ทนไม่ได้ไปอยู่ที่อื่น พิลึกห้ามวัดตีระฆัง


เพิ่มเพื่อน    

    หญิงร้องวัดตีระฆังเสียงดังรบกวน ไม่กล้าเผยตัวตนหลังสังคมอื้ออึงตำหนิเห็นแก่ประโยชน์ตนโดยไม่สนวัฒนธรรมประเพณี เขตก็โดนหนักที่สั่งให้วัดลดเสียงระฆังลง "อัศวิน" ชี้คนร้องย้ายไปอยู่ที่อื่นง่ายกว่า ด้าน ผอ.เขตคนใหม่เข้ากราบขอโทษเจ้าอาวาส เพชร-กรุณพล เผยอาศัยอยู่ในคอนโดฯ เดียวกับผู้ร้อง ยันส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา อัยการปรเมศวร์ระบุวัดอยู่มาก่อน ไม่มีกฎหมายข้อไหนห้ามวัดตีระฆัง
    พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ได้มอบหมายให้นายอนันต์ กายพรรณ ผู้อำนวยการเขตบางคอแหลมคนใหม่ ไปกราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดไทร ชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องการตีระฆังของทางวัดที่มีผู้ร้องเรียนว่าเสียงดังรบกวน พร้อมเรียนว่า ทาง กทม.จะเป็นผู้ประสานงานกับผู้เดือดร้อน ซึ่งท่านเจ้าอาวาสเองก็ชี้แจงผ่านสื่อแล้วว่าจะลดเสียงระฆังให้เบาลง และตนจะเดินทางไปทำความเข้าใจกับผู้พักอาศัยบริเวณดังกล่าว เพื่อชี้แจงว่าประเพณีนี้เป็นสิ่งที่ต้องรักษาไว้ กทม.เองพยายามจะทำให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ เมื่อทางวัดต้องทำกิจของสงฆ์ ขณะประชาชนเองก็ต้องเข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวเป็นประเพณีที่มีมาอย่างยาวนาน จะให้หยุดตีคงเป็นไปไม่ได้
    “มีผู้เดือดร้อนที่ร้องเรียนไปยังสำนักงานเขต 2 ราย แต่ผมยืนยันว่าทั้ง 2 รายไม่ได้มีเส้นสายกับสำนักงานเขตบางคอแหลมแต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้เดือดร้อนเองเดินทางไปชี้แจงทั้งที่วัดและที่สำนักงานเขต ผมอยากชี้ให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นวัฒนธรรมที่มาแต่โบราณ จะให้เลิกได้อย่างไร ผมว่าถ้าจะให้เลิกตี คนร้องไปอยู่ที่อื่นจะง่ายกว่า” ผู้ว่าฯ กทม.ระบุ
    ก่อนหน้านี้ น.ส.วันทนีย์ สว่างตระกูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตบางคอแหลม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการเขตบางคอแหลม มีหนังสือถึงเจ้าอาวาสวัดไทร ถนนพระราม 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. ระบุว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมสตาร์วิว ร้องเรียนผ่านศูนย์ กทม. 1555 ว่าได้รับความเดือดร้อนกรณีวัดไทรตีระฆังส่งเสียงดังรบกวน ตั้งแต่เวลา 03.30-04.00 น. เป็นประจำทุกวัน สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่พักอาศัยบริเวณดังกล่าว จึงขอความร่วมมือทางวัดไทรพิจารณาปรับลดระดับเสียงและช่วงระยะเวลาในการตีระฆังให้เหมาะสม เพื่อป้องกันการสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้พักอาศัยบริเวณใกล้เคียง
    ปฏิกิริยาที่ตามมาคือมีผู้แสดงความคิดเห็นทางสื่อโซเชียลอื้ออึง ซึ่งล้วนตำหนิผู้ร้องและสำนักงานเขตที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมประเพณีไทย
    ต่อมา ตัวแทนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พร้อมด้วย พระมงคลรัตโนภาส เจ้าคณะเขตบางคอแหลม และเลขาธิการเจ้าคณะเขตบางคอแหลม ได้หารือกับพระอธิการปรีชา ปุณณโล เจ้าอาวาสวัดไทร เพื่อหาแนวทางการแก้ไข ได้ผลสรุปว่า สำนักงานเขตบางคอแหลมอนุญาตให้ทางวัดตีระฆังได้เหมือนเดิม และหากมีการร้องเรียน ทาง พศ.และสำนักงานเขตบางคอแหลมจะเป็นผู้แก้ไขปัญหาทั้งหมด
    นายอนันต์ กายพรรณ ผอ.เขตบางคอแหลม เปิดเผยว่า ได้เข้าไปกราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดไทรและร่วมพูดคุยกับทางวัดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกิจกรรมทางศาสนาใดๆ ของวัดยังคงสามารถปฏิบัติตามกิจของสงฆ์อย่างที่เคยได้ปฏิบัติมา ซึ่งวัดถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน เขตพร้อมดูแลวัดอย่างเต็มที่ ส่วนกรณีประชาชนผู้พักอาศัยในคอนโดมิเนียม ก็ได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับนิติบุคคลของคอนโดฯ ซึ่งอาจต้องวางแนวทางแก้ไขป้องกันเสียงในรูปแบบอื่น อาจเป็นการปิดหน้าต่าง หรือติดตั้งสิ่งป้องกันเสียงแทน ซึ่งเป็นหน้าที่ของนิติบุคคลต้องเป็นผู้ดำเนินการ
    พระอธิการปรีชา ปุณณโล เจ้าอาวาสวัดไทร กล่าวว่า ก่อนที่จะสร้างคอนโดฯ มีการทำแบบสำรวจมายังวัดและชุมชนรอบข้างแล้ว เนื่องจากคอนโดฯ สูงกว่าวัด ซึ่งเจ้าอาวาสรูปเก่าก็ยินยอมเซ็นใบอนุมัติ อีกทั้งคอนโดฯ ยังเคยนิมนต์พระในวัดไปทำบุญ กรณีที่มีผู้ร้องเรียนเรื่องเสียง เป็นเรื่องส่วนบุคคลของผู้พักอาศัยบางราย หลังจากนี้ได้สั่งให้ลดเสียงตีระฆังแล้ว แต่ไม่มีคำสั่งให้ยกเลิกตี เนื่องจากเป็นหลักปฏิบัติในช่วงเข้าพรรษา
    อินสตาแกรม @petchkaroonpon ของเพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ ดารานักแสดงสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 โพสต์ข้อความระบุว่า “บ้านอยู่คอนโดสตาร์วิวที่กำลังโดนรุมด่านะจ๊ะ คนทั้งคอนโดไม่มีใครรำคาญเสียงพระตีระฆัง แต่มีคนบ้าอยู่ห้องเดียวที่โทร.ไปที่วัดทุกคืน และร้องไปที่เขตจนมีดรามาหนักขนาดนี้...ดึงสติกันก่อนนะครับ อย่าเพิ่งด่าเหมาทั้งคอนโด แค่ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งคอนโดเลย เวลามีงานบุญก็นิมนต์พระวัดไทร ทอดกฐินก็ที่วัดไทร เพิ่งคุยกับทางวัดว่าจะบูรณะห้องน้ำที่วัดโดยรวมเงินทำบุญจากลูกบ้าน แต่ที่น่าสนใจกว่าหาตัวคนแจ้ง คือ เขตบ้าจี้ออกหนังสือเตือนทางวัดได้ยังไงโดยที่ไม่เคยแวะมาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่คอนโดเลยว่ามันเสียงดังจริงมั้ย”
    ส่วน "ทับทิม มัลลิกา" คนบันเทิงที่อาศัยอยู่ที่คอนโดสตาร์วิวเช่นกัน ก็เขียนข้อความลงอินสตาแกรมว่า "ส่วนตัว ยังไม่เคยได้ยินเสียงระฆังจากวัดเลย และเพื่อนบ้านหลายๆ คนที่นี่ก็น่ารักมากๆ เวลามีงานบุญในคอนโดก็นิมนต์พระวัดไทรตลอด ในกลุ่มไลน์นิติปั่นป่วนมาก ไม่มีใครนิ่งนอนใจ ทุกคนงงว่าใครเป็นคนไปแจ้งเขต ..ส่วนตัวต้นเหตุก็หายจ๋อยเลย ทำตัวเงียบกริบ ปล่อยให้เพื่อนบ้านโดนด่าเละ ยังไงก็ฝากทุกคนสกรีนข่าวกันก่อนนิดนึงนะคะ ขอยืมรูปจากพี่เพชรนะคะ Repost @petchkaroonpon #ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง
    มีรายงานว่า ผู้ร้องเรียนเรื่องพระตีระฆังเสียงดังคือหญิงเจ้าของห้องที่ปล่อยให้ชาวต่างชาติเช่า และชาวต่างชาติได้แจ้งว่าเสียงระฆังรบกวน หญิงเจ้าของห้องจึงร้องไปทางวัดและทางเขต
