กัญชา 'ถ้าสูบ' บ้าสถานเดียว


เพิ่มเพื่อน    

    คุยเรื่องกัญชาไปเมื่อวาน "ชักเคลิ้ม"
    วันนี้ ขออีก "ซักบ้อง" จะเป็นไร
    คือแฟนๆ เขาถาม...........
    แล้ว "กัญชง-กระท่อม" ล่ะ อยู่ในข่ายเดียวกับกัญชาที่รัฐบาลจะแก้กฎหมายให้เข้าไปอยู่ในหมวดใช้วิจัยทางการแพทย์ด้วยหรือเปล่า?
    บอกได้เลยว่า ทั้งกัญชา กัญชง กระท่อม เป็นยาเสพติดประเภท ๕ 
    ตามที่คณะกรรมการศึกษาฯ เสนอ ทั้งหมดอยู่ในข่ายให้ศึกษาวิจัยเพื่อใช้ทางการแพทย์เหมือนกัน
    กัญชงนั้น เนื้อแท้ของมัน เป็นพืชทางเศรษฐกิจ มีคุณค่าใช้ได้หลายทาง 
    ทั้งทางยา และทางเศรษฐกิจ ทำเชือก ทำเสื้อผ้า ทำน้ำมัน ใช้ซับกลิ่น 
    ที่วิเศษมาก เส้นใยกัญชง ใช้ทำ "เสื้อเกราะ" ได้เยี่ยมที่สุด!
    ส่งเสริมปลูกทางภาคเหนือหลายจังหวัด "ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัด" ควบคุมดูแล
    ส่วนใบกระท่อม 
    ตามที่คณะกรรมการศึกษาฯ เสนอ ผ่อนปรนให้ใช้แบบวิถีชาวบ้าน พร้อมวิจัยทางแพทย์ควบคู่
    ส่วนกัญชา ก็อย่างที่คุยกันไปเมื่อวาน กัญชา "ญาติ" กัญชง สายพันธุ์ซาติวา 
    ยอดดอกและเกสรกัญชาตัวเมีย ตรงที่เรียกกันว่า "กะหรี่กัญชา" จะมีฤทธิ์มากที่สุด
    ให้สาร THC และ CBD ทั่วโลกตื่นตัว สกัดใช้ทางยารักษาได้หลายโรค 
    โดยเฉพาะโรคมะเร็ง โรคพาร์กินสัน โรคทางสมอง โรคเกี่ยวกับระงับการปวด ฯลฯ
    กัญชาบ้านเรา ให้สาร THC มาก สาร CBD น้อย แต่ปรากฏว่า กัญชง กลับให้สาร CBD มาก สาร THC น้อย
    แบบนี้ ก็หมายความว่า "กัญชากับกัญชง" ต้องเป็นคู่หูดูโอไปตลอด ในนิยามว่า
    กัญชาให้สาร CBD น้อย แต่ให้สาร THC มาก
    กัญชง ให้สาร CBD มาก แต่ให้สาร THC น้อย
    ก็ "ทดแทนกัน" ลงตัวพอดี!
    สารทั้ง ๒ ตัวนี้ แยกกันอยู่จะไม่ให้ผลทางรักษา ต้องอยู่ร่วมกันตามอัตราส่วน  
    CBD ๒๐% THC ๑-๒% ประมาณนี้ 
    ความเกรี้ยวกราดของ THC จะถูกความนิ่มนวลของ CBD คลอเคลียให้กลมกล่อม เกิดความ "ลงตัว" ให้ผลทางรักษาทรงประสิทธิภาพ
    แต่ให้ "กัญชาชน" ทั้งหลาย รับทราบด้วยเข้าใจไว้อย่างว่า การคลายล็อกกัญชานี้
    คลายเพื่อปลูก-พัฒนาพันธุ์ สำหรับนำไปใช้วิจัยทางการแพทย์เท่านั้น
    ขอย้ำ.......
