ชำนาญฟ้องเพิ่ม ผู้เกี่ยวข้อง12คน ลั่นจะปราบให้ดู


เพิ่มเพื่อน    

    "ชำนาญ" เดินหน้าฟ้องเพิ่มผู้พิพากษา-บุคคลเกี่ยวข้อง 12 รายหมิ่นประมาทฯ ปัดก้าวก่ายแทรกแซงผู้พิพากษา ซัดทำให้เสียหายต่อตำแหน่งหน้าที่และชื่อเสียงเกียรติยศ ท้าผู้พิพากษาที่ค้าน ปธ.ศาลฎีกาสั่งโอนคดีแสดงตัวจะปราบให้ดู "ศรีอัมพร" ยันคำสั่งโอนคดีไม่ใช่การต่อรอง ชี้เป็นเรื่องปกติ เชื่อคดีไปอยู่ที่ศาลใดการตัดสินจะเป็นไปโดยถูกต้องเป็นธรรมแก่คู่ความ 
    มีรายงานความคืบหน้ากรณีที่นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล อธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 กับพวกล่ารายชื่อผู้พิพากษายื่นขอถอดถอนนายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา และกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.ต.) ในศาลฎีกา พ้นจากตำแหน่ง ก.ต. ด้วยข้อกล่าวหาว่าก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าที่และข่มขู่ผู้พิพากษาในคดีมรดกที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อมาวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา นายชำนาญได้ส่งเอกสารคำชี้แจงต่อสำนักงานศาลยุติธรรมเพื่อเผยแพร่ ระบุถึงคดีดังกล่าวเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของครอบครัว พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งจะนำไปสู่การลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอน โดยผู้พิพากษาทั่วประเทศที่จะมีการนับผลคะแนนวันที่ 26 ต.ค.นี้
    นายชำนาญเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนได้มอบอำนาจให้ทนายความร้องทุกข์กล่าวโทษกลุ่มบุคคลรวม 12 ราย ในข้อหาหมิ่นประมาท, หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 ประกอบด้วย 1.นายเดชา อัชรีวงศ์ไพศาล อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานภาค 2, 2.นายธนะรัตน์ ศิริพัฒนโกศล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา, 3.นายรพี แพ่งสภา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดชลบุรี, 4.นายศุภชัย ประไพนพ เลขานุการศาลยุติธรรมประจำภาค 2, 5.นายสุพจน์ หนูเกลี้ยง ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลจังหวัดมีนบุรี, 6.ผู้ใช้ชื่อโปรไฟล์ว่า "Isaret" และ 7.ผู้ใช้ชื่อโปรไฟล์ว่า "กรกฎ" จากการที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้โพสต์ข้อความและแสดงความคิดเห็นในไลน์กลุ่มผู้พิพากษาใส่ความหมิ่นประมาทตน
    รวมถึงกล่าวโทษ 8.น.ส.ตรีทิพย์ วิเศษจินดา ผู้พิพากษาศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา, 9.นางปรานต์ปวร  ศิริเวช เจ้าหน้าที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา และ 10.นายพิพัฒน์ อินทร์พงษ์พันธุ์ ทนายความของสำนักงานทนายความวิชัย ทองแตง ที่ให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่ออนุ ก.ต.ในการพิจารณาความเหมาะสมเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองประธานศาลฎีกา ใส่ความหมิ่นประมาทตน นอกจากนี้ยังได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ 11.นายอาเล็ก จรรยาทรัพย์กิจ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งเป็นกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) และ 12.นายดุสิต ฉิมพันธุ์ทวีสุทธิ์ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดพัทยา ที่นำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาของจำเลยซึ่งใส่ความหมิ่นประมาทตนมาลงเผยแพร่ในไลน์กลุ่มผู้พิพากษา ทำให้มีข้อสงสัยว่าหนังสือของจำเลยมาอยู่ที่ผู้พิพากษาและนำออกเผยแพร่ได้อย่างไร
    นายชำนาญกล่าวว่า การกระทำของคนกลุ่มนี้ทำให้ตนเสียหายต่อตำแหน่งหน้าที่และชื่อเสียงเกียรติยศ ไม่มีการถอดถอนตำแหน่งสำคัญใดในโลกที่กระทำได้ง่ายเช่นนี้ ไม่ต้องมีกระบวนการไต่สวนเพื่อการถอดถอน เพียงหนังสือฉบับเดียวกับการใช้โซเชียลมีเดียปลุกระดมล่ารายชื่อก็ร้องขอให้ถอดถอนได้แล้ว เป็นเรื่องง่ายมากแต่มีผลเสียหายร้ายแรงแก่องค์กรและผู้ถูกร้องขอให้ถอดถอน ฝากไปถึงหัวโจกว่าเป็นผู้พิพากษาต้องสง่าผ่าเผย ตรงไปตรงมา อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริง มีตรงไหนที่เป็นการก้าวก่ายความเป็นอิสระของผู้พิพากษา ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษา ไม่ใช่การก้าวก่ายแทรกแซง
