'พรรคใหญ่' แต่ใจ 'ติดหล่ม'


เพิ่มเพื่อน    

       ผมถูกจัดอยู่ในบุคคลจำพวก "ญาติระอา" ไปแล้ว!

       ค่าที่ว่า.......

      "เดี๋ยวผลุบ-เดี๋ยวโผล่" คุณ "ผักกาดหอม" ต้องรับหน้าเสื่อแทนแทบทุกบ่อย

      ก็ยังไม่ถึงขั้นล้มหายตายจากหรอก

      ดูบัญชียมราชแล้ว ต้องให้เกียรติคนบุญหนัก-ศักดิ์ใหญ่ ที่ทำไว้กับบ้านเมืองเขาก่อน

      เช่น บิ๊กจิ๋ว บิ๊กเหนาะ บิ๊กษิณ เป็นต้น กว่าจะถึงคิวผม

      แต่ "บิ๊กตู่" นายกฯ รัฐบาล คสช.นี่ ไม่ต้องใจร้อน

      ชื่อยังอยู่ท้ายเล่มบัญชีโน่น!

      ยังต้องใช้กรรม ทำหน้าที่ "นายทวารบาลประเทศ" ไปจนกว่าโครงการรากฐานเศรษฐกิจ จะฟักเป็นตัว

      อันที่จริง บิ๊กตู่ เป็น "นายกฯ ข้าวนอกนา"

      เมื่อสู่โหมดเลือกตั้ง ก็น่าปลดระวางกรรม เพราะโดยปกติ ต่อจากรัฐบาลเผด็จการ สังคมหวังจะได้นายกฯ หน้าใหม่มากกว่า

      แต่น่าสังเกต......

      ๓-๔ วันก่อน มีการเปิดพรรค "พลังประชารัฐ" ที่นายชวน ชูจันทร์ ก่อตั้ง

      การเปิดตัว ก็อย่างที่ "ท่านขุนน้อย" เขียนไว้ เรียบเหมือนไข่ดาวทอดสุก

      ที่คาดหวังจะได้เห็น พรรครัฐบาลเปิดตัว ต้องเวอร์ มีอะไรให้ด่าเยอะ แต่กลับผิดคาด

      แต่ที่เรียบ กลับเป็นหนามแหลม ทิ่มตา-ทิ่มใจ ๒ พรรคใหญ่จนเสียบุคลิก กรีดร้อง เหมือนผีสิง?

      ทำเอาผมแปลกใจ......

      ว่าประชาธิปัตย์-เพื่อไทย เห็นพลังสยบวิญญาณชั่วร้ายอะไรจากพลังประชารัฐที่เพิ่งคลอด

      ถึงได้กรีดร้อง ๔ รัฐมนตรีออกไป...๔ รัฐมนตรีออกไป ชวนคลื่นเหียนอย่างนั้น?

      ใครนะ ๔ รัฐมนตรี ที่ ๒ พรรคใหญ่ กลัว ถึงต้องไล่ ให้ลาออก?         

      ก็มี นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

      นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เลขาฯ พรรค

      นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ รองหัวหน้าพรรค และ

      นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.สำนักนายกฯ โฆษกพรรค

      โถ....เวรกรรม!

      เพิ่งเข้าโหมดการเมืองว่าด้วยเลือกตั้ง วานซืนนี้เอง อย่าพูดถึงเขี้ยวเลย.......

      "ฟันน้ำนม" ยังไม่งอกด้วยซ้ำ!?

