'พท.-ปชป.' คนละสายพันธุ์


เพิ่มเพื่อน    

    ฝุ่นตลบ...
    อีกตั้งร่วม ๕ เดือน กว่าจะเลือกตั้ง แต่บรรยากาศการเมืองราวกับว่า จะเลือกตั้งกันพรุ่งนี้แล้ว 
    สารพัดโพลโซเชียล "ลุงตู่" เลือดโชก
    แพ้หลุดลุ่ย... 
    ที่น่าสนใจคือ เชียงใหม่โพล เพราะทำโพลเป็นทางการกว่าโพลโซเชียลอื่นๆ และมีการแถลงข่าวกันเป็นเรื่องเป็นราว 
    เอาให้ชัด นี่คือโพลที่ทำในนามสถาบันอุดมศึกษา    
    เป็นข่าวเมื่อวันพุธ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดกิจกรรมประกอบการเรียนวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ หัวข้อ "มช.โพล" 
    มีนายสมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มช. และนายอรรถจักร สัตยานุรักษ์ คณะสังคมศาสตร์ มช. ร่วมบรรยาย 
    พร้อมเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นจากนักศึกษา มช. ต่อแง่มุมของรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ และการเลือกตั้ง จำนวน ๕,๔๔๖ ชุด 
    แบ่งสัดส่วนเป็นนักศึกษาปี ๑ ร้อยละ ๒๕
    นักศึกษาปี ๒ ร้อยละ ๒๕
    นักศึกษาปี ๓ ร้อยละ ๒๕
    นักศึกษาปี ๔ ร้อยละ ๒๑ 
    และนักศึกษามากกว่าปี ๔ ร้อยละ ๔
    คำถามที่ระบุว่า หากมีการเลือกตั้งจะลงคะแนนให้พรรคการเมืองใด 
    ผลคือ....  
    ร้อยละ ๒๗ เลือกพรรคอนาคตใหม่
    ร้อยละ ๒๖ เลือกพรรคเพื่อไทย  
    ร้อยละ ๑๕ เลือกพรรคประชาธิปัตย์ 
    ร้อยละ ๔ เลือกพรรคเกรียน 
    ร้อยละ ๒ เลือกพรรครวมพลังประชาชาติไทย
    และร้อยละ ๒ เลือกพรรคชาติไทยพัฒนา
    เมื่อถามว่า อยากเห็นใครเป็นนายกฯ คนต่อไป 
    พบว่า.... 
    นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ร้อยละ ๒๔
    นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรค ร้อยละ ๑๙
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ร้อยละ ๑๐
    นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร้อยละ ๘
    น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ร้อยละ ๖ 
    และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ร้อยละ ๖
    สรุปคือ เลือกพรรคอนาคตใหม่ อยากให้ทักษิณเป็นนายกฯ 
    และประเด็นที่มวลหมู่คนต้าน คสช.พากันเยาะเย้ยคือ 
    "บิ๊กตู่" แพ้ "เนติวิทย์
    ครับ...นี่คือโพลของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และไม่ควรแก้ข่าวว่าไม่ใช่ของมหาวิทยาลัย เป็นเพียงกิจกรรมของนักศึกษาบางส่วน   
    เพราะมีการเคลมไปทั่วว่าคือ โพลมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 
    เสียดายไม่มีการแถลงถึงวัตถุประสงค์ว่า ทำโพลเพื่ออะไร อยากรู้อะไร
    ที่สำคัญ....คิดอะไรอยู่
    ถ้าไม่ใช่โพลของสถาบันการศึกษาคงไม่มีอะไรต้องพูด 
    แต่สถาบันการศึกษาที่บ่มเพาะปัญญาชน กลับทำโพลเพื่อสนองตัณหาคนทำ 
    ประเด็นแรก ทักษิณเข้ามาอยู่ในโพลเพื่ออะไร เพราะข้อเท็จจริง ทักษิณขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ 
    และเมื่อนายสมชาย ปรีชาศิลปกุล และนายอรรถจักร สัตยานุรักษ์ ๒ อาจารย์ที่มักใส่สีแดงลงไปในงานวิชาการอยู่บ่อยครั้ง บอกว่าสำรวจความคิดเห็น จากนักศึกษา มช. ต่อแง่มุมของรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ และการเลือกตั้ง ก็ยิ่งมีคำถามว่า 
    ไม่รู้หรือว่ารัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้อย่างไร? 
    ก่อนนี้ โพลหลายสำนักเคยเอาชื่อนายทักษิณมาเป็นตัวเลือกในเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่มันเป็นไปไม่ได้ จนถูกตำหนิไปหลายขนาน ช่วงหลังจึงไม่มีอีก 
    ไม่โทษนักศึกษา เพราะคนเรามีความอยาก มีความรัก 
    รักใครชอบใครก็เลือกคนนั้น 
    เมื่อโพลใส่ชื่อมา ถึงจะถูกศาลตัดสินว่าโกง แต่ใจมันรักเสียอย่าง....ก็เลือกไป 
    "เนติวิทย์" ก็มา ชนะ "ลุงตู่" ด้วย...ขำกันไป
