'คืบ' ตีระฆังที่ต้องคิดถึง 'ศอก'


เพิ่มเพื่อน    

 

        ดูเหมือน "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" ในฐานะ "ผู้ว่าฯ กทม."

                ยังเฉย..........

                ที่จะทำความจริงด้าน "ขั้นตอนปฏิบัติ" ให้ปรากฏ ว่า....

            นางคอนโดฯ ที่ร้องทุกข์ "พระวัดไทรตีระฆังตอนตี ๔ สร้างมลภาวะทางเสียงรบกวนเธอ" นั้น

            นางคนนั้น คือใคร เป็นคนไทย หรือคนชาติใด มีตัวตนเป็นลูกบ้านคอนโดฯ สตาร์วิว ถนนพระราม  ๓ บางคอแหลม จริงหรือไม่?

            และที่เธอร้องเรียน นอกจากอ้างถูกรบกวนทางเสียงแล้ว เธอมีเหตุผลอื่นใด ที่ตั้งข้อรังเกียจเสียงระฆังอันเป็นศาสนกิจ?

            และอยากทราบด้วยว่า.......

            ผู้ร้องเรียน ก่อนซื้อ ทางนิติฯ คอนโดฯ ได้แจ้งข้อกำหนด อันเป็นเงื่อนไขให้ผู้อยู่อาศัยต้องยอมรับในวิถีชีวิตของชุมชนดั้งเดิมให้ทราบก่อนหรือไม่?

            เรื่องนี้ ไม่ควรแล้วๆ หยวนๆ จบกันไป

            เพราะที่เห็นว่า "เรื่องเล็ก" วันนี้ ถ้า กทม.ไม่ศึกษาเป็นบทเรียน เพื่อกำหนดมาตรฐาน "ชาติปฏิบัติ" วันข้างหน้า

            ที่ว่าเรื่องเล็ก....

            ก็อย่าลืมนะ "ศรัทธาเหนือเหตุผล" เสมอ มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ชนิด "เอาไม่อยู่" ได้ง่ายๆ

            เพราะอะไรที่เป็นด้านศาสนา ด้านวัฒนธรรมประเพณี มีมาคู่ชาติ คู่คน มันเป็น "วิถีชีวิตและจิตใจ" โดยตรง

            ฉะนั้น ในความ "แข็งแกร่ง" มัน "เปราะบาง" มาก แตกร้าวได้ แม้ลมจากปลายปีกผีเสื้อกระพือ!

            "แค่คนคนเดียวร้องเรียน" จบๆ ไปเถอะ...

            ถ้าจบหมดจดได้ตามที่คิดง่ายๆ อย่างนั้น มันก็ดี

            แต่รู้ไว้ด้วย เขื่อนที่พัง มาจากประมาท "รูแค่ตามด" ตามผนังทองแดง-กำแพงเหล็ก ก่อนแทบทั้งนั้น

            กรณีนี้เช่นกัน ฟังเสียงที่พูดกัน...สังคมมันเปลี่ยนไป จะยึดถือขึงตึงแบบเดิมๆ ไม่ได้แล้ว

            "ทั้งเก่า-ทั้งใหม่" เมื่อต้องอยู่ร่วมกัน ก็ควรต้องปรับตัว-ปรับวิถีเข้าหากัน ทำนอง "ครึ่ง-ครึ่ง" ประมาณนั้น

            คิดไม่แยกวิเคราะห์เช่นนี้ มันง่ายดี........

            แต่ขอบอกว่า ประเทศที่สิ้นชาติ สิ้นพันธุ์ "มาก-ต่อมาก" ที่ถูกกลืนหาย เพราะสะเพร่า "ตัดรากแก้ว"

            ซึ่งมันง่ายดี ตอบจริต "ชีวิตสวะลอยน้ำ" ได้ลงตัว แถมเท่เป็น "คนยุคใหม่" ที่หน้าด้านพูด "คนยุคเก่า" ต้องกระเถิบก้นให้

            สำนึกกันไว้เลย.........

            ถ้าสังคมไม่แข็งใน "ชาติ-ศาสนา-วัฒนธรรมประเพณี" ยอมถอยร่นให้ "สังคมใหม่" ที่กระดืบเข้ามาทีละนิดไปเรื่อยๆ

            ในอนาคต.........

            จะมีนักท่องเที่ยวชาติไหนโหวตให้ประเทศไทยน่าเที่ยวที่สุด และปักหมุดให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทาง-ท่องเที่ยวอีก?

            วันนี้ เขามาดู-มาเที่ยวอะไรกันในเมืองไทย?

            มาดูคอนโดฯ มาดูอาคารระฟ้า มาช็อปปิ้งแบรนด์เนม มาเที่ยวผู้หญิง เที่ยวบาร์เกย์ มากินพิซซา  กินแฮมเบอร์เกอร์ อะไรๆ ทำนองนั้นหรือ?

