รองสวป.โอนไปสอบสวน หวั่นถูกเกณฑ์เสียกำลังใจ


เพิ่มเพื่อน    

    "รอง สวป." ลุ้นระทึก! โอนไปงานสอบสวน 3.5 พันตำแหน่ง รอง ผบช.สกพ.แจงปรับเกลี่ยตำแหน่งให้เหมาะสมกับปริมาณงานรับ รอง สวป.ล้นงาน ฟุ้งตอบโจทย์การปฏิรูป ตร.เติบโตได้ตามสายงาน "วิรุตม์" ชี้เกณฑ์รอง สวป.ไปเป็น พงส.ด้วยความไม่สมัครใจจะมีปัญหาไม่พร้อมทำงาน ส่งผลต่อขวัญกำลังใจและกระบวนการยุติธรรม 
    เมื่อวันจันทร์ พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (รอง ผบช.สกพ.) ปฏิบัติราชการแทน ผบช.สกพ.ทำบันทึกข้อความเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมาส่งถึง ผบช.น.และ ผบช.ภ.1-9  เรื่องการกำหนดตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน)-รอง ผกก.(สอบสวน) ให้แก่สถานีตำรวจต่างๆ ในสังกัด  บช.น., บช.ภ.1-9 
    หนังสือระบุว่า ตามที่ได้มีการประชุมเรื่องการพิจารณาแนวทางการกำหนดตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน)-รอง ผกก.(สอบสวน) ให้แก่สถานีตำรวจต่างๆ ในสังกัด บช.น., ภ.1-9 เมื่อวันที่ 20 ก.ย.61 ณ  ห้องประชุม สกพ. ชั้น 6 อาคาร 5 ตร. โดยมี พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม รอง ผบช.สกพ.เป็นประธาน และมีผู้แทนหน่วยงานเข้าร่วม ผลการประชุมสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ 1.การกำหนดตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) ให้แก่สถานีตำรวจต่างๆ ในสังกัด บช.น., ภ.1-9 จำนวน 3,502 ตำแหน่ง ตามกรอบที่วิเคราะห์ตำแหน่งได้ โดยใช้วิธีการดังนี้
    1.1 ปรับเกลี่ยตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) จากสถานีตำรวจที่มีตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) เกินกรอบตำแหน่งที่วิเคราะห์ได้ไปให้สถานีตำรวจที่มีตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) ไม่ครบตามกรอบตำแหน่งที่วิเคราะห์ได้ไปให้แก่สถานีตำรวจต่างๆ ในสังกัด ภ.1-9 จำนวน 443 ตำแหน่ง แยกเป็น ภ.1  จำนวน 77 ตำแหน่ง ภ.2 จำนวน 13 ตำแหน่ง ภ.3 จำนวน 3 ตำแหน่ง ภ.4 จำนวน 10 ตำแหน่ง ภ.5 จำนวน 19 ตำแหน่ง ภ.6 จำนวน 22 ตำแหน่ง ภ.7 จำนวน 63 ตำแหน่ง ภ.8 จำนวน 18 ตำแหน่ง ภ.9  จำนวน 218 ตำแหน่ง
    1.2 เปลี่ยนแปลงการกำหนดตำแหน่ง รอง สวป.ที่เกินกรอบตำแหน่ง รอง สวป.ที่วิเคราะห์ได้ไปเป็นตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) และปรับเกลี่ยไปให้แก่สถานีตำรวจที่มีตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน)  ไม่ครบตามกรอบที่วิเคราะห์ได้ จำนวน 1,041 ตำแหน่ง แยกเป็น บช.น.จำนวน 201 ตำแหน่ง ภ.1  จำนวน 189 ตำแหน่ง ภ.2 จำนวน 89 ตำแหน่ง ภ.3 จำนวน 66 ตำแหน่ง ภ.4 จำนวน 58 ตำแหน่ง  ภ.5.จำนวน 29 ตำแหน่ง ภ.6 จำนวน 154 ตำแหน่ง ภ.7 จำนวน 80 ตำแหน่ง ภ.8 จำนวน 124 ตำแหน่ง ภ.9 จำนวน 51 ตำแหน่ง ซึ่งในกรณีดังกล่าวหลังจากการปรับเกลี่ยตำแหน่ง รอง สวป.