โรงสีข้าวพิจิตรทยอยปิดกิจการ ประกาศหยุดรับซื้อข้าวแล้ว17แห่ง


เพิ่มเพื่อน    

13 ก.ย.61 - นางมิ่งขวัญ พุกเปี่ยม หรือ เจ๊หนิง ประธานชมรมโรงสีข้าว จ.พิจิตร เปิดเผยถึงภาวะวิกฤตของโรงสีข้าวในเขตพื้นที่จังหวัดพิจิตร ว่า พิจิตรเป็นจังหวัดที่มีปริมาณข้าวออกสู่ตลาดมากกว่า 1 ล้านตันต่อปี แต่ขณะนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับสมาชิกในชมรมโรงสีข้าวพิจิตรที่เมื่อปีก่อนๆมีสมาชิกมากถึง 34 โรง แต่พอมาถึงปี 2561 ก็มีโรงสีปิดกิจการและยังคงเป็นสมาชิกชมรมโรงสีข้าวพิจิตรเหลืออยู่แค่เพียง 29 แห่ง วันนี้กลับวิกฤตหนักซ้ำลงไปอีก โรงสีต่างๆที่เคยเฟื่องฟูรับซื้อข้าวจากชาวนาค่อยๆทยอยล้มหายตายจากปิดกิจการและหยุดรับซื้อข้าวจากชาวนา สมาชิกในชมรมโรงสีข้าวพิจิตรที่มี 29 แห่ง วันนี้มีแค่เพียง 8 แห่ง ที่รับซื้อข้าวอย่างจริงจังและต่อเนื่องและมีอีก 9 แห่ง ที่รับซื้อแบบเปิดๆปิดๆ ส่วนที่เหลืออีก 17 แห่ง ตอนนี้หยุดรับซื้อข้าวจากชาวนาแบบสิ้นเชิง แต่ก็ยังต่อใบอนุญาตการประกอบการอยู่

ประธานชมรมโรงสีข้าว จ.พิจิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกวันนี้โรงสีที่หยุดกิจการก็มีการบอกเลิกจ้างคนงานจะเหลือคนงานไว้ในโรงสีก็แค่เพียงไม่กี่คน ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมาสมาชิกในชมรมโรงสีข้าวพิจิตรทั้ง 29 แห่ง ก็เปิดรับซื้อข้าวนาปีมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 ช่วงนั้นเปิดรับซื้อข้าวเกี่ยวสด 25% ตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนดรับซื้อข้าวเกี่ยวสดมาในราคาตันละ 6,400-6,500 บาท ถ้าคิดเป็นข้าวแห้งความชื้น 15% ก็ตกอยู่ในราคาตันละ 7,500 บาท ซื้อไว้ก็เพื่อหวังว่าจะแปรรูปข้าวเปลือกเป็นข้าวสารขายให้กับผู้ส่งออกต่างประเทศ แต่ปรากฏว่าจากถึงวันนี้ราคาข้าวมีแต่ทรงกับทรุด สีข้าวเปลือกเป็นข้าวสารขายก็มีแต่ขาดทุนจึงเป็นเหตุให้โรงสีหลายแห่งหยุดแปรรูปและหยุดรับซื้อข้าวจากชาวนาดังกล่าว ซึ่งนับได้ว่าเป็นปัญหาวิกฤตในเชิงธุรกิจของการค้าข้าวอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน

นายวิรัตน์  ลิ่มทองสมใจ กรรมการผู้จัดการบริษัทโรงสีสิงโตทองไรซ์อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่า ตนเป็นเจ้าของโรงสีขนาดใหญ่มีกำลังการผลิตถึงวันละ 2,000 ตัน มีคนงานนับร้อยคน วันนี้ต้องออกมาประกาศขอหยุดรับซื้อข้าวจากชาวนาเป็นการชั่วคราว เนื่องจากโรงสีของตนเองเปิดรับซื้อข้าวนาปี-นาปรังของชาวนาในเขต อ.เมืองพิจิตร อ.โพธิ์ประทับช้าง และพื้นที่ข้างเคียงมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 ซื้อข้าวเปลือกจากชาวนามาอบให้แห้งแล้วเก็บเข้าโกดังไปแล้วประมาณ 5 หมื่นตัน ในช่วงนั้นที่รับซื้อ ราคาข้าวเปลือกเกี่ยวสดรับซื้อตันละ 6,600 บาท บวกลบนิดหน่อย แต่ถ้าคิดเป็นข้าวแห้งความชื้น 15% ชาวนาก็ได้ราคาตันละ 7,800 บาท ซึ่งได้สีข้าวเปลือกเป็นข้าวสารขายไปแล้ว 2 หมื่นตัน ยังคงเหลือข้าวเปลือกอยู่ในสต็อคกว่า  3 หมื่นตัน ซึ่งต้องเก็บยาวมาเกือบ 3 เดือนแล้ว เหตุเพราะขายไม่ออก ราคาข้าวเปลือกวันนี้รับซื้อข้าวสดแค่ 6,400 บาท เป็นข้าวแห้งก็รับซื้อ 7,500 บาท สรุปว่าวันนี้ขาดทุนเห็นๆตันละ 300 บาท ยังไม่คิดค่าแรงคนงาน ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้าและค่าบริหารจัดการ

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ปัญหาของโรงสีและธุรกิจค้าข้าวในขณะนี้เกิดจากปริมาณข้าวที่มีมาก แต่ตลาดการส่งออกมีน้อยรวมถึงภาวการณ์แข่งขันด้านการตลาดเพื่อการส่งออกเราสู้ไม่ได้ ถามว่าวันนี้ยังมีคนรับซื้อข้าวสารเพื่อส่งออกหรือไม่ คำตอบก็คือ ยังมีคนต้องการรับซื้อข้าวสาร แต่ให้ราคาถูกเหลือเกิน ขืนเปิดเครื่อง เปิดโรงสีรับซื้อข้าวจากชาวนาก็มีแต่ขาดทุนจึงเป็นเหตุให้ต้องประกาศหยุดรับซื้อข้าวจากชาวนาเป็นการชั่วคราว โดยสรุปนับได้ว่าขณะนี้กำลังเกิดภาวะวิกฤตกับผู้ประกอบการโรงสีข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ 37 แห่ง เป็นสมาชิกชมรมโรงสีข้าวพิจิตร 29 โรง วันนี้รับซื้อจริงจังแค่ 8 โรง รับซื้อข้าวแบบเปิดๆปิดๆตามฤกษ์สะดวก 9 โรง ส่วนอีก 17 โรง ประกาศหยุดกิจการเลิกจ้างคนงานในบางส่วน และหยุดรับซื้อข้าวจากชาวนา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นห่วงโซ่ธุรกิจของวงการค้าข้าวที่อาจต้องมีผลกระทบมาถึงชาวนาไม่มากก็น้อย เพราะว่าปลูกข้าวแล้วไม่มีผู้รับซื้อ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"