      แต่พวกเขี้ยวลากดิน ดีดดิ้นเป็นผู้ดีประชาธิปไตย สร้างวาทกรรมธรรมาภิบาลทวงถาม

      "อยู่เป็นรัฐมนตรี ก็จะใช้สิทธิ์-อำนาจ ในระบบราชการหาเสียง เอาเปรียบพรรคอื่น หวังสืบต่ออำนาจ น่าอาย ต้องลาออก" ประมาณนั้น

      ตรงนี้ ทำให้รู้ทันที ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย ทำปากแข็งไม่ให้ราคาพลังประชารัฐไปอย่างนั้น

      แต่ลึกในหัวใจ หวั่นไหว ด้วยเทียบผลงานตัวเองตอนเป็นรัฐบาล กับผลงานรัฐบาล คสช.ที่ชาวบ้านร้องให้อยู่ต่อ

      ตรงนี้ รับรู้ได้ ว่าใครดี ใครห่วย?

      จึงหวั่นไหว ลนลานสร้างวาทกรรมตีกัน ด้วยไม่ต้องการให้พลังประชารัฐเข้ามาแย่งเค้กเลือกตั้ง

      ตามกฎหมายนั้น ให้คณะรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งไป จนกว่ารัฐบาลใหม่เข้ามาแตะมือ

      ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ตอนเป็นรัฐบาล ก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีรัฐมนตรีคนไหนลาออกช่วงเลือกตั้งซักคน

      แต่กับคนอื่น.......

      กลับสร้างวาทกรรมบัดซบตบหน้าตัวเอง ถามหาสปิริตเขา ทวงถามธรรมาภิบาลเขา กล่าวหาเขาจะใช้อำนาจรัฐหาเสียง

      ทั้งที่ จริงๆ แล้ว พลังประชารัฐ ยังไม่ได้ยื่นจดทะเบียนเลย การอยู่-ไม่อยู่ในตำแหน่ง ก็ไม่เห็นว่าชาวบ้านจะเดือดร้อนอะไรตรงไหน

      แต่ที่จะหนักหัวกระบาลนักเลือกตั้งบางคนบ้าง นั่นอาจเป็นได้ จึงเห็นความคับแคบทางหัวใจกันนั่นไงล่ะ

      โหมดเลือกตั้ง จะเริ่มในเดือนธันวาให้หาเสียงได้ แต่ตอนนี้ยัง

      ฉะนั้น จะด่า จะว่า จะทวงถามสปิริตให้ใครลาออก ก็รอให้พระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งประกาศออกมาก่อน

      ถึงตอนนั้น ก็ดูว่า ๔ รัฐมนตรีจะแสดงสปิริตเหมือนเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ตอนเป็นรัฐบาล คือไม่ลาออก

      หรือรัฐบาลเผด็จการ จะแสดงสปิริตประชาธิปไตย ให้อดีตรัฐบาลอ้างประชาธิปไตยหากิน ยึดเป็นแบบอย่าง

      คือเข้าโหมดเลือกตั้ง รัฐมนตรีกรรมการพรรค ก็ลาออกไปแข่งกันหาเสียง!?

      แท้จริงแล้ว เขาก็รู้.....

      ทั้ง ๔ รัฐมนตรีในพลังประชารัฐ ไม่อยู่ในสายตานักเลือกตั้ง รุ่นเขี้ยวงา ของ ๒ พรรคใหญ่หรอก

      คนที่ใจพวกนี้หวาดอยู่โน่น....

      "ว่าที่นายกฯ" พรรคพลังประชารัฐ!

      คือพลันเห็นพลังประชารัฐ ไม่ได้เห็นอุตตม, สนธิรัตน์, สุวิทย์ และกอบศักดิ์ หรอก

      หากแต่ ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย พลันเห็น "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา"

      และด้วยคนนี้แหละ ที่ชาวบ้านจะเฮโลเลือกพรรคพลังประชารัฐ

      เพื่อเอา "ลุงตู่" อยู่ต่อ!

      นี่ตะหาก ที่ทำให้ เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ มีอาการไฟธาตุแตก

      "ประยุทธ์....มันมาแน่"

      พรรคกู..พวกกู....อดแดกแน่!

      ก็เท่านั้น........

