สาวตุ๋นข้าวกล่อง พบคดีติดตัวอื้อ ปัดตร.ร่วมแก๊ง


เพิ่มเพื่อน    

    จ่อหมายเรียกสาวตุ๋นทำข้าวหมื่นกล่อง พบมีคดีฉ้อโกงและยาเสพติด ติดตัวหลายคดี ทั้งเคยเบี้ยวจ้างทำข้าวกล่องมาแล้ว 3 ครั้ง บก.ภ.อุตรดิตถ์ตั้งคณะทำงานสอบสวน ด้านโรงงานที่ถูกแอบอ้างยันไม่เคยว่าจ้างใครส่งข้าว ผู้ว่าฯ สั่งใครทำผิดดำเนินคดีหมด "อัจฉริยะ" รับช่วยผู้ตกเป็นเหยื่อ ลั่นมีข้อมูลอยู่ในมือ 
    เมื่อวันพุธ พ.ต.อ.คีรี เกียรติสาร รอง ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์ นำคณะเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 268/2 หมู่ 8 ต.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ สอบถามรายละเอียดจากนางธนิสร กุยแก้ว อายุ 42 ปี ที่เข้าแจ้งความตำรวจว่าถูกหญิง 2 คนหลอกให้ทำอาหารกล่องส่งโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก วันละ 1 หมื่นกล่อง น้ำดื่มอีกวันละ 1 หมื่นขวด พร้อมเรียกค่าสัมปทาน 1 แสนบาท แต่แล้วกลับเบี้ยวไม่ยอมรับอาหารที่ทำไว้ โดยอ้างว่านางธนิสรทำอาหารไม่ตรงตามที่สั่ง ทำให้ตกเป็นหนี้จากการกู้ยืมมาเป็นทุน รวมทั้งยังติดค่าแรงเพื่อนบ้านที่จ้างมาทำงานด้วย รวมทั้งหมดกว่า 1 ล้านบาท
    พ.ต.อ.คีรีกล่าวว่า นอกจากนางธนิสรแล้ว ยังมีผู้เสียหายอีก 2 รายที่ถูกหลอกลวงในทำนองเดียวกัน จึงเชิญตัวไปสอบปากคำที่ สภ.วังกะพี้ โดยขณะนี้ บก.ภ.จว.อุตรดิตถ์ได้ตั้งคณะทำงานสอบสวน และประสานขอหลักฐานจากตำรวจจังหวัดพิษณุโลก เดียวกับโรงงานที่ผู้ว่าจ้างอ้างว่าได้รับสัมปทานทำข้าวกล่องส่ง ซึ่งเมื่อตรวจสอบก็พบว่าโรงงานแห่งนี้มีพนักงานแค่ 4 พันคน และไม่ได้ว่าจ้างใครทำข้าวกล่อง ดังนั้นผู้แอบอ้างอาจเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน
    ส่วน พล.ต.ต.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการทำงานของคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด จากนั้นจะประชุมร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่เบื้องต้นพบว่านางธนิตา จันทร์อิ่ม อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นผู้ชักชวนให้ทำสัญญา มีประวัติหลายคดี ทั้งยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง ครอบครองยาเสพติด ในพื้นที่พิชัย พญาแมน จ.อุตรดิตถ์ และไทรย้อย จ.พิษณุโลก อยู่ระหว่างประกันตัวสู้คดี ขณะนี้ตำรวจยังตรวจสอบว่ามีคดีอื่นอีกหรือไม่ คาดว่าราว 1-2 วันคงทราบผล ส่วนที่มีข่าวตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องในคดีข้าวกล่องด้วยนั้น ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่หากพบก็ต้องถูกดำเนินคดีอาญา
    มีรายงานจาก สภ.พญาแมน ที่นางธนิสรเข้าแจ้งความว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายเรียกนางธนิตากับหญิงอีกคน ที่เป็นผู้ว่าจ้างนางธนิสรทำข้าวกล่อง เข้าให้ปากคำ ก่อนพิจารณาว่าจะมีความผิดในข้อหาใดหรือไม่
    นายเจษฎา ลิ้มศรีตระกูล นายอำเภอพิชัย จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ผู้ว่าจ้างที่ออกมาปฏิเสธไม่ได้หลอกลวงให้ทำข้าวหมื่นกล่องนั้น เคยถูกจับและต้องคดีฉ้อโกงมาแล้วหลายพื้นที่ แต่เหยื่อบางรายไม่เอาความ เพราะผู้ว่าจ้างยอมชดใช้ให้ ขณะที่นายธนากร อึ้งจิตรไพศาล ผวจ.อุตรดิตถ์ ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มาก กำชับให้ทางอำเภอและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบ ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ใครผิดก็ว่ากันตามผิด หากเกี่ยวข้องถึงใครก็ให้เรียกมาสอบสวนทุกรายไป ส่วนค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ทางสำนักงานยุติธรรม จ.อุตรดิตถ์ ได้ให้นิติกรหน่วยงานเข้ามาดูแลแล้ว