    ไม่ใช่ปลูกได้เสรี สูบได้เสรี ดีใจกันแค่ครึ่งเดียวก็พอ!
    มองกันอีกทาง ในเมื่อพืชกัญชาให้สารสรรพคุณทางยาฉกาจฉกรรจ์ ทั่วโลก เปลี่ยนจากตื่นกลัวด้านเป็นยาเสพติด มาเป็นตื่นตัวทางยา
    มันก็น่าเป็นโอกาสทองสำหรับไทยเรา "ในอนาคต" ที่จะทำ "ฟาร์มกัญชา" เป็นสินค้าส่งออก "ประเภทควบคุม"
    กัญชานั้น ใช่ว่าเป็นกัญชาแล้วจะให้สาร ๒ ตัวนั้น เหมือนกันหมด 
    ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ อุณหภูมิดินฟ้าอากาศด้วย ว่ากันว่า กัญชาไทยแถบอีสาน สูบแล้วล่องลอย เหมือนนั่งพรมวิเศษ
    กัญชาฝรั่ง จุมพิตงวงยังไม่ทันโงหัว เจ้าสาร THC มันถีบหัวทิ่มบ้องไปก่อน ไม่ทันได้เหาะลอยล่องเหมือนกัญชาไทย
    ฉะนั้น กัญชาแบรนด์ไทยเป็นต่อกัญชาชาติอื่นด้วยสกุลรุนชาติสูงส่งเป็นที่รู้จัก เหนือกัญชาชาติไหนอยู่แล้ว
    ส่งเสริม พัฒนา ปรับปรุง สายพันธุ์พักเดียว ให้มีสาร CBD ในกัญชาให้มากกว่านี้อีกซักหน่อย
    จะได้ช่วยคลึงเคล้าสาร THC ที่มีมากอยู่แล้วในกัญชาไทย ให้ฤทธิ์แรงโดดๆ ลดโทนเป็นนุ่มนวลชวนถวิลหา 
    อีกทั้งนำไปสกัดทางยา จะได้ CBD อันเป็นสารสำคัญเพิ่มขึ้น
    ต้องจำไว้เลย เจ้าสาร CBD เป็นตัวลดอาการคลื่นไส้-อาเจียน ลดการอักเสบบวมโตของแผลหรือเนื้องอก ระงับอาการเกร็ง ชักกระตุก
    สร้างภูมิคุ้นกันในระบบประสาทได้ ระงับเซลล์มะเร็งที่กำลังเติบโตได้
    ที่เห็นคนสูบกัญชาแล้วเมา เคลิบเคลิ้ม อารมณ์ดี นั่นเพราะสาร THC 
    กัญชาทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ คนสูบกัญชาจึงชอบกินหวานๆ เมาแล้วขี้เกียจ นอนตะพึด 
    สูบนานๆ ไป ก็จะครึ่งบ้า-ครึ่งบอ แล้วต่อยอดไปสู่ยาเสพติดที่แรงขึ้น เช่นฝิ่น 
    ยุคนี้ ก็จะต่อยอดด้วย ยาบ้า ยาอี โคเคน ไปโน่น
    ที่พูดกัน ถ้าเปิดให้ใช้กัญชาทางสันทนาการได้ คือให้สูบกัญชากันได้ จะช่วยลดปัญหายาบ้า
    ไม่จริงหรอก จะหนักขึ้นด้วยซ้ำ!
    การสร้างทัศนคติ ว่ากัญชาเป็นยาเสพติด ไม่เปิดเสรี จะเปิดเฉพาะวิจัยทางการแพทย์ นั้น ดีแล้ว
     แต่จะดียิ่งขึ้น สร้างทัศนคติ เป็นพืชเศรษฐกิจ ปลูก-พัฒนาสายพันธุ์ ป้อนงานวิจัยและอุตสาหกรรมยา
    ทั้งส่งออก ทั้งใช้ในประเทศ........