      ฉะนั้น เสียงร้อง "๔ รัฐมนตรี ต้องลาออก" ก็ฟังเขา แต่ไม่มีค่าให้เห่าตอบ

      ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย ฉลาดเลยขีด จนลืมไปว่า

      ประชาธิปัตย์ นั้น เก่งตรวจสอบคนอื่น ส่วนเพื่อไทย เก่งโกงเอามาแบ่งกัน

      เมื่อรัฐบาลเผด็จการเข้ามา และกำลังสลายร่างเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยเลือกตั้ง แข่งเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์

      ถามว่า........

      ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย ผลิตอะไรขายในตลาดเลือกตั้ง?

      ผลิต "นักตรวจสอบ" กับ "นักโกงแบ่งกัน" ขาย

      ในขณะที่รัฐบาล ในภาพพลังประชารัฐ ผลิตเศรษฐกิจและสังคมเป็นอนาคตประเทศขาย

      มีโครงการประชารัฐ แก้หนี้สิน วางระบบเกษตร ปราบนายทุนเงินกู้ เอาโฉนดคืนชาวบ้าน

      มีเนื้องานรถไฟฟ้าใต้ดิน-บนดิน มีรถไฟความเร็วสูง มีอีอีซี มีมหานครแห่งใหม่

      เปลี่ยนโฉมหน้าประเทศ สู่ยุคอุตสาหกรรมต่อยอดด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรมชั้นสูง

      ถามว่า แบบนี้ ชาวบ้านจะเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ไหน?

      มีอะไรให้อ่านนิด จากโพสต์ของ Eddie Atsadang Yommanak

      เป็นคำตอบวาทกรรมที่พูดกัน "ไหนว่าเศรษฐกิจดี แต่ทำไมค้าขายกลับไม่มีคนซื้อ?" อ่านกันดู

      สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า........

        เงินบาทแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่ม ๑๒ ประเทศเอเชีย และเป็นอันดับ ๒ ของโลกรองจากเม็กซิโกในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจ Emerging market

        นักวิเคราะห์ชาวญี่ปุ่นจาก Tokyo, Mitsubishi UFJ Kokusai Asset Management Co., กล่าวว่า

        ค่าเงินบาทที่แกร่งขึ้นนี้ ได้รับผลมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและเงินเฟ้อกลับเข้าสู่อัตราที่เป็นที่พึงพอใจ

        ความแข็งแกร่งของสกุลเงินบาทไทย น่าจะยังต่อเนื่องต่อไปถึงไตรมาสสุดท้ายของปี ที่จะมีเงินไหลเข้าจากนักท่องเที่ยวอีก

        และจะมีเงินทุนไหลเข้าไทย ๓.๕ พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ตลาดหุ้นคึกคักเป็น Best Performer  แห่งเอเชียด้วย

        ผมได้ยินคนไทยบ่นกันมากว่า เศรษฐกิจของไทยแย่สุดๆ สังเกตได้จากกิจการค้าขายต่างๆ เงียบ ของขายไม่ออก ไม่คึกคักเหมือนเมื่อก่อน

        สิ่งที่ผมพยายามจะอธิบายคือ

        ปัจจุบันโลกที่เราอยู่ มันเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปมากจนคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ

        เครื่องไม้เครื่องมือที่ท่านทั้งหลายใช้ ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

        เครื่องมือที่พวกเราชาวบ้านใช้วัดเศรษฐกิจก็เปลี่ยนไปด้วย เพราะเครื่องมือเดิมที่เราใช้วัดว่าเศรษฐกิจดีหรือไม่ดี คือสายตาที่เรามองไปที่ร้านค้า ตลาด การพูดกันปากต่อปาก

        แต่ปัจจุบัน สายตาเรามองไม่เห็นแล้วว่า เศรษฐกิจมันดีขึ้นได้ยังไง เพราะมันค้านสายตา ที่เราเห็นว่ามันเงียบเหงามาก

        คุณลองคิดตามดูนะ คุณเห็นมั้ย...

