25 ก.ย.61-  สำหรับความเคลื่อนไหวพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่25ก.ย. มีการเปิดรับสมัครสมาชิกพรรค มีสมาชิกพรรคเดินทางมาสมัครสมาชิกอย่างบางตา ขณะเดียวกันบรรดาแกนนำพรรค แกนนำส.ส.แต่ละภูมิภาค ทยอยเดินทางเข้ามายังพรรค เพื่อหารือเตรียมความพร้อมในการพิจารณาข้อบังคับของพรรคใหม่ ตามที่พรรคได้นัดหมายจัดประชุมสมาชิกพรรคในวันที่ 26ก.ย. โดยมีทั้งอดีตส.ส. สมาชิกพรรคเดินทางเข้ามาในพรรคกันอย่างคึกคัก จากนั้นมีอดีตส.ส.บางส่วนจับกลุ่มวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง ความเคลื่อนไหวพรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสามมิตร รวมถึงข้อกังวลภายในพรรคที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องหัวหน้าพรรค ขณะนี้เหลือเพียง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ กับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ที่กำลังขับเคี่ยวกัน 

นอกจากนี้สมาชิกบางรายยังกังวล หากฝ่ายตรงข้ามจะเล่นเกมแรงจัดการกับพรรคเพื่อไทยก่อนวันเลือกตั้ง โดยเฉพาะกรณีแกนนำพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการ แถลงผลงานครบรอบ4ปีรัฐประหาร ซึ่งถือว่าขัดคำสั่งคสช. และความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์ ที่ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในไม้เด็ดของฝ่ายตรงข้าม ที่จะใช้เกมแรงกับพรรค จนถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทย หากมีการประเมินแล้วว่า การเลือกตั้งรอบหน้า พรรคเพื่อไทยมีสิทธิจะชนะการเลือกตั้ง  

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเปิดเผยถึงผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่า หลังจากคดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย ที่เกี่ยวพันไปถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กระชั้นเข้ามา ส่งผลต่อผู้ที่จะมาทำหน้าที่นำพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งต่อไปอีกครั้ง ก่อนหน้ามีข่าวว่าคนในตระกูลชินวัตร วงศ์สวัสดิ์ ทั้งลูกเขย และหลานชาย นายทักษิณ จะมาเป็นคนนำพรรค แต่เมื่อมีสัญญาณเล่นแรงจากฝั่งคสช. นายทักษิณจึงต้องปรับเปลี่ยนท่าทีจากรุกเป็นตั้งรับ เอาคนนอกตระกูลเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งชื่อที่โดดเด่นขึ้นมาอีกครั้งคือคุณหญิงสุดารัตน์ หลังจากกระแสดร็อปลงไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่ใช่คนในตระกูล ชินวัตร ดามาพงศ์ วงศ์สวัสดิ์ ที่มีความเกี่ยวโยงโดยตรงกับนายทักษิณ โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เตรียมจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยในวันที่ 26 ก.ย.

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยอีกว่า พรรคมีการขยับเดินเกมประสานหาแนวร่วมทุกทิศทาง นอกจากเครือข่ายรัฐบาลคสช.ที่ถือเป็นคู่แข่งในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าแล้ว พรรคอื่นๆ ได้มีการไปพูดคุยเจรจาไว้เกือบทั้งหมด แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์โดยมีนายโภคิน พลกุล เป็นผู้ไปร่วมพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่สำนักกฎหมายธรรมนิติ มีการคุยกันถึงขั้นว่าจะยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้คนในพรรคประชาธิปัตย์ แม้พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงมาเป็นลำดับที่หนึ่ง มาจับมือกันเป็นรัฐบาล เพื่อเป็นการล้มเครือข่ายรัฐบาลคสช. ที่มีฐาน 250 ส.ว. ลงไปให้ได้ก่อน.