มาร์คขอเสียงนำ'ปชป.'สร้างชาติ


เพิ่มเพื่อน    

    ศึกชิงหัวหน้า ปชป.ฝุ่นตลบ! 3 ผู้สมัครเริ่มเคลื่อนไหวคึกคัก ผุด 5 กกต.พรรค "ชุมพล" เป็นประธาน คุมหยั่งเสียง “มาร์ค” ชู ปชป.ต้องเป็นพรรคหลักไม่ใช่อะไหล่ เคยเป็นรัฐบาลได้แต่กู้วิกฤติ รอบนี้ขอโอกาสสร้างประเทศโดยไม่ต้องเกรงใจใคร ขณะที่อดีต ส.ส.กทม.แห่ให้กำลังใจ ด้าน “หมอวรงค์” ลั่นเปลี่ยนเป็นพรรคที่ทำมากกว่าพูด ลุยเปิดกิจกรรมติดบ้านติดดิน พบเครือข่ายแท็กซี่ “เสี่ยจ้อน” จ่อเปิดวิสัยทัศน์ 10 ต.ค.นี้ 
    เมื่อวันอังคาร บรรยากาศที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในการแข่งขันชิงหัวหน้าพรรคเริ่มมีความเคลื่อนไหวของผู้สมัครทั้ง 3 หมายเลขอย่างคึกคัก โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้สมัครหมายเลข 1 โพสต์ในเฟซบุ๊กและแอปพลิเคชันไลน์ ที่ชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ว่า เชื่อว่าคนไทยวันนี้มีความคาดหวังว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า จะนำพาประเทศไทยไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเดินไปข้างหน้าและประชาชนมีความอยู่ดีกินดี ทุกคนต้องการที่จะหลุดพ้นปัญหาความยากจนในปัจจุบัน แต่ไม่ต้องการหวนคืนสู่ความขัดแย้งภายใต้รัฐบาลที่มีแต่การทุจริตคอร์รัปชัน ตนอาสานำพรรค ปชป.เป็นพรรคทางเลือกหลักให้ประเทศไทยก้าวไปสู่จุดนั้น 
     "วันนี้ทุกท่านสามารถมีส่วนร่วมหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สร้างผม สร้างพรรค สร้างประเทศ เพื่อเข้าสู่ยุคใหม่สำหรับคนไทยทุกคน ผมขอความสนับสนุนจากเพื่อนๆ ทุกคนครับ มุ่งมั่นอุดมการณ์  มุ่งหน้าอนาคตไทย #MakeMyMark #ร่วมสร้างใหม่ไปกับมาร์ค #ประชาธิปัตย์ยุคใหม่”
     นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังได้เปิดตัวคลิปวิดีโอ “เขาว่าคุณอภิสิทธิ์ไม่ ‘ใหม่’” ซึ่งมีเนื้อหาเป็นการยืนยันว่าตนเองยังมีความสดใหม่ ทั้งเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ตลอดเวลา
     ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ในฐานะผู้สมัครหมายเลข 2 โพสต์ถึงนโยบาย "กล้าเปลี่ยน เพื่อประชาชน" ว่า “สิ่งที่ผมจะเปลี่ยน 1.เปลี่ยนพรรคประชาธิปัตย์ เปลี่ยนเป็นพรรคที่ทำมากกว่าพูด เปลี่ยนเป็นพรรคที่เป็นทีมเวิร์ก เปลี่ยนเป็นกระจายอำนาจ สร้างบทบาทประธานสาขา 2.เปลี่ยนการเมืองให้เป็นที่พึ่ง พรรคประชาธิปัตย์จะต้องเปลี่ยนจากฝ่ายค้านผูกขาด เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ลดทะเลาะเบาะแว้ง แบ่งแยกประชาชน 3.เปลี่ยนประเทศ เป็นประเทศชั้นนำของโลก เริ่มต้นด้วยการปราบโกง”
    นอกจากนี้ ยังได้เปิดกิจกรรมติดบ้านติดดินชุมชนแท็กซี่ โดย นพ.วรงค์ และนายศุภชัย ศรีหล้า อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นรถแท็กซี่ไปพบกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ ที่ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี 44 ด้วย
     ขณะที่นายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัครหมายเลข 3 แจ้งว่า จะมีการเปิดตัวและวิสัยทัศน์ในการพัฒนาพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 10 ต.ค. เวลา 10.00 น. ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ถนนรัชดาภิเษก จากนั้นก็จะเริ่มลงพื้นที่เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคที่จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 11 ต.ค.นี้
    ช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่ทำการพรรค ปชป. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่กทม. นำคณะอดีต ส.ส.กรุงเทพฯ, สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) พรรค ปชป.อาทิ นายชนินทร์ รุ่งแสง, ม.ล.อภิมงคล โสณกุล, นายสรรเสริญ สมะลาภา, นายกรณ์ จาติกวณิช, น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์, น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กทม. เป็นต้น มามอบช่อดอกไม้และดอกกุหลาบสนับสนุนให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ โดยนายองอาจกล่าวว่า  อดีต ส.ส.กทม.ทั้ง 23 คนจะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ให้ได้รับชัยชนะเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.อีกสมัย และเชื่อว่านายอภิสิทธิ์จะสามารถนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่พรรคได้