    พระสุธิชาญ สุภัทโท พระลูกวัดวัดไทร กล่าวว่า การตีระฆังจะทำในช่วงเข้าพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน วันละ 2 เวลา โดยช่วงเช้าจะตีระฆังใบใหญ่ ช่วงเวลา 04.00-04.20 น. ช่วงเย็นจะตีระฆังใบเล็กในศาลา ช่วงเวลา 18.00-18.20 น. โดยตีในทิศทางที่ทำให้เสียงดังออกไปทางศาลาของทางวัด ไม่ได้ออกไปทางคอนโดฯ เรื่องที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจ เพราะเวลาคอนโดฯ แห่งนี้ล้างสระว่ายน้ำ ละอองน้ำปลิวลงมาทางวัด รวมทั้งมีการทำของร่วงหล่นลงมาใส่หลังคาของศาลาวัด ได้รับความเสียหายอยู่หลายครั้ง แต่วัดก็ไม่ได้ไปร้องเรียน เพียงแต่ไปบอกทางคอนโดฯ ให้ใช้ความระมัดระวังเท่านั้น
    ขณะที่พระสมจิตกล่าวว่า เคยรับสายจากผู้หญิงคนหนึ่งโทร.มาสอบถามว่าวัดตีระฆังจะจัดงานอะไร จึงได้ตอบไปว่าเป็นการตีระฆังเพื่อเตรียมทำวัตรเช้าและเย็นของทุกวันในช่วงเข้าพรรษา ผู้หญิงคนดังกล่าวได้บอกให้หยุดตี อ้างว่าส่งเสียงรบกวน จึงตอบกลับไปว่าไม่สามารถหยุดได้เนื่องจากเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาช้านาน และมีระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น นอกจากนี้เวลามีงานบวชมีวงดนตรีเล่นฉลอง หญิงผู้นี้ก็ไม่พอใจ โทร.มาบอกให้ทางวัดงดเล่นดนตรี ทั้งที่เป็นเรื่องของเจ้าภาพ รวมทั้งมีการร้องเรียนเรื่องเผาศพ อ้างว่าควันไฟพัดไปสู่คอนโดฯ ทั้งที่ทางเขตมาตรวจแล้วระบุว่าไม่มีปัญหา
    นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด กล่าวว่า ในแง่กฎหมาย ไม่มีกฎหมายใดสั่งให้พระหยุดตีระฆังเป็นกิจของสงฆ์ในวัดหรือในชุมชนได้ และกรณีนี้ทราบว่าวัดไทรก่อตั้งมากว่า 300 ปี ซึ่งสร้างมาก่อนคอนโดมิเนียม ดังนั้นผู้ที่ซื้อคอนโดมิเนียมย่อมเข้าใจสภาพแวดล้อมดี ขอยกตัวอย่างกรณีศึกษาซึ่งมีคดีทางศาลปกครองเรื่องคล้ายกัน คือสนามบินสุวรรณภูมิ มีการเวนคืนที่ดินสมัยก่อนเพื่อที่จะสร้างสนามบิน แล้วมีคนมาซื้อบ้านจัดสรรเพื่ออยู่อาศัย ต่อมาเมื่อสร้างสนามบินเสร็จ ผู้อยู่อาศัยบริเวณดังกล่าวบอกมีเสียงดัง มีฝุ่นละออง จึงไปร้องศาลปกครองขอให้ศาลคุ้มครองมีคำสั่งห้าม ปรากฏศาลปกครองวินิจฉัยว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินจะสร้างสนามบิน คนที่มาอยู่อาศัยต้องรู้อยู่แล้วว่าต้องเสียงดัง เพราะฉะนั้นคนที่มาอยู่อาศัยจะสั่งห้ามใช้สนามบิน หรือห้ามส่งเสียงไม่ได้ 
    "กรณีจึงเป็นเช่นเดียวกับวัดไทรมีมาก่อนคอนโดฯ คนที่มาซื้อต้องรู้ว่าตรงนี้ต้องมีเสียงดัง คุณไม่มีสิทธิ์ไปรบกวนวัด กฎหมายมันเขียนไว้อยู่แล้วสิทธิ์วัดอยู่มาก่อน ไปรบกวนสิทธิ์ของวัดทำไม่ได้ แต่หากวัดมาสร้างทีหลังคอนโดมิเนียม จะไม่สามารถตีระฆังรบกวนชาวบ้านที่อยู่มาก่อนได้ เช่นเดียวกับรัฐจะทำอะไรที่กระทบกระเทือนสิทธิประชาชนต้องทำประชาพิจารณ์ ผู้อำนวยการเขตบางคอแหลมไม่มีอำนาจ และไม่มีสิทธิ์ไปออกหนังสือห้ามให้วัดหยุดตีระฆัง หรือสั่งให้ตีเสียงเบาลง ซึ่งอยากให้สำนักงานเขตนึกถึงวัฒนธรรมไทยที่เคยถือปฏิบัติมาด้วย" นายปรเมศวร์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"