สอบปากคำ7ผู้ต้องหาเครือข่าย 'สุทิพย์' โกงเงินสหกรณ์


เพิ่มเพื่อน    

รอง ผบ.ตร.รุดสอบปากคำ 7 ผู้ต้องหา เครือข่าย “ผู้การสุทิพย์”  พบเป็นอดีตผู้พิพากษาและข้าราชการ “รุ่งโรจน์” ย้ำชัดสาวถึงใครเอาผิดยึดทรัพย์ทันที

13 ก.ย.61 - ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุระชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง รอง ผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบช.ทท. ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนผู้เสียหายและผู้ที่มีส่วนพัวพันในคดีการทุจริตโครงการรวมหนี้และบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย ที่ผลการสืบสวนพบว่าเชื่อมต่อเครือข่ายคดีแชร์ลูกโซ่ ซึ่งมี พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย เป็นผู้ต้องหารายสำคัญ

โดยในวันนี้พนักงานสอบสวน ร่วม บช.ภ.4 และ สตช. ได้ทำการเรียกสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม 7 คน เป็นข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม 4 คน เป็นข้าราชการไม่ทราบสังกัด 2 คน และนักธุรกิจ 1 คน โดยในช่วงของการสอบสวนนั้น ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวหรือสังเกตการณ์แต่อย่างใด

พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า การดำเนินคดีที่เกิดขึ้นมีการเอาผิดกับ พล.ต.ต.สุทิพย์ พร้อมพวกไปแล้ว 4 คน ประกอบด้วย พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช อดีต รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย, พ.ต.อ.เฉลิมพล ยอดประทุม ผกก.อก. ภ.จว.เลย ,น.ส.ธิญาดา วิภาวรกานต์ อายุ 40 ปี และนายเกรียงไกร เกตพิบูลย์ อายุ 36 ปี โดยยึดอายัดทรัพย์สินจากบุคคลที่เกี่ยวข้องในจังหวัดต่างๆ ทั้งที่กรุงเทพฯ,นนทบุรี, เชียงใหม่, อุดรธานี และขอนแก่น รวมแล้วกว่า 130 ล้านบาท ซึ่งจากการสอบสวนยังคงพบว่า มีบุคลที่เกี่ยวข้องทั้งอดีตข้าราชการในกระบวนการยุติธรรม,ศาลฯและหน่วยงานอื่น เข้ามาเกี่ยวข้องรวมถึงนักธุรกิจอีกหลายราย

"วันนี้มีอดีตข้าราชการติดต่อขอเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ บช.ภ.4 โดยเป็นอดีตข้าราชการ 6 คน พลเรือน 1 คน รวม 7 คน ซึ่งทั้ง 7 คน ยังไม่ใช่ผู้ต้องหา เพียงแค่เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำหลังมีชื่อเข้าไปพัวพันในคดีดังกล่าว ส่วนอีก 6 คน อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับจากศาลจังหวัดขอนแก่น ดำเนินการติดตามจับกุมตามขั้นตอนของกฎหมาย”

รอง ผบ.ตร.กล่าวต่ออีกว่า ในคดีความดังกล่าวซึ่งพบว่ามีข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ยืนยันว่าไม่มีผลต่อทางคดี ทุกฝ่ายจะต้องได้รับความเป็นธรรม หากเข้าข่ายกระทำความผิดก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะนี้มีผู้เสียหายในหลายพื้นที่ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท โดยหากพบว่าใครมีส่วนพัวพันหรือเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการตามขั้นตอนทั้งหมด ขณะเดียวกันในการยึดทรัพย์จะตรวจสอบเส้นทางทางการเงินในภาพรวมทั้งหมดเช่นกัน หากเชื่อมโยงไปที่ใครก็จะต้องถูกตรวจสอบและยึดอายัดและให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจง หากไม่สามารถชี้แจงได้ก็จะตกเป็นของกลางในคดีทันที


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"