'กัญชา' ที่มากกว่า 'ยาเสพติด'


เพิ่มเพื่อน    

    ยุคหนึ่ง.........
    สังคมโลก สรุป "กัญชา" เป็นผู้ร้าย สังกัด "ยาเสพติดให้โทษ"
    ถึงยุคนี้ สรุปใหม่
    "กัญชา" เป็นพระเอก สังกัด "พืชเทวดา" ให้สารรักษาโรคได้ร้อยแปด โดยเฉพาะโรคมะเร็ง
    ยุโรป-สหรัฐฯ "บางพื้นที่" ล่าสุด "แคนาดา" ประกาศให้ใช้กัญชาเสรี
    บ้านเรา ขณะนี้......
    เตรียมแก้กฎหมาย เปิดทางนำกัญชาเข้าวงจรวิจัยเป็นยาใช้รักษาควบคู่ทางการแพทย์ในผู้ป่วย 
    วันก่อน ระดมสมองกันเรื่อง "กัญชาทางการแพทย์กับกฎหมาย:จากยาเสพติด สู่ ยารักษาโรค" ที่จุฬาฯ
    หนึ่งในผู้ร่วมสัมมนา.........
    "นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา" อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาฯ แสดงความมุ่งมั่น อย่างเร่าร้อน ว่า
    "ปัจจุบัน ผู้ป่วยรอความหวังเยอะมาก อย่างอัลไซเมอร์ ที่แสดงอาการ ก็ประมาณ ๒ แสนคน ลมชัก  ๑-๒ แสนคน พาร์กินสัน ๑.๕ แสนคน 
    ยังมีผู้ป่วยโรคมะเร็ง ที่มีผลข้างเคียง มีอาการปวดอย่างทรมาน 
    การจะ 'ปลดล็อก' กัญชา ต้องเน้นว่า 'ทำเพื่อผู้ป่วยเป็นหลัก' 
    ดังนั้น ต้องมีราคาถูก! 
    ที่สำคัญต้องทำอย่างรวดเร็ว อย่างอังกฤษ ปลดล็อกใช้เวลาเพียง ๖ สัปดาห์เท่านั้น 
    จึงต้องถามกลับรัฐบาลว่า 'คิดอย่างไร..คิดแค่ตัวหนังสือ หรือคิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น?'
    เพราะหากเราไม่เปิดให้ใช้ทางการแพทย์ ทุกวันนี้ มีการใช้ใต้ดินที่มีความเสี่ยงมาก 
    ทั้งเรื่องการลักลอบใช้กัญชาที่ปนเปื้อนยาฆ่าแมลง มีความเสี่ยงเยอะ จึงควรมีการควบคุม และนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้เสียที 
    และหากรัฐบาลไม่เห็นแก่ประชาชน ก็ไม่น่ามาเป็นรัฐบาล หรือนักการเมือง 
    ถ้าไม่เห็นแก่ประชาชน ก็ไม่ควรเข้ามาเป็นรัฐบาล" 
    ครับ..เรื่องกัญชาทางการแพทย์นี่........
    ยามไม่สนใจกัน ก็ถ่วงน้ำไว้ด้วยกฎหมายยาเสพติด "ห้ามแตะ" มาร่วมร้อยปี
    ครั้นสนใจ............
    ช้าแค่วันเดียว-เดือนเดียว ในประเด็น "ปลดล็อก" ก็ดูจะไม่ทันการณ์-ทันใจ ขนาดอาจารย์แพทย์จุฬาฯ ระเบิดอารมณ์
    "....หากรัฐบาลไม่เห็นแก่ประชาชน ก็ไม่น่ามาเป็นรัฐบาล หรือนักการเมือง" 
    ผมว่า เรื่องนี้ ยังไม่มีอะไรเลวร้าย ถึงขั้นต้องประณามรัฐบาลหรือใคร ว่าเห็นหรือไม่เห็นแก่ประชาชนหรอก
    เท่าที่ติดตาม "ปลดล็อกกัญชา" เพื่อการวิจัย จะเสร็จในเร็ววันแน่นอน
    ประเด็นที่น่าห่วงมากกว่า คือ
    ขณะนี้ รัฐบาล แพทย์ สังคมทั่วไป "ทำความเข้าใจ" กับประชาชน ด้วยข้อมูลข่าวสาร ให้เข้าใจตรงกันหรือยัง?  
    ว่าเจตนาที่พูดกันขณะนี้ ในเฉพาะประเด็น.........