            เปล่าเลย.......

            เหล่านั้น ในบ้านเขาเรียก "ขยะ" ที่พวกเขาแขยง จึงเกิดคำว่า "แสวงหา" กับคนรุ่นใหม่-ยุคใหม่ในสังคมโลก

            บ้านเมืองไทยเรา เป็นหนึ่งในจุดหมาย "แสวงหา" ที่พวกเขากระหาย

            อยากมาไทย มาดู มาสัมผัส มาดื่มด่ำ นี่แหละ "ชีวิตมีความหมาย" มากเสน่ห์ ชวนหลงใหล ทั้งด้านศาสนสถานและด้านจิตใจ

            เป็น "เอกลักษณะ" ค้นหาจากที่ไหน "ทั้งโลก" ถึงมี ก็ไม่เหมือน

            ต้องที่ "ประเทศไทย-คนไทย" ที่เดียว เท่านั้น!

            เขามาดูวัด มาเที่ยวชมวัด มาเรียนวิปัสสนากัมมัฏฐาน มาฝึกสมาธิ

            มาดื่มด่ำวิถีไทย "วัด-ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์" ที่กลมกลืนเป็นวัฒนธรรมเนื้อไทย

            ไปไหนๆ เห็นยิ้มไหนๆ ก็ไม่ยิ้มพิมพ์ใจเท่า "คนไทยยิ้ม"

            อยากสัมผัส บ้านไร่-ปลายนา วิถีทุ่ง นุ่งผ้าขะม้า ขี่ควาย ไถนา จกปลาร้า เข้าป่า ปีนเขา ลงทะเล

            ตี ๔ พระตีระฆัง..........

            ตื่นหุงข้าว รุ่งเช้า ข้าวขาวๆ ควันกรุ่น ทัพพีพูนใส่บาตรพระ ที่สำรวมระเรื่อยมาเรียงๆ

            วันนี้ คนรุ่นใหม่ จะไทยหรือจะเทศที่คอนโดฯ สตาร์วิว ก็ยังไม่ทราบ บอก "พระตีระฆัง" หนวกหู ทนไม่ได้

            เขตฯ ของ กทม.ก็แร่ๆ ทำหนังสือไปบอกให้พระเกรงใจ กร่อนวิถีตามวัฒนธรรมประเพณีตีระฆังที่มีคู่ชาติ ให้เบาๆ หน่อย

            พูดให้ตรงตัว........

            เหมือนให้ประเพณีวัด "สัญลักษณ์คู่บ้านเมือง" ที่มีมาเป็นร้อยๆ ปี

            ต้อง "ยอมถอยร่น" วัฒนธรรมดั้งเดิม ให้กับวัฒนธรรมชังวิถีชาติ ที่เริ่มงอกจากกะโหลกคนวานซืนโง้ง

            วันนี้ เริ่มแค่เสียงระฆัง เสียงกลอง

            ถ้ายอมๆ กันไป ไม่สะสาง ทั้งเขา คือคนร้อง ทั้งเรา คือคนระบบราชการ

            วันต่อๆ ไป ก็จะมีพวกเถื่อน ไร้ศาสนา ยกความเป็นคนสังคมใหม่

            "ทนไม่ได้" กับเสียงพระสวดมนต์ ตามวัด

            "ทนไม่ได้" กับเสียงอาซานตามมัสยิด

            "ทนไม่ได้" กับเสียงสวด-เสียงเพลงศาสนจักร ตามโบสถ์คริสต์

            แล้วทางราชการ ก็ทำหนังสือไปกำชับพระ มัสยิด โบสถ์คริสต์ ให้สวดเบาๆ ตามจริตพวกคนเถื่อนอีก

            วันต่อๆ ไป เมื่อได้คืบ-ได้ศอกแล้ว มันก็จะรุกเอาเป็นเมตร เป็นวา จนสุดท้าย......

            เขตฯ คงต้องตามใจพวกสังคมใหม่ สั่งวัด, มัสยิด, โบสถ์คริสต์ ให้สวดมนต์ในใจ

            หรือไม่ก็ เลิกมีศาสนา-ลัทธิ-นิกาย ทั้งหมด แปลงศาสนสถาน เป็นอย่างที่พวกคนรุ่นใหม่ต้องการ

            ที่ผมพูดนี่ อย่านึกว่าตลก หรือในทางประชด-ประชันนะ เรียนนิทานอีสป เรื่อง "ม้าอารี" กันมาแล้วทั้งนั้น

            ถ้าไม่แข็ง ไม่เอากันจริงๆ ให้เห็นว่า เราซีเรียสกับเรื่องที่ใครมาก้าวเกินด้าน "ชาติ-ศาสนา-วัฒนธรรมประเพณี" ไม่ได้ให้เห็นเป็นบรรทัดฐานไว้

            มันจะเป็น "ตามด" พนังเขื่อน เป็นแนวทางต่อไปในอนาคต

            เสื้อแดงทักษิณน่ะ ไม่ทำให้สิ้นชาติหรอก

            วันนี้ มันลอกคราบ เปลี่ยนเป็น "เสื้อขาว" กันหมดแล้ว เห็นมั้ย?