    ถึงขั้น ส่งเสริมให้บริษัทยาที่เขาวิจัยและผลิตเป็นยาได้แล้ว เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในไทย 
    โดยฝ่ายเรา ทำฟาร์มกัญชาเป็นวัตถุดิบป้อน ก็จะประเสริฐ
    ผมว่ามีความเป็นไปได้ ถ้าส่งเสริม ตั้งเข็มทิศให้ชาวบ้านเข้าใจ เพื่อเดินไปทางปลูกป้อนอุตสาหกรรมยา 
    ไม่ใช่ปลูกเอามาสูบให้เจ้าโลกหด บ้าๆ บ๊องๆ กันไปหมด ด้วยฤทธิ์กัญชาสะสม
    นี่ผมพูดจากประสบการณ์ สมัยเป็นเด็กวัด มีอยู่คนชื่อ "ลุงเชย" มาอาศัยอยู่ในมณฑป ซึ่งวัดใช้เก็บของเก่าๆ ไม่มีคนอยู่
    ผมแอบดูบ่อย ลุงเชยเอากัญชาทั้งก้าน ใบ ดอก มาหั่น ผสมยาเส้น ยัดใส่บ้องดูด จ๊วบบบบ พ่นควันโขมง
    แกก็มึนหรือเมา เคลิบเคลิ้ม เห็นจิ้งจกข้างฝาก็ยิ้ม ตาหวาน ตาเชื่อม เห็นผมแอบดู ก็ยังหัวเราะ
    สูบทั้งวัน เดี๋ยวบ้อง..เดี๋ยวบ้อง แล้วก็หลับ!
    พอนานเข้า บางที เอ๊ะ..วันนี้กัญชากลิ่นแปลกๆ เหมือนดอกปีบ-ดอกพิกุลแห้งๆ
    ปรากฏว่า ลุงเชยขึ้นชั้น จากกัญชา ไม่รู้ไปเอาฝิ่นจากที่ไหนมาสูบ!
    เมากัญชา เมาฝิ่น ไม่อาละวาด แต่บางวัน ตกค่ำๆ แกไปกินเหล้าโรง กลับเข้ามาอาละวาดในวัดทั้งคืน
    มีอยู่คืน ผมนอนอยู่บนหอฉันข้าวพระกลางวัด กับเด็กวัดด้วยกันหลายคน 
     ตี ๑ ตี ๒ ลุงเชย เมากัญชา ยาฝิ่น ผสมเหล้าหรือไงไม่ทราบ ส่งเสียงอาละวาด แข่งเสียงหมาวัดทั้่งโขยงรุมเห่ามาแต่ไกล
    พวกผมกลัวหัวหด เวลาลุงเชยอาละวาด ไม่มีใครปราบได้ นอกจากหลวงพ่อเจ้าอาวาสองค์เดียว
    เสียงแกกัดกะหมาอยู่พัก แล้วเงียบไป พวกผมใจตุ๊มๆ ต่อมๆ แย่งกันคลุมโปง เพราะไม่รู้แกจะมาไม้ไหน
    ซักพักใหญ่ มาแล้ว เสียงหมาเห่าผสมเสียงเอะอะโหวกเหวกดังมาทางหลังโบสถ์ 
    ลุงเชยมาอีกแล้ว คราวนี้ทำสยอง กลัวจนจะเยี่ยวแตกเพราะมาพร้อมกลิ่นศพเน่าโชยตลบ
    มุ่งหน้ามาที่พวกผมนอนอยู่บนหอฉันด้วย ยิ่งใกล้ เสียงแกยิ่งดังแข่งหมา ย่ำพื้นกระดานโครมคราม และยิ่งเหม็นศพ
    ตรงมาแล้ว ตรงมานั่งใกล้ๆ ที่พวกผมนอน 
    กลิ่นศพเงี้ย ตลบอบอวล กลัวแทบช็อก ร้องไม่ออก 
    ลุงเชยแกไปเอาอะไรมา ท่านเดาออกมั้ย?