    แก้กฎหมายเพื่อ "ยกระดับกัญชา" จากยาเสพติด ประเภท ๕ "ต้องห้าม" เด็ดขาด
    ขึ้นเป็นยาเสพติด ประเภท ๒ 
    "นำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ภายใต้การควบคุมแพทย์ เหมือนฝิ่น มอร์ฟีน ฯลฯ"
    ไม่ใช่แก้กฎหมาย ให้ประเทศไทย "ปลูก-เสพ" กัญชาได้เสรี มีขาย หาซื้อได้ตามร้าน เหมือนแคนาดาที่เป็นข่าว
    นี่...ขั้นแรก ต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้านให้ตรงกันในประเด็นนี้ก่อน 
    พูดง่ายๆ แก้กฎหมายให้เอากัญชาไปทำยา และใช้ภายใต้การควบคุมของหมอ 
    เหมือนฝิ่น ที่ทุกวันนี้ เราก็ใช้ แต่ใช้ทางการแพทย์ 
    คนเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ปวดทรมานมากๆ หมอก็ฉีดมอร์ฟีนให้ 
    เป็นการ "สวัสดีความตาย" ระหว่างกาลเวลากับโลกสวยด้วยเคลิ้มวิมานล่องลอย ลืมปวดทรมาน
    ไม่ใช่แก้กฎหมายแล้ว จะปลูก จะสูบกัญชา เป็นบุปผาชนกันได้อิสรเสรี อย่างที่เข้าใจกัน
    กัญชา ที่ว่ารักษาโรคได้ ต้องเข้าใจว่า ใช้ทางสูบควัน เช่นเอามาใส่บ้องสูบ มวนบุหรี่สูบ
    อย่างนั้น รักษาโรคไม่ได้ นอกจากให้เคลิบเคลิ้ม และเป็นไอ้บ้ากัญชาเท่านั้น
    ที่รักษาโรคได้นั้น เขาจะเอาเกสรกัญชาตัวเมียมาสกัดเอาน้ำมัน
    ใช้หยอดใต้ลิ้น สารสกัดกัญชาจะซึมสู่ระบบประสาทได้เร็ว ใช้กับคนป่วยโรคสมอง
    ประเภทริดสีดวง มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปากมดลูก ใช้เหน็บทางทวารหรือช่องคลอด 
    เพราะสารสกัดกัญชา ฆ่าเซลล์มะเร็งได้
    ถ้าเป็นโรคผิวหนัง ก็จะใช้ทา
    เพราะทางการวิจัย ค้นพบว่า ในกัญชา มันมีสาร ๒ ชนิด ทำงานร่วมกัน 
    คือ สาร THC มีผลทางประสาท ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เคลิบเคลิ้มในอาการเมา กินอะไรก็อร่อยไปหมด
    อีกตัว คือ สาร CBD ตัวนี้ ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ลดการอักเสบบวมโตของแผลหรือเนื้องอก 
    ระงับเซลล์มะเร็งที่กำลังเติบโต ระงับการเกร็งหรือชักกระตุก และสามารถสร้างภูมิคุ้มกันในระบบประสาท
    ที่ว่านี่ ตัวผมเอง ไม่รู้หรอก สรุปจากแพทย์หลายท่านเขียนไว้     
    ก็อาจสงสัยกันว่า.......
