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางชายทะเลให้สวยงามไปจนถึงปรับเปลี่ยนขยะกลับมาใช้ใหม่ให้เป็นของมีมูลค่า ทำประโยชน์แก่สังคม

ภายในงานจะได้เรียนรู้จุดจัดการขยะภายในศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ และแนวคิดวิธีการจัดการขยะอย่างถูกวิธีและสร้างสรรค์ผ่านฐานกิจกรรมต่างๆ เช่น การทำหมอนหลอดเพื่อผู้ป่วยติดเตียง และจุดรับบริจาคถุงผ้าสำหรับส่งต่อให้กับโรงพยาบาลต่างๆ สอดคล้องกับนโยบายงดใช้ถุงพลาสติกในการจ่ายยา   รวมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการดังกล่าว   และสำรวจพฤติกรรมในชีวิตประจำวันอันเป็นที่มาของการกำเนิดขยะ นวัตกรรมการจัดการขยะตั้งแต่ระดับบุคคล ชุมชน ไปจนถึงนานาชาติ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับวิกฤตขยะที่ล้วนต้องเผชิญหน้าในปัจจุบัน

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมในวันอังคารที่ 11 กันยายน 2561 เวลา 09.30 - 15.30 น.  ห้องประชุม 201 ชั้น 2 อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 99/8 ซอยงามดูพลี ถนนพระรามสี่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ     หรือสำรองที่นั่ง โทรศัพท์ 093-124-6914 โทรสาร 02-343-1552 (วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 – 17.00 น.) (วันเสาร์ เวลา 10.00 - 17.00 น.)Email:[email protected]


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"