    แต่คนเป็นอาจารย์ ใช้อวัยวะส่วนไหนคิด? 
    อยากให้เด็กอยู่กับความเป็นจริง
    หรืออยู่ในจินตนาการของอาจารย์ 
    นี่คือปัญหาของการมีเบื้องหลัง! 
    โพลไม่ต้องการรู้ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือพรรคไหนจะชนะการเลือกตั้ง เพราะถามที่เชียงใหม่ มันเดาได้ตั้งแต่ในมุ้ง
    แต่เป็นโพลที่แสดงตนว่าต่อต้านรัฐบาล คสช. ซึ่งไม่แปลกอะไร
    ที่แปลกคือ ต่อต้าน คสช.ทำไมต้องหลบอยู่หลังการเมืองการตลาดด้วยเล่า
    แม้จะมีความเห็นต่างทางกฎหมาย แต่ใช้สถาบันการศึกษามาเชิดชูนักโทษหนีคุก มันสะท้อนว่าความเห็นต่างทางกฎหมายนั้น.... 
    มาจากความ "อยาก" 
    มากกว่าจะเรียกว่า "วิชาการ"
    ทัศนคติต่อประชาธิปไตยของอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ชูที่ทักษิณ กับทัศนคติของคนในพรรคเพื่อไทย ฝ่ายประชาธิปไตยก็มองทักษิณไม่ต่างกัน 
    ใครจะสนใจคำสั่งศาลให้ทักษิณจำคุก ๒ ปีคดีโกง อีกไม่กี่วันอายุความจะหมด 
    หมายจับคดีโกงอีกกี่ใบ สนใจทำไม?
    ประชาธิปไตยไทยมาถึงยุค เดินกุมเป้าเข้าหาคนโกง ใครทักท้วงก็อ้าง ข้าคือฝ่ายประชาธิปไตย 
    ย้อนกลับไปวันพุธอีกที ฉากหลังเวทีแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทย เขียนเอาไว้ว่า 
    "มุ่งสร้างประชาธิปไตย ร่วมหยัดยืนกับประชาชน ไม่จำนนต่อเผด็จการ"
    ภาษาวัยรุ่นบอกว่า "หรูโคตร" 
    พรรคเพื่อไทยใช้ประโยชน์จากรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารเต็มที่ 
    เพราะตามตำรา รัฐประหาร เท่ากับเผด็จการ
    ด่าอย่างไรโลกก็เข้าใจ
    แต่ไอ้ที่เสียงข้างมากลากไป ข่มขืนกฎหมาย ชำเราสภา ถูกด่าเผด็จการรัฐสภานั้น พรรคเพื่อไทยไม่เคยรู้จัก
    แถมบังคับให้คนอื่นยอมจำนน ลงทุนถึงขนาดเสียบบัตรแทนกัน เวียนเทียนกันหน้าไม่อาย 
    แล้วใครจะทำไม เพราะข้าคือฝ่ายประชาธิปไตย 
    เป็นการเมืองที่น่าละอายที่สุด ขนาดหัวหน้าพรรคยังไม่สามารถเลือกเองได้ 
    แล้วบอกเป็นฝ่ายประชาธิปไตย 
    ย้อนไปที่จั่วหัวเอาไว้ 'พท.-ปชป.' คนละสายพันธุ์
    แต่ละพรรคมีทั้งดีและเลวกันทั้งนั้น  
    ถึงกระนั้นความต่างในบางเรื่อง โครโมโซมต่างกันเพียง ๑ คู่ ก็สามารถจำแนกได้ทันทีว่า เป็นคนละสายพันธุ์กัน
    มุ้งเฮีย ก๊วนเจ๊ ในพรรคเพื่อไทย แห่กันตีตั๋วไปพบนายใหญ่ มีข่าวออกมาอยู่เรื่อยๆ ว่า เพื่อให้นายใหญ่ชี้ขาดว่า จะให้ใครเป็นหัวหน้าพรรค
    ไปขี้ไปเยี่ยวที่สิงคโปร์ ฮ่องกง กันมากี่รอบ ล้วนมีวัตถุประสงค์เดียว ให้นายใหญ่เป็นคนเคาะ
    นี่มันจำนนต่อเผด็จการทักษิณชัดๆ
    พรรคประชาธิปัตย์มีข้อดี อย่างน้อยก็เรื่องความเป็นประชาธิปไตยในพรรค     
    การเลือกหัวหน้าพรรคแต่ละครั้ง ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งชี้นิ้วสั่ง นอกจากนิ้วของทุกคน 
    เพื่อไทยล่ะ?
    นายใหญ่จิ้มใครต้องเอาคนนั้น  
    โหวตเสียงเลือกในพรรคแค่พิธีกรรม ทำให้ถูกกฎหมาย 
    แล้วนอกพรรคจะมีประชาธิปไตยหรือ? 
    ฉะนั้นไอ้ที่อ้างประชาธิปไตยพร่ำเพรื่อ ขนาดนักวิชาการยังเอาไปฝัน มันคือปมที่มาจากชีวิตการเมืองที่ไม่มีประชาธิปไตยเลย
    มีสถานะเหมือนผู้อาศัย จะทำอะไรทีจำต้องเกรงใจเจ้าของบ้าน 
    แต่...เดี๋ยวจะหาว่าด่าพรรคเพื่อไทยอย่างเดียว 
    พรรคนี้ก็ระบบระเบียบ มีลักษณะเฉพาะตัว 
    ทำงานเป็นทีม
    และทีมนี้ทำงานตามคำสั่งนายใหญ่ 
    "ภูมิธรรม เวชยชัย" รู้ดีที่สุด 
    การเมืองจากนี้ไป คงไม่มีอะไรมาก นอกจากพ่นน้ำลายใส่กันรายวัน 
    เกทับพรรคไหนได้มากกว่า 
    หรือไม่ก็ข่าวเพื่อไทยตามจีบประชาธิปัตย์ จะยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ 
    เป็นออเดอร์จากทีมเพื่อไทยเขา
    แต่ถ้าจริง....ก็....มันยกร่อง ฟักทอง แตงไทย.  
                            ผักกาดหอม


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"