    ในเมื่อวิทยาการก้าวหน้า ถึงขั้นจะไปอยู่ดาวดวงอื่นกันแล้ว ทำไมจึงไม่รู้ว่ากัญชามีสารวิเศษ รักษาโรคได้มากมาย? ความจริง สหรัฐฯ วิจัยพบมาจะครึ่งศตวรรษแล้ว แต่เก็บเงียบไว้ 
    จะด้วยกลัวเป็นดาบสองคม เมื่อประกาศออกไป หรือด้วยอุบไว้ เพื่อไม่ให้แย่งตลาดยาที่ตัวเองผลิตก็ไม่ทราบ
    แต่วิจัยต่อเรื่อยๆ ภายใต้การควบคุมและเงื่อนไข จนสกัดออกมาเป็นยาใช้ในบางรัฐ บางประเทศ
    มาฮือฮามาก ก็ที่แคนาดา ซึ่งเปิดตัวไปวันก่อน ความจริงแคนาดาเขาปลูกเป็นไร่กัญชา เพื่อวิจัย-ค้นคว้าทางการแพทย์มาร่วม ๒๐ ปีแล้ว
    ก็วิจัยพบ THC และ CBD ในกัญชานี่แหละ มันสรรพคุณเหมือนกัน แต่ให้อาการต่างกัน
    ในความเหมือน/ความต่างนั้น เป็นเหมือน/ต่างที่ "กด-ข่ม" ทางแก้-ทางเสริมกันให้เกิดสภาพ "ลงตัว" ด้วยสมดุล 
    เหมือนแกงเนื้อ ลำพังเนื้อ กินแล้วย่อยยาก แต่ถ้าแกงใส่มะเขือลงไปด้วย เนื้อนั้น กินแล้วกลับย่อยง่าย
    เจ้าสาร THC นั่น ทำนองนั้น ลำพังตัวมัน ทำให้โลกสวยก็จริง แต่แฮงก์ ปวดหัว
    แต่เมื่อมีสาร CBD อยู่ด้วย ทำให้โลกที่สวย กลับนุ่มนวล ละเมียดละไม ตื่นไม่แฮงก์ หัวโล่ง ไม่ปวด  สบาย
    สารทั้ง ๒ ตัวนี้ เป็นสารกลุ่ม "แคนนาบินอยด์" 
    เป็นสารประเภทเดียวที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ เรียก "สารหลั่งสุข" ประมาณนั้น
    สังเกตดูก็ได้..........
    คนเรา บางครั้ง จะรู้สึกสมองโปร่ง โล่งสบาย ปลดเปลื้องจากวิตกกังวล เนื้อตัวเบาหวิว 
    อาการนั้น จะเกิดตอนร่างกายและสมองหลั่งสารแคนนาบินอยด์ออกมาผสานกัน
    สาร CBD กับ สาร THC ในกัญชา ผสานกัน ก็จะทำให้คนเสพมีอาการเช่นนี้
    สาร CBD มีผลข้างเคียงต่อร่างกายมนุษย์ทางลบน้อยมาก
    ตรงข้าม THC ให้ผลข้างเคียงทางลบมาก เช่น ปากแห้ง หิวน้ำ ใจเต้นเร็ว ตาแดง ความจำเสื่อม  บรรลุขั้นมนุษย์บ้อง
    เจ้าสารแคนนาบินอยด์ ที่พบจาก THC และ CBD ในกัญชานี่แหละ สาระหลัก สรุปว่า ใช้รักษามะเร็งได้แทบทุกชนิด
    กัญชา นั้น ใช่ว่า ขึ้นชื่อว่ากัญชา จะเหมือนกันหมด
    มันไม่เหมือนกัน ให้สารต่างกัน บ้านเรา เป็นพันธุ์ "ชาติวา" แถบยุโรป สหรัฐฯ เป็นพันธุ์ "อินดิกา"
    วิจัยแล้ว พันธุ์บ้านเรา มีสาร THC มาก แต่ CBD น้อย 
    พันธุ์อินดิกา ในยุโรป-สหรัฐฯ เขาปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์มาเรื่อยๆ มี THC และ CBD ซึ่งเป็นสารพระเอกสมดุล
    อย่างที่ "รศ.วิเชียร กีรตินิจกาล" อดีต ผอ.ศูนย์วิทยาการเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตรแห่งชาติ  ม.เกษตรศาสตร์ พูดในวงสัมมนา 
    "กัญชามีสารสกัด ๒ ชนิด คือ THC ซึ่งเป็นสารที่กล่อมประสาท และ CBD ซึ่งการสกัดสารออกมายังขาดสาร CBD เนื่องจาก พันธุ์ไทยมีสาร THC สูง แต่การนำมารักษาโรค จะต้องมีสารทั้ง ๒ ชนิดควบคู่กัน 
    ขณะนี้ กำลังติดต่อนำเข้าจากต่างประเทศ จากนั้น ก็จะนำมาพัฒนาในไทย เพื่อให้ได้สารสำคัญทั้ง  ๒ ชนิด"
    ทั้งหมดนี้ ย้ำว่า เก็บความมาเล่า "เท่าที่จำได้" เพื่อบอกให้รู้ ไทยเรา "เอาจริง" วิจัยกัญชาเพื่อสกัดเอาสารมาใช้ทางการแพทย์
    สุดท้าย ด้วยรักและห่วงใย ขอบอก
    "ผู้ชาย" พี้กัญชามาก จะเป็นไอ้เสือปืนห้อย
    ส่วน "ผู้หญิง".........
    ถ้าอยากเป็นหมัน จงหมั่นสูบไปเถอะ!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"