    มีรายงานด้วยว่า ขณะนี้หน่วยงานจากกระทรวงยุติธรรม จ.อุตรดิตถ์ นำโดยนายสมศักดิ์ กิจนาคะเกศ ร่วมกับทหาร มทบ.35 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงกรณีหลอกลวงทำข้าวกล่อง เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายทั้งหมดต่อไป
    ด้านนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งว่า ชมรมจะให้การช่วยเหลือผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ทำข้าวกล่องทิ้งเป็นหมื่นกล่อง จากการตรวจสอบพบว่า โรงงานแห่งนี้เคยหลอกผู้เสียหายมาแล้วหลายราย ทางชมรมฯ จึงได้ประสานไปยังโรงพักพญาแมนเพื่อเร่งสอบสวน เพื่อเอาผิดกับเจ้าของโรงงานแห่งนี้ และจะดำเนินการเอาผิดส่วนอื่นด้วย 
    ต่อมานายอัจฉริยะโพสต์ว่า เวลา 20.00 น. วันพุธ ตนจะเปิดเบื้องหลังการหลอกลวงข้าวกล่องทางเฟซบุ๊ก
    มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในรายการข่าว "เที่ยงวันทันเหตุการณ์" สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 มีนายกรรชัย กำเนิดพลอย และนางอริสรา กำธรเจริญ ดำเนินรายการได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ น.ส.แซน (นามสมมุติ) ชาวบ้านเสด็จ อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี 1 ใน 2 สาวผู้ว่าจ้างนางธนิสรทำข้าวกล่อง โดย น.ส.แซนรับว่าได้ทำสัญญากับนายวีรวัฒน์ กุยแก้ว สามีนางธนิสร ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะนางธนิสรผิดสัญญา ส่งของไม่ทันตามเวลาที่กำหนด และไม่เคยปรับเงิน 1.5 แสนบาทตามที่กล่าวอ้าง แต่เมื่อนายกรรชัยถามว่าโรงงานที่จะเอาข้าวไปส่งชื่ออะไร น.ส.แซนก็พูดบ่ายเบี่ยง อ้างฟังคำถามไม่ชัดก่อนที่จะหายไป
    อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปใหม่ น.ส.แซนกล่าวว่า การสั่งข้าวกล่องและน้ำดื่มจำนวนมากนำไปไหน และให้ใครนั้น ไม่ขอให้รายละเอียด
    น.ส.อำภาพร ดอนคำไพ อายุ 31 ปี ผู้ถูกว่าจ้างให้ทำข้าวกล่องอีกราย เปิดเผยว่า เดิมตนมีอาชีพเสริมสวย ได้รู้จักลูกค้ารายหนึ่ง ชื่ออิ๋ว อายุประมาณ 30-35 ปี แต่งตัวดี อ้างว่าทำธุรกิจหลายอย่าง กระทั่งตนได้ไปที่บ้านอิ๋ว เห็นคนทำกับข้าวกล่องและอิ๋วบอกว่าต้องทำวันละ 1 หมื่นกล่องเพื่อส่งโรงงาน พร้อมกับชักชวนให้ร่วมธุรกิจ โดยตนต้องเสียค่าเปลี่ยนสัมปทาน 20,000บาท ซึ่งเริ่มแรกได้เงินมาวันละ 7,000-9,000 บาท กระทั่งผ่านไป 4 วันก็ได้ข่าวว่าข้าวกล่องที่ทำไม่ได้นำไปส่งโรงงาน แต่กลับไปแจกให้ชาวบ้าน และถ้าแจกไม่หมดก็จะนำไปทิ้งแม่น้ำ ตนจึงขอถอนตัว ได้เงินค่าเปลี่ยนสัมปทานคืนมา 2 หมื่นบาท ส่วนเงินลงทุนค่าอุปกรณ์ 1 แสนบาท ได้หม้อแกงกลับมา 5 ใบ กับเตาแก๊สหุงต้ม 2 เตา จึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.พญาแมน จ.อุตรดิตถ์ แต่คดีไม่มีความคืบหน้า
    ต่อมา พล.ต.ต.พยูร์ ธนะศรีสืบวงศ์ รรท.ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จะเข้ามาดูแลคดีนี้ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ด้วย แต่จะเดินทางมาร่วมสอบสวนด้วยหรือไม่ ต้องรอการประสานงานอีกที ถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะทำให้การดำเนินการมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น 
    ข่าวแจ้งว่า นายอัจฉริยะได้ประสานมายังผู้เสียหายในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ทุกรายแล้ว โดยให้เดินทางเข้าไปพบที่ส่วนกลาง เพื่อพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อกองปราบปรามให้ดำเนินการเรื่องนี้ และพร้อมที่จะช่วยเหลือทางคดีกับผู้เสียหายทุกรายหากถูกคู่สัญญาหรือกลุ่มคนหลอกลวงทำการฟ้องร้องกลับด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"