9ปีที่รอคอย คุกตร.ปราจีน ยัดข้อหาม.6


เพิ่มเพื่อน    

    ศาลพิพากษาคุก 1 ปี ตร.ปราจีนฯ ซ้อมยัดข้อหาเด็ก ม.6 โดยให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมปรับ 8พันบาท "พ่อเหยื่อ" เผย 9 ปีที่รอคอยพิสูจน์ลูกชายเป็นแพะ เตรียมอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องบทลงโทษ
    จากกรณีที่นายฤทธิรงค์ ชื่นจิตร อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนปราจิณราษฎรอำรุง (ในขณะนั้น) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัดกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมพวก เป็นจำเลย ต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.925/2558 ว่า เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 จำเลยได้ร่วมกันซ้อมทรมานเพื่อให้ตนเองรับสารภาพในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา เหตุเกิดที่สถานีตำรวจภูธรเมืองปราจีนบุรีนั้น
    ศาลปราจีนบุรีได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ก.ย.2561 ว่า พ.ต.ท.วชิรพันธ์ โพธิราช มีความผิดจริง ส่วน พ.ต.ท.ปัญญา เรือนดี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง
    จากพยานหลักฐานที่ได้จากการพิจารณา ศาลเชื่อว่าโจทก์ได้ถูก พ.ต.ท.วชิรพันธ์ จำเลย ทำร้ายเพื่อให้รับสารภาพจริง จึงมีความผิดตามประมวลอาญา มาตรา 157 มาตรา 200 มาตรา 295 มาตรา 309 มาตรา 301 มาตรา 391 และมาตรา 83 ให้ลงโทษฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ลงโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 12,000 บาท แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ศาลลดโทษกึ่งหนึ่งคือ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 1 ปี ปรับ 8,000 บาท ด้วยวิชาชีพของจำเลย และไม่ปรากฏว่าจำเลย เคยถูกลงโทษมาก่อน ให้รอลงอาญา 2 ปี
    ส่วน พ.ต.ท.ปัญญา ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าได้ทำร้ายโจทก์ เพียงแต่เปิดประตูแล้วถามว่า โจทก์รับสารภาพแล้วหรือยัง อีกทั้งโจทก์ไม่ได้เบิกความว่าได้ร่วมทำร้ายโจทก์ แต่รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่โจทก์ถูกซ้อมทรมาน แต่เนื่องจากขณะที่เปิดประตูและถามว่าโจทก์รับสารภาพหรือยังนั้น ไม่ได้เห็นแจ้งว่าพูดในขณะที่โจทก์ถูกคลุมถุงที่จะทราบได้ว่าผู้พูดเป็นใคร คำให้การโจทก์จึงไม่ยืนยันพฤติกรรมการกระทำความผิดของพ.ต.ท.ปัญญา เป็นเหตุให้มีข้อสงสัย ศาลจึงยกประโยชน์ต่อความสงสัยนั้น และยกฟ้องจำเลยดังกล่าว  
    ด้านนายสมศักดิ์ ชื่นจิตร บิดานายฤทธิรงค์ กล่าวภายหลังรับฟังคำพิพากษาว่า เรารอคอยความยุติธรรมมาตลอด 9 ปี หวังให้ความจริงปรากฏ ครอบครัวของเราต้องเป็นเหยื่อของเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำร้ายร่างกายประชาชน ซ้อมทรมานให้รับสารภาพในความผิดอาญาที่เราไม่ได้เป็นผู้กระทำ สิ่งที่ลูกชายได้พูดมาตลอดระยะเวลา 9 ปี เป็นความจริง มิได้เป็นการใส่ร้ายกล่าวหาตำรวจ ชาวบ้านธรรมดาที่ต้องทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในครอบครัวให้มีกินสุขสบายก็ยากลำบากแล้ว ใครจะไปกล้าให้ร้ายกล่าวหาตำรวจผู้ที่มือข้างหนึ่งถืออำนาจรัฐ และมืออีกข้างยังถือปืนกุญแจมือพร้อมด้วยกฎหมาย ชาวบ้านกลัวและไม่กล้ายุ่งเกี่ยว
    "คำพิพากษาดังกล่าวพิสูจน์ว่าสิ่งที่ลูกชายพูดมาตลอด 9 ปีเป็นความจริง มิได้ให้ร้ายกล่าวหาตำรวจ แต่สิ่งที่ไม่เห็นพ้องคือบทลงโทษ ซึ่งก็ต้องร้องขอในชั้นอุทธรณ์ต่อไป ผมมีหน้าที่ปกป้องครอบครัวและคนที่ผมรัก จึงต้องแสวงหาความยุติธรรมกลับคืนมาให้ได้” บิดานายฤทธิรงค์ระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"