ไปเป็นตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) แล้ว มี 2 หน่วยงานที่ได้ตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) ครบตามกรอบตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) ที่วิเคราะห์ได้ คือ บช.น., ภ.9 และยังเหลือตำแหน่ง รอง สวป.เกินกรอบตำแหน่ง รอง สวป.ที่วิเคราะห์ได้อีก 313 ตำแหน่ง แบ่งเป็น บช.น.จำนวน 258 ตำแหน่ง ภ.9 จำนวน  55 ตำแหน่ง
    1.3 ตัดโอนและปรับระดับตำแหน่ง ผบ.หมู่-รอง สว.ในกลุ่มงานอำนวยการและสนับสนุน และสายงานปฏิบัติการป้องกันปราบปราม ซึ่งเป็นตำแหน่งว่างและมีความจำเป็นน้อย เป็นตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) เพิ่มให้แก่สถานีตำรวจในสังกัด ภ.1-9 ซึ่งยังมีตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) ไม่ครบตามกรอบตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) ที่วิเคราะห์ได้ จำนวน 2,461 ตำแหน่ง แบ่งเป็น ภ.1 จำนวน 29  ตำแหน่ง ภ.2 จำนวน 358 ตำแหน่ง ภ.3 จำนวน 574 ตำแหน่ง ภ.4 จำนวน 541 ตำแหน่ง ภ.5 จำนวน  393 ตำแหน่ง ภ.6 จำนวน 99 ตำแหน่ง ภ.7 จำนวน 144 ตำแหน่ง ภ.8 จำนวน 363 ตำแหน่ง 
    2.ตัดโอนและปรับเกลี่ยตำแหน่ง รอง สวป.ของสถานีตำรวจที่มีตำแหน่งเกินกรอบที่วิเคราะห์ได้ไปให้แก่สถานีตำรวจที่มีตำแหน่ง รอง สวป.ไม่ครบตามกรอบที่วิเคราะห์ได้
    ท้ายบันทึกระบุว่า สำหรับการดำเนินการตามข้อ 1.3 ขณะนี้หน่วยต่างๆ ได้จัดบัญชีตำแหน่งให้แก่  สกพ.แล้ว และเพื่อให้การกำหนดตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน)-รอง ผกก.(สอบสวน) ให้แก่สถานีตำรวจในสังกัด บช.น., ภ.1-9 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบจัดทำบัญชีกำหนดตำแหน่งตามข้อ 1.2-1.3 และข้อ 2 ส่ง สกพ.ภายใน 5 ต.ค.61
     พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม รอง ผบช.สกพ.ชี้แจงเรื่องนี้ว่า เนื่องจากว่าเราจะดำเนินการปฏิรูป โดยเฉพาะงานสอบสวนเราเห็นว่าเป็นงานสำคัญของ สตช. เดิมทีตำแหน่งงานสอบสวนมีไม่เพียงพออยู่แล้ว  จึงต้องมีการปรับเกลี่ยงานที่มีความจำเป็นน้อยกว่า สิ่งนี้จะเป็นการตอบโจทย์การปฏิรูปตำรวจ เนื่องจากงานสอบสวนตำรวจไม่ค่อยอยากเป็นพนักงานสอบสวน (พงส.) อีกอย่างที่มีคำสั่งยุบแท่ง พงส.จำนวนตำแหน่งยังไม่ถูกวิเคราะห์ เราก็มาวิเคราะห์ให้เหมาะสมกับปริมาณงานแต่ละสถานี ได้มีการเชิญหน่วยงานต่างๆ มาร่วมกันวิเคราะห์ว่าแต่ละโรงพัก พงส.ควรจะมีเท่าไหร่เพื่อให้สอดคล้องกัน แต่เรื่องนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการยังไม่ถึง ตร. แต่พยายามจะเร่งให้แล้วเสร็จโดยเร็วจะได้ประโยชน์ต่อราชการอย่างยิ่ง