    นายชำนาญกล่าวอีกว่า ถ้าจะอ้างเรื่องการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งหลักความเป็นอิสระของผู้พิพากษานั้น ให้ไปศึกษาประวัติศาสตร์ดูว่าใครเป็นผู้ต่อสู้ แต่ความเป็นอิสระต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย  ไม่ถูกนำมาบิดเบือนเพื่อใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ปัจจุบันหลักการนี้เข้มแข็ง ไม่มีใครแทรกแซงความเป็นอิสระของผู้พิพากษาได้ มีแต่ผู้พิพากษาบางคนที่ไม่สุจริตเท่านั้นที่ชอบอ้างความเป็นอิสระเพื่อกระทำในสิ่งที่ผู้พิพากษาทั่วไปไม่กระทำกัน ซึ่งถูกลงโทษไล่ออกไปหมดแล้ว ถ้ากล้าบิดเบือนก็ต้องกล้าลงชื่อเปิดเผยตัวจะได้ปราบไม่ผิดตัว
    "มีที่ไหนอยากตัดสิน ให้โอนแล้วกลับคัดค้าน แปลก เป็นผู้พิพากษาแบบไหนอยากรู้ถึงมาคัดค้านคำสั่งประธานศาลฎีกา ไม่เคยพบเห็น มีแต่กลุ่มนี้อยากรู้กี่คน แสดงตัวมาได้ไหมจะได้ปราบให้ดู แปลกที่กล่าวหาว่าผมข่มขู่แทรกแซงแต่อยากตัดสิน" นายชำนาญกล่าวถึงกรณีที่มีผู้พิพากษาบางรายไม่เห็นด้วยกับกรณีประธานศาลฎีกามีคำสั่งโอนคดีมรดกของครอบครัวนายชำนาญจากศาลจังหวัดฉะเชิงเทราไปศาลแขวงสมุทรปราการ
    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 ก.ย. นายชำนาญได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง กล่าวโทษกลุ่มผู้พิพากษาที่ยื่นขอถอดถอนและกล่าวหานายชำนาญว่าแทรกแซงข่มขู่ผู้พิพากษา 6 คน ในข้อหาหมิ่นประมาทฯ 
     นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ซึ่งมารับตำเเหน่งผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์เป็นวันแรก ให้สัมภาษณ์กรณีนายชำนาญส่งเอกสารคำชี้แจงปมถูกยื่นถอดถอนตอนหนึ่งทำนองว่า ได้ตกลงกับประธานศาลฎีกาว่าหาก ปธ.ศาลฎีกาโอนคดีตามที่โจทก์ขอให้โอนคดีจากศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา จะไม่ดำเนินคดีกับ ก.ต.และ ปธ.ศาลฎีกาที่มีมติไม่เห็นชอบนายชำนาญขึ้นตำแหน่งรอง ปธ.ศาลฎีกาโดยมิชอบว่า ข้อความดังกล่าวอาจทำให้ผู้พิพากษาหรือประชาชนเข้าใจผิดในอำนาจของ ปธ.ศาลฎีกา ความจริงแล้วเรื่องการโอนคดีไปศาลอื่นนั้นเป็นอำนาจของ ปธ.ศาลฎีกา ที่ใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 26 ที่หากว่าประธานศาลฎีกาเห็นว่าคดีดังกล่าวอาจจะกระทบต่อความเป็นธรรมที่คู่ความอาจจะร้องว่ามีคู่ขัดแย้งอันเป็นอุปสรรคต่อการพิจารณาคดี ก็ให้อำนาจประธานศาลฎีกาสามารถกระทำได้  
    "ที่ผ่านมาก็เป็นเรื่องที่ปฏิบัติตามปกติ เชื่อว่าการโอนคดีดังกล่าวประธานศาลฎีกาได้ใช้ดุลพินิจในตำแหน่งแล้วเห็นว่า จะทำให้คู่ความบางฝ่ายที่ไม่สบายใจได้คลายความกังวลลงบ้าง คู่ความอย่าได้ตระหนกตกใจ เพราะธรรมะปฏิบัติหรืออุดมคติผู้พิพากษาที่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระมหากษัตริย์นั้น จะมีวัตรปฏิบัติคือการทำงานที่ถูกต้อง เป็นธรรม ปราศจากอคติ 3 อย่าง คือ รัก โกรธ กลัว ซึ่งมีแนวทางมาตั้งแต่กฎหมายพระมนูธรรมศาสตร์จากอินเดีย ซึ่งจะถือเป็นบรรทัดฐานที่ต้องทำ ฉะนั้นไม่ว่าคดีจะไปอยู่ที่ศาลใด การตัดสินจะเป็นไปโดยถูกต้องเป็นธรรมแก่คู่ความทั้งสิ้น"
    นายศรีอัมพรยืนยันว่า ข่าวต่อรองเพื่อโอนคดีนั้นตนไม่เชื่อและไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน เป็นเรื่องเท็จ ส่วนเรื่องที่นายชำนาญชี้แจงปมที่ถูกถอดถอนว่ามีการต่อรองนั้นไม่ขอออกความเห็น เพราะเป็นคำชี้แจงของนายชำนาญ แต่ในเรื่องคดีความเป็นแบบแผนนิติวิธีที่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถตกลงต่อรองกันได้ คนระดับประธานศาลฎีกาซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดและเป็นประมุขผู้ใช้อำนาจตุลาการ ย่อมมีความเพียบพร้อมทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ และสมบูรณ์ด้วยวุฒิภาวะสูงสุดที่มีอำนาจตามกฎหมาย ก็ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับคู่ความในคดีดังกล่าวที่จะต้องโอนคดีเพื่อประโยชน์ของใคร เรื่องที่มีข่าวลือในทำนองที่อาจเกิดความเสียหายแก่สถาบันศาลดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่คิดกันไปเอง 
    "ที่ผ่านมาก็มีหลายคดีที่มีการโอนคดีกัน หรือคดีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งหากคู่ความเห็นเป็นเรื่องที่มีอุปสรรคต่อการพิจารณาพิพากษาคดี ก็สามารถยื่นเรื่องให้เป็นอำนาจของประธานศาลฎีกาสั่งโอน อีกอย่างมติ ก.ต.ไม่สามารถที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีกันได้ จึงไม่ใช่การแลกเปลี่ยนอะไรกัน" นายศรีอัมพรกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"