'เอดีบี'ลุ้นจีดีพีโต4.5% พื้นฐานเศรษฐกิจไทยปึ้ก


เพิ่มเพื่อน    

    "เอดีบี" ลุ้นจีดีพีไทยปีนี้โตถึง 4.5% ปรับคาดการณ์จากเดิมที่ 4% อานิสงส์ส่งออกโต ลงทุนภาครัฐและเอกชนขยายตัวดี จับตาสงครามการค้าสหรัฐ-จีน เริ่มกระทบราคาสินค้าเกษตร แต่พื้นฐานเศรษฐกิจยังปึ้ก 
    เมื่อวันที่ 26 กันยายน ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ระบุถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 มีการชะลอตัวลงตามฐานการขยายตัวที่สูงขึ้น  แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มแผ่วลงหลังจากการทะยานขึ้นสูงในครึ่งแรกของปีนี้ โดยคาดว่าในปี 2561 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ระดับ 4.5% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 4% และในปี 2562 อยู่ที่ 4.3% จากคาดการณ์เดิมที่ 4.1% โดยมีแรงสนับสนุนที่สำคัญคือการขยายตัวของเศรษกิจโลก ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกและภาคการผลิตสำคัญๆ ขยายตัวในเกณฑ์ที่ดี  แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐ และภาคการผลิตที่สำคัญขยายตัวในเกณฑ์ดี แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐยังมีแนวโน้มที่จะอยู่ในเกณฑ์ดีและเร่งขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน
    สำหรับภาคการส่งออก เอดีบีคาดว่าจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้และปีหน้า โดยคาดว่าในปี 2561 และปี 2562 มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐจะขยายตัวที่ระดับ 10% โดยสินค้าอุตสาหกรรม การส่งออกสินค้าเกษตร มีแนวโน้มขยายตัวเช่นกัน ส่วนการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนนั้น มองว่ายังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 4% และปีหน้าขยายตัวที่ระดับ 4.5% อานิสงส์จากการปรับตัวดีขึ้นของฐานรายได้ในระบบเศรษฐกิจและอัตราการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจำนวนผู้มีงานทำในภาคเกษตรตามการปรับตัวดีขึ้นของภาคการผลิตสำคัญๆ 
    ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพบว่า ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 82.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ค.2556 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีแนวนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย นำโดยโครงการประชารัฐสวัสดิการ เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยกว่า 11 ล้านคน ขณะที่ภาพรวมหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูงที่ 77.6% ของจีดีพีในไตรมาส 1/2561 ยังคงเป็นอุปสรรคฉุดรั้งการบริโภคที่สำคัญ
    ทั้งนี้ ในส่วนภาคการลงทุนนั้น เอดีบียังมองว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งมีความคืบหน้ามากขึ้น และคาดว่าจะมีการเบิกจ่ายเม็ดเงินลงทุนมากขึ้นด้วย โดยในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มีโครงการภายใต้แผนการปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วนปี 2559 จำนวน 20 โครงการ และโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมในระยะเร่งด่วนปี 2560 อีก 36 โครงการ โดยเข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้างแล้ว 21 โครงการ วงเงิน 7.25 แสนล้านบาท ยังมีโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีความคืบหน้ามากขึ้น จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนและขับเคลื่อนการลงทุนรวมของประเทศให้สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง 
    ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยดัชนีการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในเครื่องจักร เครื่องมือเพื่อการขยายกำลังการผลิต และการปรับตัวดีขึ้นของการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ โดยปี 2560 มีมูลค่าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 642 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึง 22.4%
    นอกจากนี้ เอดีบียังมองถึงความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คือความตึงเครียดของสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ มาตรการกีดกันทางการค้า และความผันผวนของระบบเศรษฐกิจการเงินโลก จากการที่สหรัฐอเมริกาและจีนดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้าในช่วงครึ่งแรกของปี เริ่มมีแนวโน้มทำให้ราคาสินค้าเกษตรของไทยบางรายการมีข้อจำกัดในการฟื้นตัว รวมถึงความเสี่ยงที่มาตรการกีดกันทางการค้าและมาตรการตอบโต้จะขยายขอบเขตมากขึ้น ซึ่งจะต้องติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงยังมีประเด็นเรื่องเงินทุนไหลออกจากการที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ โดยปัจจัยดังกล่าวทำให้วัฏจักรดอกเบี้ยในตลาดโลกปรับตัวเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอย่างชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ รวมทั้งยังมีความเสี่ยงที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และส่งผลกระทบต่อการขยายตัวและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
    อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง การได้เปรียบเรื่องดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งหนี้สาธารณะและสัดส่วนหนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับต่ำ ช่วยป้องกันไทยไม่ให้ได้รับผลกระทบรุนแรงมากนัก ไทยจึงมีสถานะที่ดีกว่าประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ในการรับมือกับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"