มาร์คไม่ร่วมรวมอำนาจ


เพิ่มเพื่อน    


    “มาร์ค” ย้ำถ้าพรรคพลังประชารัฐยังทำงานแบบเดิม ยึดแนวทางรวมศูนย์อำนาจ คงยากจะร่วมงานกัน ขณะที่ศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  คึกคัก 3 ผู้สมัครลงพื้นที่ โชว์วิสัยทัศน์นำทัพ ปชป.
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้สมัครรับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาถึงจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากนายสนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์ ว่าที่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุพร้อมร่วมมือกับพรรคการเมืองทุกพรรค ว่า อยู่ที่นโยบาย ไม่ใช่เรื่องที่ว่าอยากเป็นรัฐบาลจะไปจับอะไรกับใครก็ได้ เพราะหากการเมืองเป็นอย่างนี้ ประชาชนก็จะไม่ได้อะไร การเมืองต้องชัดเจนว่ารักคนมีความคิดว่าจะพัฒนาบ้านเมืองหรือแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างไร ดังนั้นหากพรรคพลังประชารัฐจะร่วมมือกับประชาธิปัตย์ ต้องมาคุยกันว่านโยบายเราและเขาคืออะไร หากวันนี้พลังประชารัฐยังยึดแนวทางการบริหารประเทศแบบรวมศูนย์ ไม่ทำให้เศรษฐกิจกระจาย ก็คงทำงานยาก คงต้องไปปรับท่าทีเยอะ เพราะขณะนี้นโยบายที่เขาชูเป็นนโยบายที่สานต่อนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งประชาชนจำนวนมากยังเดือดร้อนอยู่     
    "ถ้าเขาไม่ปรับเปลี่ยนแนวคิดตรงนี้ คงเป็นปัญหา ผมย้ำทุกครั้งว่าถ้าผมเป็นหัวหน้าพรรค จะไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์ไปทำในสิ่งที่ขัดกับนโยบายที่พูดกับประชาชนไว้ ถ้ายาง ปาล์ม ประมง ยังเป็นอย่างนี้อยู่ แล้วเอาประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาล ผมไม่สามารถตอบคำถามประชาชนที่สนับสนุนประชาธิปัตย์ได้ ว่าทำไมถึงจะไปเป็นรัฐบาลแล้วบริหารยาง ปาล์ม ประมงให้เป็นแบบนี้" นายอภิสิทธิ์กล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า เคยระบุว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปรับท่าทีการทำงาน ก็สามารถร่วมทำงานด้วยได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แล้วเขาปรับหรือยัง สิ่งที่ตนพยายามจะสื่อสารคือ หากเราเริ่มต้นการเมืองด้วยการตั้งข้อรังเกียจโดยไม่ดูที่มาที่ไป หรือจุดยืนแต่ละคนเป็นอย่างไร ก็ไม่เป็นประโยชน์ ดังนั้น การที่คนพยายามเอาคำพูดของตนไปแปลความที่ไม่ตรงกับสิ่งที่สื่อออกไปคงไม่ใช่ แม้จะถามตนเรื่องพรรคเพื่อไทย ตนก็บอกแล้วว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจเป็นทางหลักของประเทศ จึงไม่ต้องมาถามตนว่าต้องไปสนับสนุนใครหรือไม่ แต่ประชาธิปัตย์จะเสนอทางเลือกให้ประชาชนเป็นทางหลัก หากประชาชนสนับสนุนเรา ก็ต้องไปถามคนอื่นว่าจะมาร่วมกับเราหรือไม่
    นายอภิสิทธิ์ย้ำว่า นี่คือสิ่งที่ตนพูด และบอกว่าจะร่วมกับใครต้องดูวิธีการทำงาน จุดยืน และนโยบาย หากเรามานั่งตอบเพียงว่าอย่างนั้นได้ อย่างนี้ได้ แล้วไม่สนใจเลยว่าจุดยืนเป็นอย่างไร การเมืองก็ไม่พัฒนา และ พล.อ.ประยุทธ์เอง ขณะนี้เรายังไม่ทราบเลยว่าสถานะทางการเมืองของท่านเป็นอย่างไร หากท่านบอกว่าเป็นคนนอก ตนก็บอกว่ายากที่ประชาธิปัตย์จะไปยกมือให้คนนอกเป็นนายกฯ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในบัญชีพรรค ต้องดูว่าพรรคไหน แล้วพรรคนั้นทำงานอย่างไร เพราะการเข้าไปอยู่ในบัญชีพรรคคงมีข้อท้วงติงพอสมควรเหมือนกับ 4 รัฐมนตรีที่ถูกท้วงติงอยู่ในขณะนี้ และหากมีการเลือกตั้งแล้วพรรคพลังประชารัฐยังบริหารเศรษฐกิจแบบนี้ คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์คงไม่ร่วมด้วย เพราะไม่ตอบโจทย์ประชาชนเลย
    วันเดียวกัน ที่จังหวัดภูเก็ต นายอภิสิทธิ์ ซึ่งเสนอตัวลงสมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 1 เดินทางมาหาเสียงเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ จังหวัดภูเก็ต โดยมีนางอัญชลี วานิช เทพบุตร อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต เขต 1 ร่วมกับนายเรวัต อารีรอบ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดภูเก็ต เขต 2 และนายชัยยศ ปัญญาไวย์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยสมาชิกพรรค มาร่วมต้อนรับอย่างเนืองแน่น รุมล้อมดึงตัวนายอภิสิทธิ์ถ่ายภาพและหอมแก้มนายอภิสิทธิ์ตลอดการเดินเข้าห้องประชุม ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน จังหวัดภูเก็ต
    นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย มีจุดยืนในแนวทางประชาธิปไตย จึงต้องมีการพัฒนาการทำงานตลอดเวลา เพื่อให้เป็นตัวอย่างรูปแบบในการเลือกหัวหน้าพรรค และพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ พรรคการเมืองใดจะใช้วิธีแบบเดียวกันนี้สามารถทำได้
    "เราเลือกหัวหน้าพรรคโดยประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง ประชาชนมีส่วนร่วมไม่ได้เป็นเพียงแค่การสอบถาม ซึ่งเป็นการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนในหลักการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง รัฐบาลที่บริหารประเทศจะต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน หากมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล มั่นใจว่าจะสามารถแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากเรามีประสบการณ์ในการทำงานมาแล้ว" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
    ขณะที่นายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัครเข้ารับการหยั่งเสียงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 3 พร้อมทีมงาน “ประชาธิปัตย์ยุคใหม่” จัดประชุมสมาชิกพรรคภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ที่โรงแรมเชียงคานแกรนด์ อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เพื่อนำเสนอนโยบายปฏิรูปพรรค 4 ด้าน วางรากฐานการเมืองสีขาวและวิสัยทัศน์ “ประชาธิปัตย์ยุคใหม่-อีสานยุคใหม่”
    นายอลงกรณ์กล่าวว่า พร้อมจะทุ่มเททำงานร่วมกับเพื่อนสมาชิกพี่น้องอีสานทุกคนทุกฝ่ายสร้าง “อีสานยุคใหม่” คือ การยกระดับอัพเกรดอีสานบนศักยภาพของตัวเอง และศักยภาพของนานาประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศอินโดจีนและกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง (GMS) ด้วย 4 เสาเศรษฐกิจ 1.เสาการท่องเที่ยว 2.เสาเกษตรอาหารเกษตรพลังงาน 3.เสาอุตสาหกรรมสีขาว และ 4.เสาการค้าชายแดนและการค้าระหว่างประเทศ
    ทางด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้ลงสมัครรับเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 2 พร้อมกลุ่มเพื่อนผู้สนับสนุนหมอวรงค์ ได้เดินทางสู่ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นจังหวัดที่ปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้ามากที่สุดในประเทศไทย คิดเป็นร้อยละ 75 ของพื้นที่การผลิตกาแฟทั้งหมดของประเทศ มีผลผลิตกว่า 24,000 ตันต่อปี สร้างรายได้กว่า 1,500 ล้านบาท แต่พบว่าผลผลิตกาแฟใน จ.ชุมพร ก็ประสบปัญหาราคาตกต่ำเช่นเดียวกัน
    โดย นพ.วรงค์กล่าวถึงการแก้ปัญหาในครั้งนี้ว่า สิ่งแรกที่ต้องทำคือการยื่นจดทะเบียน คุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) กับกรมทรัพย์สินทางปัญญา และเตรียมตัวสำหรับการเปิดการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ไทยทำกับประเทศต่างๆ ในสินค้ากาแฟลดภาษีภายใต้ความตกลงทางการค้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกกาแฟคุณภาพดี ตนจะสนับสนุนการสร้างแบรนด์ กาแฟไทย ให้คนเห็นคุณค่า เกิดความต้องการเป็นที่นิยมในกลุ่มร้านกาแฟทั้งในเมืองและนอกเมือง
       “ผมให้ความสำคัญกับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ที่เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญต่อประเทศ ทั้งเป็นผู้ผลิต สินค้าหล่อเลี้ยงคนในประเทศ และใช้ในการส่งออก นำเม็ดเงินไหลเข้าประเทศจำนวนมาก ผมจะผนวกเกษตรกร ผู้ประกอบการ ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าด้วยกัน เพื่อการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เดินไปในทิศทางที่เติบโตในทุกมิติ” นพ.วรงค์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"