จัดเต็มล่าหมีขอ จ่อฟ้อง17ข้อหา ตร.เชื่อมัดแน่น!


เพิ่มเพื่อน    


    แก๊งล่าหมีขอโดนจัดหนัก กรมอุทยานฯ จ่อฟ้อง 12 ข้อหา ขณะที่ตำรวจประเคนให้อีก 5 ข้อหา  ลงพื้นที่ป่าเขาพลูค้นรอบ 4 ไร้หลักฐานใหม่ ไม่พบซากหัวหมีขอ เชื่อเหตุทิ้งไว้นาน รอง ผบช.ภ.7 ยันข้อมูลแน่นฟันได้แน่นอน 
    กรณีปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ยพร้อมพวกกลุ่มออฟโรด 12 คน ลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยคเข้าจับกุม พร้อมทั้งซากหมีขอ อาวุธปืนทั้งไรเฟิลและปืนพกสั้น 5 กระบอกนั้น
    ล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 14 ต.ค. นายพนัชกร โพธิบัณฑิต รักษาการหัวหน้าชุด ฉก.พญาเสือ และ หัวหน้าอุทยานฯ ไทรโยค กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ได้ร่วมกับ พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล รอง ผบช.ภาค 7 หัวหน้าทีมชุดสืบสวนสอบสวนคดียิงหมีขอ พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 7 ภ.จว.กาญจนบุรี และคณะ ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุป่าเขาพลู ม.8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค เพื่อตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่มเป็นครั้งที่ 4 
    โดยจุดที่ 1 เข้าตรวจสอบบริเวณที่เข้าจับกุมกลุ่มออฟโรด แต่ไม่พบหลักฐานใดๆ, จุดที่ 2 บริเวณศาลเจ้าพ่อเขาพลู ที่กลุ่มผู้ต้องหาให้การว่ายิงปืนแก้บน ก็ไม่พบหลักฐานเพิ่ม, จุดที่ 3 บริเวณต้นไทร ที่ผู้ต้องหาให้การว่ายิงหมีขอ ก็ไม่พบหลักฐานเพิ่ม, จุดที่ 4 บริเวณที่ผู้ต้องหาบอกว่ายิงอีเห็นแต่ผิด ก็ไม่พบหลักฐานปลอกกระสุนปืนเช่นกัน และจุดที่ 5 ตรงลำธารใกล้แคมป์พักที่นายตาตา ชาวเมียนมา คนดูแลสำนักสงฆ์เต่าดำบอกว่าโยนหัวหมีลงไป เจ้าหน้าที่ได้ลงไปในลำธารน้ำ และช่วยกันเดินตามลำห้วย แยกย้ายกันค้นหาเดินตรวจสอบไปตามกระแสน้ำไกลราว 500 เมตร ก็ไม่พบ ซึ่งเชื่อว่าระยะเวลาจากวันที่ทิ้งหัวหมีขอจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาหลายวัน กระแสน้ำคงพัดไปไกลมาก หรือสัตว์ป่าประเภทกินเนื้ออาจคาบไปก็เป็นได้  
    นายพนัชกรกล่าวต่อว่า อุทยานได้แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 12 คน รวมทั้งหมด 8 ข้อกล่าวหา ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 รวมทั้งเพิ่มข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาที่มีอาวุธปืนอีก 4 ข้อหา รวมทั้งหมด 12 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ฐานร่วมกันเก็บหานำออกไป ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายหรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ยางไม้ น้ำมันยาง น้ำมันสน แร่ หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ 2.ฐานร่วมกันนำสัตว์ออกไป หรือทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ 3.ฐานร่วมกันนำยานพาหนะเข้าออก หรือขับขี่ยานพาหนะ ในทางที่มิได้จัดไว้เพื่อการนั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 4.ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไป เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ และปฏิบัติตามเงื่อนไขซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้อนุญาตนั้นกำหนดไว้  
    5.ฐานร่วมกันล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่เป็นการกระทำโดยทางราชการที่ได้รับยกเว้น 6.ฐานร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวน หรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 7.ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำความผิด และ 8.ฐานร่วมกันเก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ          
    รวมทั้งแจ้งข้อหากับบุคคลที่ยิงปืน ล่าสัตว์ พาอาวุธปืนเพิ่มอีก 4 ข้อหา คือ 9.ฐานครอบครองอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในราชการสงคราม 10.ฐานยิงปืนในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 11.ฐานยิงสัตว์ป่าในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้น และ 12.ฐานล่าสัตว์ป่าคุ้มครองในบริเวณวัด ซึ่งหากตรวจสอบพบว่ามีหลักฐานพยานเพิ่มเติมในการกระทำผิดใดอีกก็จะแจ้งความดำเนินคดีอีกต่อไป
    ขณะที่คณะของ พล.ต.ต.อภิชิตได้เข้าพบเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์เต่าดำ นอกจากนี้ยังได้เดินทางไปยังบ้านพักของนายตาตาเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม และได้พูดคุยกับแม่ของนายตาตา แต่ก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเติม และยังได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายเจนระ หรือจิระ ผู้ต้องหาตามหมายจับ แต่ไม่พบใคร และไม่พบหลักฐานใดๆ เพิ่มเติมเช่นกัน
    พล.ต.ต.อภิชิตเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบค้นหาพยานหลักฐานในแต่ละจุดทุกแห่ง รวมทั้งในลำห้วยลำธารครั้งที่ 4 แต่ก็ไม่พบหัวหมีขอหรือพยานหลักฐานอื่นๆ เพิ่มอีก แต่หลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ก็เพียงพอต่อการดำเนินคดีได้แน่นอน
    ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 12 คน นอกจากถูกอุทยาน ดำเนินคดีถึง 12 ข้อหา เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมดำเนินคดีเพิ่มในเรื่องเกี่ยวกับอาวุธปืนอีก 5 ข้อหา
    ด้านอดีตนายพรานกลับใจคนหนึ่งเล่าถึงการล่าสัตว์ป่าว่า เป็นความเชื่อของกลุ่มบุคคลที่ชอบล่าสัตว์ป่าว่าหากสามารถยิงสัตว์ในป่าได้ จะเกิดบารมีอำนาจ รวมทั้งมักนำซากสัตว์ที่ล่าได้ เช่น หัวสัตว์ป่า หนัง เขา งา ไปประดับฝาบ้าน โชว์ว่ามีฝีมือ ส่วนเรื่องเนื้อสัตว์หรืออวัยวะสัตว์ก็มีความเชื่อว่า อุ้งตีนหมี ดีหมี เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงร่างกาย น้ำมันเลียงผาก็เชื่อว่ารักษาแผลสด รักษากระดูกแตกกระดูกหัก ส่วนกระดูกเสือ อวัยวะเพศเสือ งวงช้าง อวัยวะเพศช้าง ก็เช่นเชื่อกันว่ากินแล้วมีพลัง รวมทั้งการนำชิ้นส่วนของสัตว์ป่าไปทำเครื่องรางของขลัง จะมีอำนาจ หนังเหนียว ยิงฟันไม่เข้า โดยหากบุคคลต่างๆ ยังมีความเข้าใจหลงงมงายในเรื่องดังกล่าว การลักลอบล่าและค้าสัตว์ป่าก็ยังคงมีอยู่ดังเดิม.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"