คิดดี-ใฝ่ดี...สู่จุดหมายปลายทาง


เพิ่มเพื่อน    

 

      13 ตุลาคม...ที่เพิ่งผ่านมาวัน-สองวันนี้ โดยสีสัน บรรยากาศ อาจถือเป็นภาพสะท้อน ที่พอทำให้รู้สึกแช่มชื่นหัวใจขึ้นมาได้พอประมาณ ปานประดุจ พระบารมี ยังคงแผ่ไพศาล ปกป้อง คุ้มครอง ประเทศไทย สังคมไทย อย่างไม่มีวันผันแปร ตราบใดที่ผู้คนยังคงคิดในสิ่งดีๆ ปรารถนาและใฝ่หาในสิ่งดีๆ ตราบนั้น...ล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ยังคงสถิตอยู่ในใจไทยนิรันดร์...

                                                             -------------------------------------------------

      ส่วนอะไรต่อมิอะไรมันจะหมุนเวียน เปลี่ยนแปร ไปในทางไหนต่อทางไหน ไม่ว่าสังคมไทย หรือสังคมโลกก็ตามที...อันนั้น ก็คงต้องแล้วแต่ เหตุปัจจัย ที่ต้องว่ากันไปตามกฎเหล็กแห่งธรรมชาติ อันว่าด้วย...ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป นั่นแล แต่สำหรับผู้คิดในสิ่งดีๆ ปรารถนาและใฝ่หาในสิ่งดีๆ แล้ว ไม่ว่าอะไรมันจะเป็นไปในแบบไหน สิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในความคิด ความรู้สึก รวมทั้งที่สามารถนำมาแปรเปลี่ยนให้การปฏิบัติได้อย่างเป็นจริง เป็นจัง สิ่งที่ว่านี้...ก็คงไม่ต่างอะไรไปจาก อุดมการณ์ หรือ อุดมคติ ที่นักคิด นักปราชญ์ ท่านเคยอุปมา-อุปไมย เอาไว้ว่า... อุดมคตินั้น เหมือนดั่งดวงดาว แม้ว่าท่านไม่อาจแตะต้องด้วยมือของท่านได้ แต่ท่านอาจใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องนำทาง ไม่ต่างไปจากคนเดินเรือในมหาสมุทร ที่อาศัยดวงดาวช่วยให้แล่นเรือไปถึงจุดหมายปลายทางได้ ประมาณนั้น...

                                                                ---------------------------------------------------

      ด้วยเหตุนี้...แทนที่จะไปหุดๆ หิดๆ ครั่นเนื้อ ครั่นตัว หรืออาจเตลิดเปิดเปิงไปถึงขั้นขนลุก ขนพอง สยองขวัญ สั่นประสาท อันเนื่องมาจากบรรยากาศเหตุบ้านการเมืองในช่วงระยะนี้ ไปจนถึงอนาคตเบื้องหน้า แบบประเภทที่พรรคการเมืองบางพรรค เขาประดิษฐ์ คิดค้น ครีเอทีฟโฆษณา ว่าด้วยเรื่องราวของ ผีดิบคืนชีพ ทำนองนั้น ก็อย่าถึงกับไปขี้กลัว ขี้ตกอก ตกใจ อะไรกันมากมาย ถือซะว่า...มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการบ้าน การเมือง ของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าใครจะเป็นผีดิบ ผีสุก ผีกึ่งดิบ กึ่งสุก เป็นซอมบี้ แวมไพร์ หรือผีแบบไทยๆ อย่างผีกระหัง ผีกระสือ ก็แล้วแต่ เอาไป-เอามาแล้ว...มันย่อมต้องเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นพรรค์นั้นแหละ เป็นไปตามเหตุปัจจัย เป็นเพราะด้วยสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไปนั่นแล...

                                                                 ----------------------------------------------------

      เนื่องจากปัญหาทั้งหลาย ทั้งปวง มันอยู่ที่ ตัวเราเอง นั่นแหละเป็นหลัก...คือไม่ว่าอะไรมันจะเป็นไปในแบบไหน อย่างไร สำคัญที่ตัวเรายังคงคิดในสิ่งดีๆ ปรารถนาและใฝ่หาในสิ่งดีๆ อยู่อีกหรือไม่??? หรือชักจะเลเพลาดพาด เบี่ยงเบนไปในทิศทางอื่นๆ เหมือนอย่างที่เคยเบี่ยงเบนกันไปถึงขั้น เห็นกงจักร...เป็นดอกบัว เห็น คนโกง ก็ไม่เป็นไร...ถ้าเอามาแบ่งกันมั่ง!!! อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยทำให้ ผี อะไรต่อมิอะไร มันเลยออกอาละวาดกันนับเป็นทศวรรษๆ กลายเป็น ทศวรรษแห่งความมืดมน ไปจนได้ กว่าจะระดม หมอผี ออกมานอนกลิ้ง นอนหงาย ทั้งสวดมนต์ เป่านกหวีด กันกลางถนน ก็เล่นเอา...เหงื่อแทบตกกีบ เผลอๆ...ต้องบาดเจ็บ ล้มตาย ถูกผีกระสือ กระหัง ควักตับ ควักไส้ ล้วงตูด ชนิดกลวงกันไปเป็นรายๆ...

                                                                  ------------------------------------------------

      หรือสรุปง่ายๆ ว่า...อะไรมันจะ เดินหน้า ไปสู่สิ่งใหม่ๆ สิ่งดีๆ หรือจะย้อนกลับคืนมาสู่สิ่งเก่าๆ สิ่งที่ไม่มีใครปรารถนาจะให้เป็นไปทุกสิ่งทุกอย่าง...ย่อมขึ้นอยู่กับตัวเรา หรือขึ้นอยู่กับบรรดาปวงชนชาวไทยทั้งหลาย ผู้ต่างก็เป็นพสกนิกรภายใต้ร่มพระบารมีของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 กันมาก่อนนั่นเอง ที่จะหาเวลาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า มองหาดวงดาวที่ยังคงส่องสว่าง แล้วนำเอาดวงดาวนั้นๆ มาใช้เป็นเครื่องนำทาง แบบเดียวกับบรรดา นักเดินเรือ ทั้งหลาย ได้อย่างเป็นจริง เป็นจัง หรือไม่ อย่างไร หรือจะก้มหน้า ก้มตา ไปตามแบบฉบับ สังคมก้มหน้า จนกว่าเรือทั้งลำจะกระแทกแง่หิน โขดหิน แล้วค่อยมาตกอก ตกใจ ค่อยมาระดม หมอผี กันอีกรอบแล้ว รอบเล่า...

                                                                 ------------------------------------------------------

      ยิ่งถ้าหาก หมอผี แต่ละราย...ชักจะไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิม เวทมนตร์ คาถา อาจไม่ขลังเหมือนเดิม อันนี้...ยิ่งมีแต่ตาย...กับ...ตาย ลูกเดียวเท่านั้นเอง เพราะผีแต่ละผีนั้น...ย่อมไม่ใช่ เป้านิ่ง แบบเดียวกับ แม่นาคพระโขนง ภาคสอง ภาคสาม ที่ยังไงๆ ย่อมต้อง ดุ กว่าภาคแรกอยู่แล้วแน่ๆ โอกาสที่จะใช้ มุกเดิมๆ หรือมุกยอดนิยมตามแบบฉบับไทยๆ ประเภทวิ่งหนีผีลงตุ่มอะไรทำนองนั้น มันอาจเก่าไปแล้ว ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว มีแต่ต้องอาศัยการยกระดับความรู้สึกนึกคิด การพัฒนาทางจิตใจ การเติบโตทางวุฒิภาวะ ของผู้คนในสังคมเองนั่นแหละ มันถึงพอช่วยให้ไม่ต้อง กลัวผี ได้มั่ง...

                                                                     ----------------------------------------------------------

      ดังนั้น...ด้วยความรู้สึกดีๆ การคิดในสิ่งดีๆ ปรารถนาและใฝ่หาในสิ่งดีๆ อันยังคงปรากฏให้เห็นได้โดยสายตา ด้วย พระบารมี ของล้นเกล้าฯ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 นี่เอง ที่คงต้องนำมาแปรสภาพให้กลายเป็น ดวงดาว อันส่องสว่างและสาดแสงไปทั่วทั้งสังคมไทย ให้กลายเป็น เครื่องนำทาง เป็น อุดมการณ์-อุดมคติ ของบรรดาพสกนิกรทั้งหลาย เพื่อที่จะช่วยประคับประคองนาวาแห่งรัฐ ให้แล่นไปสู่จุดหมายปลายทาง อันเป็นที่หวัง ที่ปรารถนา ของผู้คนทั้งหลาย ได้อย่างเป็นจริง เป็นจัง...

                                                                      ---------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Anon... Sorrow looks back, worry looks round, faith looks up.- ความทุกข์มองไปข้างหลัง ความวิตกกังวลมองไปรอบๆ ความหวังมองสู่เบื้องบน...

                                                                     ---------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"