        เราใช้กล้องถ่ายรูปที่ไม่มีฟิล์ม (มานานแล้ว)

        คนจำนวนมาก ไม่ได้ดูหนังฟังเพลงจากเทป ซีดี หรือวิทยุ ทีวี

        ถึงจะยังมีบางคนอาจจะยังดูหนังละคร ฟังเพลงจากวิทยุ ซีดี ดีวีดี บลูเรย์

        แต่คนอีกจำนวนมาก ดูหนังละครและฟังเพลงจากสื่อออนไลน์

        การค้าขายก็เช่นกัน.......

        เขาค้าขายกันออนไลน์มานานแล้ว คุณรู้หรือเห็นมั้ยว่า พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ที่ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว ร่ำรวย เป็นคนอายุน้อยร้อยล้าน มากมาย

        มันจะแปลกอะไร ถ้าร้านขายเสื้อผ้าประตูน้ำ จะเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด

        จะสงสัยอะไร ถ้าร้านขายของในตลาดนัด หรือร้านขายของในซอยบ้านเรา จะเงียบลง รวมไปถึงร้านค้า ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ โซเซแทบจะล้ม

        ที่ออสเตรเลียที่ผมอยู่ ก็มีอาการเดียวกันกับเมืองไทย

        ร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังๆ เรียงหน้ากันค่อยๆ ลดขนาดร้าน ย้ายที่ หรือไม่ก็ปิดกิจการ

        คุณเคยเห็นมั้ย ร้านทองยังมีการค้าทองออนไลน์ แม้แต่โรงจำนำ ยังขายของหลุดจำนำออนไลน์

        เพราะอะไร......?

        เพราะเทคโนโลยีมันมาเหมือนกับซึนามิ!

        อะไรที่ยังเป็นแบบเก่าๆ ถ้ายังไม่รู้ตัว ถ้ายังไม่ปรับตัว ก็ไม่มีทางรอด

        ทั้งหมดทั้งมวล ไม่ใช่รัฐบาลทหารที่คุณสบประมาทว่าไม่มีฝีมือ แต่เพราะโลกที่คุณเคยอยู่ มันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

        เศรษฐกิจของไทยเราดีกว่าเพื่อนบ้านเอเชียอีกหลายชาติ และไม่ต้องสงสัยเลยว่า ค่าเงินบาทของเราแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย

        สมัยที่ผมอยู่ออสเตรเลียใหม่ $1 ดอลลาร์ออสเตรเลีย เท่ากับ ๒๕ บาท แล้วก็ขึ้นไปถึง ๓๐ บาทต้นๆ

        ปัจจุบัน $1 ดอลลาร์ออสเตรเลีย เท่ากับ ๒๐ บาทต้นๆ

        ซึ่งมันแปลว่า ค่าเงินบาทแข็งขึ้น

        ที่แข็งขึ้นได้ ก็เพราะเศรษฐกิจมันดีขึ้น!

        แต่ชาวบ้านร้านตลาดอย่างเราๆ อาจไม่สามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย

        เพราะที่เห็นกับตา มันตรงกันข้าม ที่ตรงกันข้าม เพราะคุณล้าสมัยไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่รู้ตัว โดยไม่ทันตั้งตัว

        มันเหมือนคุณยังเปิดร้านขายฟิล์มถ่ายรูป แล้วมันขายไม่ออก หรือขายได้เฉพาะกลุ่ม ทั้งตัวพ่อค้า ทั้งชาวบ้านที่เห็นว่าร้านคุณขายของไม่ได้

        ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียว ต่อๆ กันไปว่า "เศรษฐกิจไทยตกต่ำ" แต่คุณลืมกันไปว่า แทบจะไม่มีใครใช้ฟิล์มถ่ายรูปมานานแล้ว

        จบข่าว

        EddieNews ช่องนนทรีย์ : รายงาน

        ครับ..ข่าวจบแล้วจริงๆ ด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"