สุดยอดแห่งสมรรถนะจากสนามแข่งสู่ท้องถนน Ferrari GTC4 Lusso T สปอร์ต อเนกประสงค์ 4 ที่นั่ง


เพิ่มเพื่อน    

Ferrari GTC4 Lusso T ซูเปอร์คาร์ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ด้วยแนวคิดใหม่ของ Ferrari GT ที่ต้องการนำเสนอความสะดวกสบายและหรูหราในรูปแบบของแกรนด์ทัวริ่งคลาส  ที่รองรับการเดินทางท่องเที่ยวแบบครอบครัวต่างจากเฟอร์รารี่รุี่นที่คุ้นเคย พูดถึงชื่อของ เฟอร์รารี่ ถือเป็นรถสปอร์ตในฝันตั้งแต่เด็กของหลายคน นึกภาพยังไงก็นึกออกแต่สีแดงเท่านั้นแต่ม้าลำพองก็มีสีอื่นให้เลือกอยู่เหมือนกัน สักครั้งในชีวิตไม่ว่าใครก็อยากจะได้ลองขับ หรือมากกว่านั้นคือการได้เป็นเจ้าของ ผมเองก็เคยไปสนามแข่งใหญ่ๆมาก็หลายครั้ง แต่ไม่สักครั้งที่จะได้ลงไปเหยียบคันเร่งเองในค็อกพิตคนขับ การนั่งในตำแหน่งผู้โดบสารทะยานไปในแทร็คโดยฝีมือนักแข่งอาชีพ เคยสร้างความเร้าใจให้มาแล้วหลายครั้ง และเมื่อได้รับโอกาสทดสอบขับด้วยตัวเอง เสียงฮึ่มๆของม้าลำพองหลังกดปุ่มสตาร์ทเพียงเท่านั้นก็ทำหัวใจพองโตแล้ว


    Ferrari GTC4Lusso T วางเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบชาร์จ ตามแนวคิดใหม่ของ Ferrari GT เพื่อความสะดวกสบายและหรูหราในแกรนด์ทัวเรอร์คลาส และถึงจะบอกว่าเป็นรถซูเปอร์คาร์ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ภายในกว้างขวางมาก แต่ภายนอกก็ยังโฉบเฉี่ยวแม้ท้ายจะดูมีเนื้อหนังขึ้นมาหน่อยก็ตาม ไฟท้ายแบบ Quad Circular ที่เป็นซิกเนเจอร์ 4 ดวง การตกแต่งภายในออกแบบให้เป็น ดูอัล ค็อกพิต คอนเซปท์ คือแยกฝั่งที่นั่งคนขับ กับ ผู้โดยสาร แน่นอนกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ ผู้ที่กำลังมองหารถสปอร์ตสำหรับครอบครัวที่ปราดเปรียวว่องไว และมีความอเนกประสงค์ ห้องโดยสารกว้างขวางเช่นเดียวที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่เปิดขึ้นมาแบบแฮชท์แบ็ค ได้ทั้งความหรูหรา การใช้งานขับขี่ประจำวัน ไม่หวั่นแม้จะมีเพื่อนร่วมเดินทางเพิ่มมาอีกนิด รองรับการเดินทางท่องเที่ยวแบบเป็นครอบครัวที่ต่างจากเฟอร์รารี่รุ่นอื่นๆ


    เอ็นจิ้นสตาร์ทกดปุ่มตรงพวงมาลัย พอสตาร์ทรถเสร็จแล้วเสียงฮึ่มๆก็มา ตัวเบลท์ก็จะเลื่อนขึ้นเพื่อให้หยิบคาดได้ง่าย ลุซโซ๋ มี 2 เครื่องยนต์ให้เลือก เทอร์โบ V8 และ NA ที่เป็น V12 วันนี้ได้ลองตัวที่เป็นเทอร์โบ ความต่างขอแรงม้าน่าจะอยู่ห่างกันราว 80 ตัว ในระดับ 610 แรงม้ากับ 690 แรงม้า นี้ ก็ถือว่าไม่ได้ต่างกันนักสำหรับการขับขี่ทั่วไป ได้เปรียบคือเบาถึงราว 55 กก. โดย ตัวเทอร์โบ จะเป็นเครื่องยนต์ V8 ขนาด 3855 cc ทวินเทอร์โบ ดูอัลครัช แบบ 7 สปีด เกียร์ใช้เป็น PF1 แบบ แพดเดิ้ลชิพท์ ด้านซ้ายก็ชิพท์ดาวน์ ขวาชิพท์อัพ สังเกตุได้ว่าทุกอย่างจะคอมพลีทอยู่บนพวงมาลัยเลย ดังนั้นเวลาขับ ผู้ขับขี่ก็ไม่ต้องกังวลที่จะเอื้อมไปที่ไหนอีกนักนอกจากบนพวงมาลัย ทุกอย่างจะอยู่ในระนาบที่ 9 นาฬิกา กับ 3 นาฬิกา ปรับเกียร์ขึ้นลง, ให้สัญญาณเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา, ปรับโช็ค (ปรับช็อคอัพ)  ให้อ่อนหรือแข็งขึ้น, ซับสตาร์ท, วอยซ์คอมมานด์สั่งพวกระบบมัลติมีเดียต่างๆ รับโทรศัพท์ ปรับโหมดการขับขี่ที่เหมาะสม เช่น ICE, WET, COMFORT, SPORT ฯลฯ ส่วนที่ต้องนำเสนอคือ พาสเซนเจอร์ดิสเพลย์ ที่ทำให้เห็นการทำงานของตัวรถ ซึ่งผู้ขับขี่ก็จะสนุกไปกับมันด้วย เกียร์ที่ใช้ สปีดความเร็ว จีฟอร์ซ รอบที่วิ่ง เกียร์สามารถปรับโหมดเลือกได้ว่าจะขับขี่แบบเกียร์ออโต้ หรือ แมนนวล วงเลี้ยวแคบมากอย่างเหลือเชื่อ เพราะเลี้ยวพร้อมกันทั้ง 4 ล้อ (4WS) เครื่องวางหน้าแบบมิดเอนจิ้น ขับเคลื่อนล้อหลัง เทอร์โบทำงานไม่ต้องรอรอบ น้ำหนักรถโดยรวมเบาขึ้น กระจายน้ำหนักด้านหน้า 46% ด้านท้ายรถ 54%


    พูดถึงเพอร์ฟอร์แมนซ์ สปีดสูงสุดอยู่ที่ 320 กม./ชั่วโมง จาก 0-100 กม./ชม.ใช้เวลาเพียง 3.5 วินาทีเท่านั้น จากที่ได้ลองชับบนเส้นทางโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิที่มีรถสัญจรไม่ได้หนาแน่นนัก บอกได้เลยว่าให้ความรู้สึกสุดยอดมาก มันคือสุดยอดเทคโนโลยียานยนต์จากสนามแข่งขันที่เอามาขับอยู่บนท้องถนน สปีดความเร็วกดสั่งได้ดั่งใจ ช้าเร็วแค่ไหนเกิดขึ้นได้เพียงแค่อึดใจเท่านั้น แต่จะขับเร็วขับช้า สำคัญคือสติ รู้ถึงทักษะตัวเอง รู้จักรถ งานนี้กดคันเร่งที รถพุ่งจนขนลุก ฟีลลิ่งมาพยศมาเต็ม ได้ทดสอบระบบเบรก Carbon Cerammic by Brembo บ้างก็คราวนี้


    ใช่เลยครับ ความเร็วแบบนี้เลยที่เคยสัมผัสมาบ้างแล้วในสนามแข่งรถอันดับหนึ่งของไทยจากที่เคยได้นั่งฮ็อตแล็บกับรถสปอร์ตตัวท็อปของกิจกรรม และเป็นสปีดความเร็วที่พุ่งทะยานเหนือกว่าที่เคยไปเข้าคอร์สอบรมการขับแข่งมาเมื่อ 2-3 ปีก่อนที่เป็นรถแข่งรุนเล็ก อย่างเทียบไม่ติด 
    แต่ม้าตั้ง 610 ตัวของ GTC4 Lusso T (690 ในรุ่น V12) คงเป็นไปไม่ได้ที่จะรีดออกมาได้ใช้หมดในวันที่ได้เทสต์ไดรฟ์ แต่เท่านั้นก็เล่นเอาขนลุกขับขี่สนุกตื่นเต้นมาก ซึ่งก็ต้องขอบคุณทางบริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ส จำกัด ผู้แทนจำหน่ายและซ่อมแซมเฟอร์รารี่ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว ที่เปิดโอกาสให้สื่อค่ายต่างๆได้มีโอกาสสัมผัสสุดยอดแห่งนวัตกรรมจากสนามแข่งที่มาให้เป็นเจ้าของกันได้ ถามว่าใครจะซื้อมาวิ่ง เท่าที่เห็นทุกวันนี้ก็วิ่งอยู่ในกรุงเทพหลายคัน หลังบ้านผมเองถัดไปสองหลัง ที่รู้จักกัน ก็มีซูเปอร์คาร์จอดอยู่ในบ้านไม่ต่ำกว่าหนึ่งคัน ขับผ่านเข้าออกให้เห็นเป็นประจำ  ส่วนที่ คาวาลลิโน่ มอเตอร์ส ก็จะมีรถเฟอร์รารี่ เข้ามาซ่อมบำรุงตามระยะมากมาย แทบไม่อยากเชื่อสายตา มหาเศรษฐีในบ้านเราจะเยอะขนาดนี้ นี่แค่ส่วนหนึ่งที่เข้ามาซ่อมบำรุงเท่านั้น ได้ยินว่ามีการรวมตัวจัดกิจกรรมกันบ่อยๆด้วยในหมู่เจ้าของม้าลำพอง 


    Ferrari GTC4 Lusso T ราคาประมาณ 24.2 ล้านบาท มีเครื่องยนต์ 2 รุ่นด้วยกันคือ แบบ NA ที่ใช้ขุมพลัง F140 เบนซิน V12 6.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 690 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที ขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายใน 3.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 335 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ F154 เบนซิน V8 4.0 ลิตรเทอร์โบคู่ ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 610 แรงม้า (PS) ที่ 7,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด 
    ทาง คาวาลลิโน่ มอเตอร์ส พาเจ้าเฟอร์รารี่ ไปจัดคอกออกงานให้แฟนเจ้าม้าลำพองได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำอยู่บ่อยๆ ล่าสุดก็เพิ่งพาอวดโฉม ที่ สยามพารากอน ชั้น M นอกจาก GTC4Lusso T แล้วยังมี Portofino, 488Spider และ 812Superfast ให้ได้ยลโฉมกันไปเมื่อเร็วๆนี้ หรือถ้ายังไม่พอก็ต้องติดต่อขอชมและสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือใคร ได้ที่ คาวาลลิโน มอเตอร์ส ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"