นอกเหนือจากเมืองใหญ่ๆ ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักแล้ว เมืองไทยยังมีชุมชนเล็กๆ ที่งดงาม และมีวิถีความน่าสนใจทางวัฒนธรรมรอคอยให้ผู้คนจากภายนอกได้มาเยือนอีกจำนวนมาก และนี่เป็นที่มาของความคิดเรื่อง “แอ่งเล็ก เช็กอิน” หรือโครงการหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ที่เกิดขึ้นจากนโยบายไทยนิยมยั่งยืน ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายใต้การขับเคลื่อนของกรมการพัฒนาชุมชน  กระทรวงมหาดไทย

หัวใจสำคัญของชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีคือ นำสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชน มา “นวัต” หรือสร้างสรรค์ให้น่าสนใจ แต่ยังมีความสอดคล้องกับวิถีถิ่น เพื่อสร้างเสน่ห์ และดึงดูดให้ผู้คนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังชุมชน อันจะทำให้เกิดรายได้และการสร้างงานให้กับคนในชุมชน

นายณรงค์ ชัยจำรัส นายอำเภอขาณุวรลักษบุรี  จังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยว่า ในส่วนของอำเภอขาณุวรลักษบุรี ได้ทำการคัดเลือกหมู่บ้าน 3 แห่ง ประกอบด้วย บ้านแสนตอหมู่ที่ 2 ตำบลแสนตอ, บ้านทรัพย์เจริญ หมู่ที่ 17 ตำบลปางมะค่า และบ้านใหม่ธงชัย หมู่ที่ 21 ตำบลปางมะค่า เข้าร่วมโครงการหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี โดยสำนักงานพัฒนาชุมชน ขาณุวรลักษบุรี ได้ดำเนินการตามกระบวนการ ตั้งแต่การค้นหาอัตลักษณ์ การอบรมพัฒนาให้ความรู้แก่ชุมชน เพื่อเตรียมความพร้อมการเป็นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว

 ล่าสุดได้จัดกิจกรรมเปิดตัวหมู่บ้านไปแล้วอย่างเป็นทางการสองรอบ รอบแรกเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2561 และรอบที่สองเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2561

นายณรงค์ ชัยจำรัส นายอำเภอขาณุวรลักษบุรี เปิดเผยว่า การเปิดตัวหมู่บ้านครั้งแรกวันที่ 16 ตุลาคม 2561 นั้น เป็นการเชิญหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกว่า 50 หน่วยงาน เดินทางลงพื้นที่ไปเยี่ยมชุมชนทั้ง 3 แห่ง ในลักษณะของลูกค้าทัวร์ เพื่อเป็นการเปิดหมู่บ้านให้คนในพื้นที่ที่มีศักยภาพและเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้รับรู้ว่ามีกิจกรรมการท่องเที่ยวใหม่ๆ เกิดขึ้น ขณะเดียวกันชาวชุมชนได้มีโอกาสฝึกฝนการต้อนรับ การให้ข้อมูลและการให้บริการกับนักท่องเที่ยว ทำให้เกิดความเข้าใจในการทำธุรกิจท่องเที่ยวของชุมชนในสถานการณ์จริง ซึ่งในตอนท้ายของกิจกรรมดังกล่าว ได้มีเวทีเสวนาย่อยเพื่อขอให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมร่วมเสนอความคิดเห็น ให้ชาวบ้านได้นำกลับมาปรับปรุงการดำเนินงาน และเป็นการให้กำลังใจกับชาวชุมชนต่อไป

 “การเชิญหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรให้มาเยือนหมู่บ้านเป็นกลุ่มแรก เปรียบเสมือนการนำเอเยนต์ทัวร์ ซึ่งเรามองว่ามีศักยภาพและมีความต้องการในการใช้สถานที่ ต้องการอาหารการกิน มีแหล่งเรียนรู้ดูงานกันเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งเท่ากับเป็นการต่อยอดในสิ่งที่ชาวบ้านได้ทำมาแล้ว มาเสนอขายให้กับลูกค้านั่นเอง เปรียบเสมือนการนำลูกค้าเข้าไปพบผู้ผลิตถึงแหล่งนั่นเอง ซึ่งจะทำให้ชาวชุมชนมีกำลังใจและได้รับโอกาสในการทำธุรกิจท่องเที่ยวของชุมชนตามวัตถุประสงค์ของโครงการรัฐบาลที่ต้องการให้ชาวบ้านเกิดรายได้ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” นายอำเภอขาณุวรลักษบุรีกล่าว

นายอำเภอขาณุวรลักษบุรีกล่าวต่อว่า ส่วนกิจกรรมเปิดหมู่บ้านท่องเที่ยวที่จัดขึ้นในคืนวันที่ 20 ตุลาคม 2561 ที่หอประชุมเทศบาลตำบลปางมะค่านั้น เป็นการจัดเวทีให้ชาวชุมชนทั้ง 3 หมู่บ้านได้นำสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชน ทั้งเรื่องอาหาร การแสดง ศิลปวัฒนธรรม ของที่ระลึก สินค้าโอท็อป ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยว มาร่วมแสดงให้คนภายนอกรับรู้ โดยมีคนในชุมชนทั้ง 3 หมู่ที่เข้าร่วมโครงการด้วยกัน สื่อมวลชนท้องถิ่น สื่อมวลชนจากส่วนกลาง และตัวแทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมงาน

ด้านนายอัคเดช แจ้งอยู่ พัฒนาการอำเภอขาณุวรลักษบุรี กล่าวว่า หมู่บ้านทั้งสามแห่งมีอัตลักษณ์ของชุมชนที่มีเสน่ห์ทางการท่องเที่ยวแตกต่างกันไป สำหรับบ้านแสนตอ หมู่ที่ 2 ตำบลแสนตอ มีความโดดเด่นเนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในการเสด็จประพาสต้นของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และเป็นถิ่นของคนผมแดงที่เคยนำครอบครัวเข้าเฝ้าฯ พระพุทธเจ้าหลวง

ขณะที่บ้านทรัพย์เจริญ หมู่ที่ 17 ตำบลปางมะค่า เป็นหมู่บ้านที่มีทิวทัศน์สวยงาม โอบล้อมด้วยภูเขาเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มีป่าชุมชนที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่ให้ชุมชนได้พึ่งพิง มีกลุ่มอาชีพทอผ้าซิ่นตีนจกที่มีความสวยสดงดงาม และเป็นหมู่บ้านที่ผู้ชายมีฝีมือทางการทอผ้า

ส่วนหมู่ที่ 21 บ้านใหม่ธงชัย ตำบลปางมะค่า มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจ คือ แก่งเกาะใหญ่ มีผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ทำจากกะลา มีศูนย์เรียนรู้ทางด้านการเกษตร การปลูกส้มโอและการทำน้ำมันมินท์ มีศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเรื่องการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อทำปุ๋ย มูลไส้เดือน การเลี้ยงหนูนา

                สำหรับกิจกรรมเปิดหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "มาคืนเดียวเที่ยว 3 หมู่"  โดยนำพื้นที่เชื่อมโยงของทั้ง 3 หมู่มาเป็นจุดขาย ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างกันตามอัตลักษณ์ของหมู่บ้าน ด้วยการมาพักค้างคืนเพียงคืนเดียว  

                “เชื่อว่ากิจกรรมที่เกิดขึ้นจะเป็นการช่วยจุดประกายให้คนภายนอกได้รู้จักชุมชนเล็กๆ ที่มีความงดงามในอำเภอขาณุวรลักษบุรีแห่งนี้ และเป็นการช่วยสร้างโอกาสให้กับชาวชุมชนอีกหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรายได้จากแหล่งท่องเที่ยว รายได้จากสินค้าโอท็อป สินค้าของที่ระลึก หรือกิจกรรมทางการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันคนในชุมชนก็เกิดความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนเองเพิ่มขึ้น อันนำไปสู่ความร่วมมือกันพัฒนาหมู่บ้านให้ดียิ่งขึ้นในทุกด้านต่อไป.

สรณะ รายงาน