    ด้วยฤทธิ์บ้ากัญชาผสมเหล้า ไปขุดศพเด็กทารกเพิ่งคลอดเสียชีวิต แม่เขาเอาใส่ลังนมกระดาษมาฝังดินหน้าป่าช้าไว้ตอนกลางวัน
    แกขุดยกมาทั้งลัง เอามาตั้งไว้ข้างๆ พวกผมนอน!
    นี่แหละ อีกด้านของฤทธิ์ร้ายกัญชา 
    "สกัดเอาสารไปใช้" จะเกิดประโยชน์สูงสุด
    "เอามาสูบ-มาเสพ" ต่อเนื่องระยะยาว ทำให้เสียสติ บ้าๆ บ๊องๆ งานการไม่เป็นอันทำ เป็นคนครึ่งคน
    ผมเคยลองอยู่ครั้ง เป็นนักข่าวใหม่ๆ เอามายัดบุหรี่ เพื่อนบอก........
    ต้องอัดแล้วกลืนควันเข้าไป ถ้าปล่อยควันออกมา ถือว่าไม่เจ๋ง!
    ผมกลัวไม่เจ๋ง ก็กลืนควันลงไป พักเดียว โอ๊ยยยย..หัวหมุนติ้ว ตาลายวิบๆๆๆๆ 
    แล้วทุกอย่าง ทั้งห้อง ทั้งตึก มันก็หมุน...หมุน หมุนแล้วก็ตีลังกาคว่ำลงมาทับผม ปวดหัวจะระเบิด 
    หงายท้องลงไปนอนเก้าอี้ผ้าใบ พอนอนเท่านั้น เพดานตึกมันหมุนเคว้งคว้างแล้วถล่มลงมาทับผมทันที 
    ผมแถกหนี ปรากฏว่าแถกจนเตียงผ้าใบคว่ำทับลงกับพื้น จำได้ว่าอยู่ชั้น ๓ แถกจนแทบพุ่งจากหน้าต่างชั้น ๓ ลงไปข้างล่าง แต่พวกเขาจับไว้
    ปวดท้ายทอยจากฤทธิ์กัญชา ครึ่งเดือนยังไม่หาย และจากนั้น เข็ดขี้อ่อน-ขี้แก่ ไม่เคยแตะกัญชาอีกเลย
    อ้อ..มีอีกที นักข่าวตระเวนโรงพัก ตามตำรวจไปจับกัญชา เขาเอากัญชาแห้งมาให้ผมช่อหนึ่ง
    ผมให้แม่ครัวที่โรงพิมพ์ใส่แกง ปรากฏว่า ทั้งโรงพิมพ์ กินกันชนิด "แหกหม้อ-แหกไห"
    เป็นที่ยืนยันได้ว่า กัญชา "ใช้พอดีๆ" เป็นผงวิเศษ ช่วยให้เจริญอาหาร "ดีกว่า" ผงชูรส ทุกยี่ห้อในโลก!
    ครับ...ก็เล่าสู่กันฟัง...........
    และขอย้ำ ด้วยสำนึกต่างกันของคน การใช้กัญชาอันเป็นพืชมีทั้งคุณและโทษ สมควรต้องควบคุม
    ที่ว่า "เพื่อสันทนาการ" นั้น ให้บ้านอื่น-เมืองอื่นเขา บ้านเรา..อย่าเลย
    มุ่งเน้นเป็น "พืชเศรษฐกิจ" วิจัยพันธุ์แล้วปลูกป้อนตลาดอุตสาหกรรมในระบบควบคุม จะเกิดประโยชน์
    ถ้าเอาสูบสนุก ยังไงๆ ลงท้าย ผลที่ได้ ก็
    "บ้าสถานเดียว"!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"