
"ดอน" รอด! มติเสียงข้างมากศาล รธน.ชี้ไม่สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี เหตุคู่สมรสโอนหุ้นให้บุตรชาย ถือหุ้นแค่ 4% รมต.บัวแก้วลั่นจากนี้ทำงานเต็มที่ เตรียมวางมือทางการเมืองหลังเลือกตั้ง
ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม เวลา 14.00 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีเฉพาะตัว จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (1)วรรค 5 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายดอนสิ้นสุดลงเฉพาะหรือไม่ จากเหตุนางนรีรัตน์ ปรมัตถ์วินัย ภรรยานายดอน ถือครองหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ในบริษัท ปานะวงศ์ จำกัด และบริษัท ปานะวงศ์ รีแอลที จำกัด
โดยศาลวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงได้ว่า รัฐธรรมนูญ 2560 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 6 เมษายน 2560 ให้ถือเป็นวันเริ่มรับตำแหน่งรัฐมนตรีของนายดอน อีกทั้งคู่สมรสได้ทำหนังสือใบโอนหุ้น ในบริษัท ปานะวงศ์ จำกัด และบริษัท ปานะวงศ์ รีแอลที จำกัด ให้กับบุตรชายอย่างถูกต้อง ในวันที่ 27 เมษายน 2560 และวันที่ 30 เมษายน 2560 ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่า รัฐมนตรีและคู่สมรสจะต้องไม่ถือครองหุ้นเกิน 5% และจะต้องชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใน 30 วัน และจากหลักฐานพบว่า หลังจากโอนหุ้นให้กับบุตรชายแล้ว คู่สมรสของนายดอนได้ถือครองหุ้นแต่ละบริษัทเพียงร้อยละ 4 ซึ่งไม่เกินตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้
ดังนั้น นายดอนจึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค (1) วรรค 5 ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 187 ไม่ต้องสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีเฉพาะตัว โดยหลังจากนี้คู่ความสามารถคัดสำเนาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ภายใน 15 วัน
ด้านนายดอนกล่าวภายหลังเข้ารับฟังคำวินิจฉัยของศาลว่า ถือว่าเรื่องยุติแล้ว หลังจากนี้ต้องกลับไปทำงานด้วยสมาธิที่เต็มที่ เนื่องจากยังมีงานสำคัญรออยู่อีกมาก ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าใช้เวลา 6 เดือน ในการเตรียมเอกสารเพื่อประกอบคำชี้แจงต่อศาล โดยเฉพาะในเดือน พ.ย. ซึ่งไทยจะเป็นประธานอาเซียน ในวันที่ 15 พ.ย.นี้
"บทบาททางการเมืองหลังจากนี้ ขอยืนยันว่าจะไม่เข้าไปอยู่ในสังกัดของพรรคการเมืองใด และไม่สมัครสมาชิกพรรคใด ในประเทศนี้มีทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ พูดให้ชัดคือหลังการเลือกตั้งจะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ในทางการเมือง แต่ถ้าจะมานั่งพูดคุยปรึกษาหารือในเรื่องการต่างประเทศ ซึ่งตนมีความถนัดก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ และยอมรับเหตุผลของการตัดสินใจมาจากปัญหาด้านสุขภาพ ไอมานาน 6 เดือนยังไม่หาย" นายดอน ระบุ
ส่วนข้อเรียกร้องให้มีองค์กรต่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนั้น รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการเลือกตั้งเป็นกิจการภายในของประเทศ แต่ละประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องให้ต่างชาติเข้ามาจับตามอง โดยประชาชนแต่ละประเทศมีความสำคัญและจำเป็นมากกว่า สามารถสังเกตการณ์การเลือกตั้งของประเทศตัวเองได้ดีกว่าคนต่างชาติ นอกจากนี้ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นถือเป็นการนับหนึ่งใหม่ ดังนั้นการดูแลปกครองตัวเองที่ยังต้องให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์จึงไม่เป็นมงคลของการเริ่มต้นใหม่ โดยที่ผ่านมาการเลือกตั้งที่ถูกต่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์จะเกิดกับประเทศที่มีปัญหาไม่ดี สำหรับไทยเป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรี คงไม่อยากถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีปัญหา
ทั้งนี้ รัฐบาลปัจจุบันมาจากการรัฐประหารที่มีความแตกต่างจากรัฐประหารทั่วโลก เพราะไม่มีการห้าม ลิดรอนสิทธิความเป็นอยู่ และไม่ได้ทำอะไรเกินเลยจนกระทบความเป็นอยู่ในวิถีชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ มีทูตบางประเทศมาคุยกับตน ยกมาตรา 112 มาสอบถามว่าทำไมต้องมีกฎหมายลิดรอนการแสดงความเห็น จึงได้ถามกลับไปว่า ประเทศของท่านไม่มีมาตรการหรือข้อบังคับเฉพาะเรื่องหรืออย่างไร ในประเทศไทยมาตรา 112 นั้น คนไทยรับรู้กันดี หากลองนับจำนวนคนที่ไม่เห็นด้วย จะพบว่ามีแค่หยิบมือเดียวแล้วจะเป็นปัญหาได้อย่างไร ในเมื่อคนส่วนใหญ่ไม่ได้มองว่าเป็นปัญหา
นอกจากนี้ มาตรการพิเศษต่างๆ ที่ออกมาทำเพื่อประโยชน์บ้านเมืองความสงบเรียบร้อย ข้อห้ามการชุมนุมทางการเมืองเพื่อให้บ้านเมืองสามารถเดินต่อไปได้ ในเรื่องความคิดความเห็นสามารถแสดงออกผ่านสื่อต่างๆ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาไม่ได้มีข้อห้าม.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |