เฟซบุ๊กกับ "ความสนใจการเมือง"


เพิ่มเพื่อน    

      เห็นข่าวแว่บๆ...ว่าท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านตัดสินใจเปิด เฟซบุ๊กส่วนตัว ขึ้นมามั่งแล้ว ซึ่งจะเพื่ออะไร ทำไม แบบไหน อย่างไร อันนั้น...คงไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก ให้ปวดหัว เวียนเฮด โดยใช่เหตุ เอาเป็นว่า...อย่างน้อย ก็น่าจะพอสะท้อนให้เห็นว่า ท่านออกจะทันสมัย ออกจะ 4.0 อยู่บ้างเหมือนกัน ส่วนใครที่อยากจะตามไป กดไลค์ หรือ กดไม่ไลค์ ช่วงนี้...ก็คงว่ากันได้โดยเสรี สามารถเข้าไปทะเลาะกัน เถียงกัน ตีกัน กัดกัน ได้เสมอๆ...

                                                            ----------------------------------------------------

      คือไอ้เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตากง อินสตาแกรม ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรเหล่านี้ ที่ตัว ท่านขุนน้อย เอง ก็ตามไม่ค่อยทันอะไรกับเขา แต่ก็มิอาจปฏิเสธได้ว่า นับวัน...มันชักจะเป็นอะไรที่สำมะคัญยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สำหรับโลกยุคใหม่ สังคมสมัยใหม่ ที่ไม่อาจ ดูเบา มันได้เลย ยิ่งในเรื่องของการมง การเมือง ด้วยแล้ว ใครก็ตามที่เกิดหันมา สนใจการเมือง ไม่ว่าแค่ระหว่างช่วงนี้ หรือช่วงไหนๆ จะไปมองข้ามความสำคัญของมันไม่ได้เป็นอันขาด เพราะยิ่งนานวัน...มันยิ่งแทบจะกลายเป็นตัว ชี้เป็น-ชี้ตาย สำหรับความเป็นไปทางการเมืองเอาเลยก็ว่าได้...

                                                             -------------------------------------------------

      เรียกว่า...ตั้งแต่ยุค อาหรับสปริง โน่นแล้ว ที่ว่ากันว่า มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่ง หรือส่วนสำคัญทางการเมือง ในการ พลิกโลกอิสลาม หรือพลิกประเทศอาหรับ ในแต่ละรัฐ แต่ละประเทศ ชนิดฉิบหาย วายวอด เดี้ยงไป-เดี้ยงมาตั้งแต่บัดนั้น จนตราบเท่าทุกวันนี้ แม้แต่ เลือกตั้งอเมริกา คราวล่าสุด ที่เกิดรายการ พลิกล็อก แบบหักปากกาเซียน ส่งผลให้เซียนอยู่รู หมูอยู่ตึก หรือส่งผลให้ ทรัมป์บ้า ขึ้นมาเป็นผู้นำอเมริกา ในแบบ ด้วยเหตุเพราะประเทศนี้มันมีกรรม-จึงได้ทรัมป์มาเป็นนายขายหน้าเอย อย่างที่อาจารย์ ปราโมทย์ นาครทรรพ ท่านเคยรจนาเอาไว้ แต่เบื้องหลังของ กรรม ทั้งหลาย ว่ากันว่า...ก็น่าจะมีไอ้พวกเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรืออะไรต่อมิอะไรในโลกโซเชียลมีเดีย ประเภททั้ง ข่าวจริง และ ข่าวปลอม นั่นแหละ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ด้วยไม่มากก็น้อย...

                                                               -------------------------------------------------

      แม้แต่ เลือกตั้งมาเลเซีย ที่กลายเป็นตัวทำสถิติ ได้นายกรัฐมนตรีที่แก่ที่สุดในโลก อย่างคุณทวด มหาเธร์ ขึ้นมาเป็นผู้ปกครอง ก็ว่ากันว่า...บรรดาเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือบรรดาการสื่อกันไป-สื่อกันมาในอินเทอร์เน็ตทั้งหลายนี่เอง ที่ทำให้เลือกตั้งมาเลเซียพลิกล็อก หักปากกาเซียน ไปได้อีกครั้ง แม้แต่ล่าสุด...เลือกตั้งที่บราซิลรอบแรก กระทั่งผู้ที่ได้ชื่อว่า เผด็จการขวาจัด อย่างนาย ชาอีร์ โบลโซนาโร ที่สุดแสนจะปากเสีย ปากสุนัข ขี้ฉุน ขี้โกรธ มีความคิดแบบเผด็จการทั้งแท่ง ทั้งด้าม ยิ่งกว่านายกฯ บิ๊กตู่ ของเราไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า กลับดัน นอนมา โดยไม่ต้องมีพระสวดนำหน้าซะเฉยเลย!!! ก็ด้วยเหตุเพราะการสื่อกันไป-สื่อกันมาในโลกโซเชียลมีเดียนั่นเอง...

                                                                --------------------------------------------------------

      หรือพูดง่ายๆ ว่า...การสื่อกันไป-สื่อกันมาในโลกชนิดนี้นั้น เอาเข้าจริงๆ แล้ว...มันคงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความเป็นประชาธิปไตย ความเป็นเผด็จการ ความเป็นเสรี หรือไม่เป็นเสรี มากมายซักเท่าไหร่ เผลอๆ...อาจไม่ได้เกี่ยวกับความถูก-ความผิด หรือความดี-ความชั่ว เอาเลยก็ยังได้ เพราะมันเต็มไปด้วยทั้ง ข่าวจริง-ข่าวปลอม ที่สามารถไหลทะลักหลั่งพรั่งพรู กรูลงไปในนรกและสวรรค์ได้ชนิดยากจะจำแนกแยกแยะกันได้ง่ายๆ และสิ่งที่บรรดา ข่าว ทั้งหลายไม่ว่าจริงหรือปลอม มันได้เปล่งศักยภาพของมันออกมา ในทันทีที่ ทำปฏิกิริยา กับผู้ที่ได้รับรู้ รับทราบ หรือผู้บริโภคสื่อในลักษณะดังกล่าว ก็คือการก่อให้เกิด อารมณ์ ในชนิดใด ชนิดหนึ่ง ที่สามารถส่งผลเสีย-ผลได้ ผลบวก-ผลลบ ให้กับใครต่อใครได้แบบฉับพลัน-ทันที...

                                                                ---------------------------------------------------------

      และสิ่งที่เรียกว่า อารมณ์ นั้น...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ว่าไม่เพียงแต่มันเป็นสิ่งที่ อยู่เหนือเหตุผล ใดๆ ทั้งสิ้น มันยังเป็น บุคลิกลักษณะโดยเฉพาะ ของผู้คนส่วนใหญ่ในยุคนี้ ยุคโลกแห่งข้อมูลข่าวสาร หรือยุค 4.0 นั่นแหละ ที่นับวัน...ไม่อยากจะคิด ไม่อยากจะเสียเวลาไปใช้เหตุ ใช้ผล จำแนกแยกแยะอะไรต่อมิอะไรด้วยกันทั้งสิ้น จะด้วยเหตุเพราะโตขึ้นมาในสังคมโฆษณา หรือในสังคมเทคโนโลยี หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่ แต่การอาศัยสิ่งที่เรียกว่า อารมณ์ ที่ว่านี้ ไปใช้เป็นมาตรฐานในการจำแนก แยกแยะ สิ่งต่างๆ กันแทนที่ แยกว่าอะไรคือรถเบนซ์ อะไรคือรถบีเอ็ม อะไรคือโค้ก อะไรคือเป๊ปซี่ อะไรเท่-ไม่เท่ อะไรที่อยากจะกิน อยากจะแ-ก ฯลฯ อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยทำให้ อารมณ์ กลายเป็นสิ่งที่ อยู่เหนือเหตุผล และกลายเป็น บุคลิกลักษณะโดยเฉพาะ ของคนยุคใหม่ รุ่นใหม่ อย่างมิอาจปฏิเสธได้...

                                                                 ---------------------------------------------------------------

      ดังนั้น...ไม่ว่าจะ ข่าวจริง หรือ ข่าวปลอม ก็แล้วแต่ แต่ถ้าลองสามารถ บิลต์อารมณ์ ของใครต่อใครได้แล้ว มันก็ย่อมนำไปสู่การพลิกล็อก พลิกฟ้า-คว่ำดิน เอาง่ายๆ อีกทั้งด้วย บุคลิกลักษณะโดยเฉพาะ ของคนรุ่นใหม่นั้น คงไม่เสียเวลาที่จะตามไปตรวจสอบ ทบทวน อะไรกันมากมาย เฉพาะแค่ คิด ก็ไม่อยากจะคิดซะแล้ว แนวรบโซเชียลมีเดีย จึงถือเป็นแนวรบที่อันตรายเอามากๆ สำหรับใครก็ตามที่สนใจการเมือง ซึ่งหนีไม่พ้นต้องหาทางแตะๆ เข้าไว้ก่อน หาทางทำความเข้าใจให้มากๆ เข้าไว้ ถึงจะพออยู่รอด ปลอดภัย ได้มั่ง แต่สำหรับผู้ที่ไม่ต้อง สนใจการเมือง หรือได้ ล้างมือในอ่างพลาสติก มานานแล้ว อย่างเช่น ท่านขุนน้อย เป็นต้น ก็อาจสบายไป ไม่ต้องเสียเวลาไปเปิด เฟซบุ๊ก เหมือนใครต่อใครเขา ใช้วิธี แอบอ่าน แอบสำรวจ ตรวจสอบ ใครต่อใครเขาไปเรื่อยๆ อย่างเช่นเฟซบุ๊ก ของคุณพี่ สนานจิตต์ บางสพาน อันนี้...ถ้าหากเกิด ท้องผูก ขึ้นมาเมื่อไหร่ เป็นอันต้องเข้าไปใช้บริการของคุณพี่เค้าเสมอๆ...

                                                                      ------------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Hiram Johnson... In the time of war, the first casualty is truth.- ในยามสงคราม ความจริงจะถูกประหัตประหารก่อนอื่น...

                                                                        -----------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"