    จากนั้นนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงการทำรณรงค์หาเสียงแคมเปญด้วยแฮชแท็ก #MakeMyMark ในโซเชียลมีเดียว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ร่วมงานกับพรรคสนับสนุนแนวคิดนี้ขึ้นมา โดยจัดทำคลิปวิดีโอที่แสดงออกถึงการสนับสนุนตน คำว่า “MakeMyMark” มีหลายความหมาย ไม่เกี่ยวกับชื่อตน แต่เป็นการได้แสดงออก มีส่วนร่วมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหมายถึงการให้สนับสนุนตนให้มาทำหน้าที่การเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่คนในประเทศรอคอย ถ้าเล่นคำว่า Mark มาเป็นชื่อตน ก็จะสื่อสารว่ากระบวนการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้เป็นการสร้างหัวหน้าพรรคด้วยตัวเขาเอง สำหรับตนอาสานำพรรคไปในสถานการณ์ที่ประชาชนต้องการที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยที่ใหญ่ที่สุด ให้หลุดพ้นจากปัญหาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย  
    ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ระบุว่า “อายุ 54 ปีแล้ว ไม่เกรงใจใคร” ระหว่างลงพื้นที่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หมายความว่าอย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า "หมายความอย่างที่พูด" เมื่อถามย้ำว่า ที่ผ่านมาเกรงใจอะไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อตนเข้ามาสู่การเมือง และทำงานการเมืองมาตั้งแต่อายุ 27 ปี การที่จะเดินหน้าทำอะไรเราต้องระมัดระวัง คิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลก การที่เคยได้รับโอกาสมาครั้งหนึ่ง ตนก็ยังมีความเชื่อ อุดมการณ์และความฝัน ความฝันหลายเรื่องก็ยังทำไม่ได้ 
    "ตอนที่เป็นนายกฯ ครั้งแรกก็เป็นในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจของโลก พร้อมสถานการณ์บ้านเมืองปั่นป่วน ผมก็กอบกู้วิกฤติได้ เริ่มต้นบางอย่างได้ แค่ไม่เคยมีโอกาสได้สร้าง วันนี้ผมอาสาตัวเอง เพราะรู้ว่าอายุเท่านี้แล้ว เข้ามาเล่นการเมืองต้องการสร้างฝันให้เป็นจริง ผมไม่มีเวลาอีกมาแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่เล็กเกินไปแล้ว อยากให้อะไรเกิดขึ้นผมต้องทำ ไม่มีอะไรลังเลใจอีกต่อไป และไม่ต้องเกรงใจใคร เพราะนี่คือโอกาสใหม่ เป็นโอกาสเดียวที่จะทำให้ผมผลักดันสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นให้ได้” นายอภิสิทธิ์กล่าว
    ส่วนที่มีการวิเคราะห์ถึงการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องของอุดมการณ์ด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องถามผู้สมัครท่านอื่นว่ามีแนวทางการเมืองของพรรคอย่างไร แต่ตนชัดเจนว่าอุดมการณ์ของพรรคที่ผู้ก่อตั้งประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2489 จะปฏิบัติอย่างจริงจัง และเดินหน้าประเทศไปให้ได้ ส่วนจะชี้ชะตาว่าพรรค ปชป.จะร่วมกับ คสช.หรือไม่นั้น คงต้องไปถามผู้สมัครท่านอื่น สำหรับตนคำถามแบบนี้ไม่ควรมาถามพรรค ปชป. แต่ควรจะไปถามคนอื่นว่าจะมาร่วมกับพรรค ปชป.สร้างบ้านเมืองหรือไม่
    “ถ้าเกิดใครยังคิดว่าหน้าที่พรรคประชาธิปัตย์คือจะไปช่วยใคร หรือไปร่วมกับใคร จะไปเป็นรัฐบาล แต่ไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าที่จะไปร่วม ที่จะไปเป็นรัฐบาลจะไปทำอะไร และความคิดความเชื่อ อุดมการณ์คืออะไร ก็ไม่เป็นประโยชน์กับพรรคและประเทศ ผมยืนยันว่าการเป็นทางหลักคือเราเป็นตัวของตัวเอง มีความชัดเจนในจุดยืน ยืนยันว่าเราไม่ใช่พรรคอะไหล่ให้ใครทั้งนั้น แต่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องเป็นพรรคการเมืองหลัก มีความตรงไปตรงมา มีความก้าวหน้าในระบบพรรคการเมืองมากกว่าพรรคอื่น” นายอภิสิทธิ์กล่าว 
    ต่อมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคปชป. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ของพรรค จำนวน 5 คน คือ 1.นายชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี เป็นประธานกรรมการ 2.นายธนา ชีรวินิจ อดีต ส.ส.กทม. 3.นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว อดีต ส.ส.สงขลา 4.นายเมฆินทร์ เอี่ยมสะอาด 5.นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ อดีต ส.ส.กทม. เป็นเลขานุการกรรมการ เพื่อมาดำเนินการหยั่งเสียงเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และสามารถออกข้อบังคับหรือข้อกำหนดต่างๆ ได้ รวมถึงถ้าผู้สมัครคนใดร้องขอให้เพิ่มจุดลงคะแนน จากเดิมที่ให้มีจุดลงคะแนนทุกจังหวัดที่มีสมาชิกพรรค จังหวัดละ 1 จุด กกต.พรรคสามารถยื่นเรื่องขอการอนุมัติจากนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค เพื่อดำเนินการดังกล่าว ซึ่งการขอเพิ่มจุดดังกล่าว กกต.พรรคต้องดำเนินการไม่เกินวันที่ 15 ต.ค.นี้ ทั้งนี้ เมื่อการหยั่งเสียงเสร็จสิ้นในเวลา 17.00 น. วันที่ 5 พ.ย. กกต.พรรคจะรวบรวมคะแนนหยั่งเสียงเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรคในทันที และมีการประกาศผลต่อไป ทำให้ กกต.พรรคหมดหน้าที่ทันทีด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"