            แต่เรื่องหยวนๆ กันไป จากตามดด้านศาสนา นี่แหละ เป็นช่องนำสู่ "สิ้นชาติ" ได้

            ถูกกลืน เพราะยอมถอย ด้วยมักง่าย เอาสบายกันไปตามน้ำ เช่นนี้ สำนึกกันไว้!

            ในขณะที่ กทม.ของ พล.ต.อ.อัศวินเขาเฉย ก็ไม่เป็นไร

            ที่ไม่เฉย ยังพอมี.....

            พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล "ว่าที่ พล.ต.ท." ในตำแหน่ง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

            เมื่อวาน (๕ ต.ค.๖๑) "บิ๊กโจ๊ก" บอกว่า........

            "หากผู้ร้องเรียน ให้ชาวต่างชาติเช่าพักอาศัย ต้องตรวจสอบว่า ผู้เช่าได้แจ้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในพื้นที่ทราบหรือไม่ว่า

                มีชาวต่างชาติมาพักอาศัยตามมาตรา ๓๘ พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒

                หากไม่แจ้ง ผู้ให้เช่า มีโทษตามกฎหมาย

                ส่วนชาวต่างชาติที่พักอาศัย ต้องถูกตรวจสอบว่า แจ้งถิ่นที่อยู่ตรงกับที่แจ้งไว้กับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหรือไม่?

                ซึ่งหากตรวจสอบว่า ไม่ตรงกัน

                ต้องถูกเพิกถอนวีซ่า แล้วผลักดันออกนอกประเทศไทย"

            คือประเด็นนี้ ......

            จากข่าววันแรกๆ บอกว่า หญิงที่ร้อง เป็นเจ้าของห้องคอนโดฯ สตาร์วิว

            แต่ให้ชาวต่างชาติเช่า........

            แล้วคนเช่า จะเลิกเช่า อ้างเสียงพระตีระฆังรบกวน

            เจ้าของห้อง กลัวจะเสียรายได้จากค่าเช่า เลยโทรศัพท์ไปรุกเร้าพระ ครั้งแล้ว-ครั้งเล่า

            บอกให้พระเกรงใจคนอยู่คอนโดฯ จะแห่นาค จะเผาผีจะตีระฆัง ก็เบาๆ หน่อย หรือเลิกตีไปเลย

            พร้อมทั้งร้องผ่านไปทางศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ กทม. ทางเขตบางคอแหลม ก็ทำหนังสือไปบอกให้พระลดระดับเสียงตีระฆัง ปรับเวลาตี เป็นการเอาใจคนคอนโดฯ อย่างที่เป็นข่าว

            ก็สาธุ...กับบิ๊กโจ๊ก........

            ช่วยเป็นธุระไปเค้นกับฝ่ายนิติฯ คอนโดฯ ดูซิว่า เจ้าของห้องที่ให้ต่างชาติเช่า และร้องเรียนนั้น

            คือห้องไหน มันเป็นใคร?

            ชาติ-ศาสนาใด มีทัศนคติอย่างไรด้านศาสนา?

            และได้รับแจ้งจากคอนโดฯ ก่อนซื้อ ถึงเงื่อนไขว่า ต้องยอมรับวิถีชุมชนเดิมด้วยหรือเปล่า

            และเธอยินยอมพร้อมใจในเงื่อนไขนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อแล้วใช่หรือไม่?        

            ถ้าบิ๊กโจ๊กไปคอนโดฯ สตาร์วิวเมื่อไหร่ อย่าลืมเชิญหัวหน้าเขตบางคอแหลมไปฟังเรื่องด้วย

            เพื่อทราบ-ศึกษาเป็นข้อมูล ต่อไป จะได้ "สั่งราชการ" บ่งถึงวิสัยทัศน์หน่อย

            ต้องทำให้เป็นบรรทัดฐานไว้......

            อย่าให้พวกมักได้ พวกอ้างคนรุ่นใหม่ แต่ใต้กะโหลกไร้สำนึก เห่อสังคมคอนโดฯ ประจบต่างชาติ

            แล้วให้พระ-ให้วัด ล้มวัฒนธรรมประเพณี อันเป็นรากสังคมชาติแต่ดั้งเดิม

            ถ้าปล่อยให้ได้คืบ อนาคต พวกบ้าสังคมใหม่ มันต้องรุกเอาศอก-เอาวาแน่

            พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ขอฝากหวังเรื่องนี้ไว้ที่ท่าน

            หาตัวนางคนนั้น ให้เจอทีเถอะ! 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"