    ผู้สื่อข่าวถามถึงตำแหน่งรอง สวป.ที่ต้องถูกปรับเกลี่ยมาเป็นรอง สว.(สอบสวน) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครอยากจะมา เพราะขนาด พงส.เองยังพยายามจะย้ายออกสายงาน พล.ต.ต.สรไกรกล่าวว่า ต่อ ไปจะต้องสร้างตำรวจที่อยู่ในสายงานปราบปรามให้มีความรู้เรื่องสอบสวน เนื่องจากทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน เมื่อตำรวจสาย ป.ไปจับกุม บางคนไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายที่ดีพอก็มีปัญหาอาจถูกฟ้องร้องได้ และตำแหน่งรอง สวป.ที่มีอยู่ในปัจจุบันมันล้นงาน ต้องมีการปรับเปลี่ยน เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่การปรับเปลี่ยนต้องมาดูอีกทีว่าเราต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดความกระทบกระเทือน เหมือนข้าราชการตำรวจที่มีอายุเยอะแล้วเราก็ไม่เอาเขามา ต่อไปนี้คนที่เป็น พงส.ก็เติบโตได้ตามสายงาน สร้างความภูมิใจให้เขา คุณสมบัติต่างๆ คนที่อยู่โรงพักต้องรู้ เรื่องงานสอบสวนจะตอบโจทย์เรื่องการบริการประชาชนได้
    ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองผู้บังคับการจเรตำรวจ และอดีตที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการปฏิรูปตำรวจ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า ปัญหางานสอบสวนที่แท้จริงปัจจุบันไม่ใช่เรื่อง พงส.มีน้อย หัวใจสำคัญเกิดจากระบบงานและการบังคับบัญชาที่มีชั้นยศและวินัยแบบทหาร ที่ไม่เอื้อต่อการปฏิบัติงานสอบสวนในฐานะเจ้าพนักงานกระบวนการยุติธรรมชั้นต้นของประเทศ อย่าง ผกก.สอบสวนหรือ ส.ผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่มีความรู้และประสบการณ์ในการทำงานสอบสวนมานานจำนวน 800 คน กลับถูกแต่งตั้งไปประจำ บช.ภาคและ บก. กลายเป็น พงส.ว่างงาน โดยได้รับมอบหมายให้ตรวจสำนวนเสนอรอง ผบช.ลงนามแย้งอัยการโดยไม่มีความจำเป็นอะไรเลย
    "การเกณฑ์สารวัตรหรือรองสารวัตรป้องกันฯ มาเป็น พงส.สถานีตำรวจต่างๆ โดยไม่สมัครใจ โดย แม้จะมีคุณวุฒิ นบ.หรือ นรต. นอกจากตำรวจเหล่านี้จะมีปัญหาไม่สมัครใจทำงานสอบสวนแล้ว ส่วนใหญ่ยังไม่มีความพร้อมด้วย เนื่องจากบางคนหนีงานสอบสวนออกไปหรือทิ้งไปนานมาก ในขณะที่สังคมมีกฎหมายใหม่ๆ เกิดขึ้นสารพัดและประชาชนก็มีความรู้และความตื่นตัวมากขึ้น บางคนไม่มีประสบการณ์เลย บางคนมีอายุมาก ไม่มีความคล่องตัว โดยเฉพาะการใช้สายตาอ่านหนังสือและการพิมพ์คอมพิวเตอร์ อาจต้องมาฝึกงานกับ พงส.ที่อายุน้อยกว่า แต่ทำงานมานานและมียศต่ำกว่า เกิดความประดักประเดิดในระบบยศ นอกจากนั้นยังต้องย้ายจากอำเภอหนึ่งไปอีกอำเภอหนึ่งหรืออีกจังหวัด หรือแม้กระทั่งภูมิภาค ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในครอบครัว การเดินทางกลับบ้าน เกิดปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลัง และเมื่อเข้ามาสายสอบสวนแล้วก็ต้องอยู่สายงานนี้ตลอดไปอย่างไม่เต็มใจและไร้อนาคต ส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของพวกเขาอย่างร้ายแรง เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศอย่างยิ่ง" พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"