ปลดล็อกกัญชาของขวัญปีใหม่


เพิ่มเพื่อน    

    วิป สนช.ลั่นเดินหน้าปลดล็อกกัญชา ดันร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดเข้าที่ประชุม 9 พ.ย.นี้ ประกบข้อเสนอรองนายกฯ-รมว.สธ. คาดบังคับใช้ต้นปีหน้าเป็นของขวัญปีใหม่แก่ ปชช. “ประจิน” ระบุจะมีผลให้ปลูก-ผลิต-จำหน่าย-รักษาโรค ภายใต้การควบคุมครบวงจร ด้านองค์การเภสัชฯ ตั้งแท่นรอปลดล็อก เผยอนุมัติ 120 ล้านปลูกและสกัดกึ่งอุตสาหกรรม พร้อมเปิดคอมเพล็กซ์ครบวงจรครั้งแรกของไทย
    ที่รัฐสภา วันที่ 7 พฤศจิกายน นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) เปิดเผยว่า ในการประชุม สนช.วันที่ 9 พ.ย. จะมีวาระพิจารณาเพิ่มเติมเรื่องร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ที่ตนและคณะเข้าชื่อเสนอเป็นกฎหมายเฉพาะอีกฉบับ แยกออกมาจากร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดฉบับเดิมที่อยู่ในชั้นการพิจารณาของกรรมาธิการฯ โดยร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ที่เสนอนั้น มีสาระสำคัญคือ การให้กัญชามาอยู่ในยาเสพติด ประเภท 2 เหมือนฝิ่น มอร์ฟีน เพื่อให้สามารถครอบครอง นำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในการทำยารักษาโรคได้ 
    โดยการประชุม สนช.ในวันที่ 9 พ.ย. รัฐบาลจะส่งรมว.สาธารณสุขมาฟังหลักการร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดฉบับใหม่ของ สนช. จากนั้นจะนำร่างกฎหมายดังกล่าวไปประกบกับข้อเสนอของ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และข้อเสนอของ รมว.สาธารณสุข เข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ นำไปประมวลปรับปรุงกฎหมายให้มีความสมบูรณ์ รอบคอบที่สุด และส่งกลับมาให้ที่ประชุมวิป สนช. ในช่วงบ่ายวันที่ 13 พ.ย. เพื่อให้วิป สนช.บรรจุเข้าสู่วาระการประชุม สนช. ให้รับหลักการวาระ 1 ได้ทันในวันที่ 15 หรือ 16 พ.ย.นี้ 
    "สนช.จะเร่งพิจารณาวาระ 2 และ 3 ให้เร็วที่สุด คาดว่าจะใช้เวลา 45 วัน หรือประมาณวันที่ 21 ธ.ค.จะประกาศบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวได้ หรืออย่างช้าประมาณต้นปี 2562 ให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. อยากให้เร่งรัดผลักดันกฎหมายด้วยความรวดเร็ว รัดกุม เพื่อประโยชน์ในการใช้รักษาโรค" นายสมชายกล่าว
    พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชาและกระท่อมมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และสนช.เสนอให้ดึงกฎหมาย 17 มาตรา จากร่างประมวลยาเสพติดมายกร่างเป็น พ.ร.บ.ฉบับใหม่ โดยสาระสำคัญของร่างกฎหมายจะพูดถึงสาเหตุความจำเป็นการใช้พืชกัญชาเพื่อรักษาโรค การขออนุญาตปลูกและผลิตในพื้นที่ควบคุม การขออนุญาตครอบครองโดยแพทย์และเภสัชกรที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ป่วยที่จะครอบครองและพกพาต้องมีใบรับรองจากแพทย์และสามารถครอบครองได้ในปริมาณจำกัด โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.), องค์การอาหารและยา (อย.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จะร่วมดูแลการปลูกและใช้ประโยชน์จากพืชกัญชาและกระท่อมภายใต้เงื่อนไขที่ชัดเจน
    พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า พืชกัญชายังคงสถานะเป็นยาเสพติดรัฐบาลไม่ได้ปลดล็อกให้เสพได้ แต่ปรับกฎหมายให้สามารถนำมาใช้ในทางการแพทย์ได้อย่างคล่องตัวในทุกขั้นตอน ในวันที่ 9 พ.ย.นี้ สธ.จะหารือรายละเอียดในร่าง พ.ร.บ.ให้ชัดเจนว่าจะปรับให้พืชกัญชาจากยาเสพติดประเภท 5 เป็นยาเสพติดประเภท 2 หรือไม่ จากนั้นจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ หาก ครม.เห็นชอบ คาดว่าจะนำเข้า สนช.เพื่อพิจารณาอย่างรวดเร็ว ให้แล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค.นี้
    “ส่วนตัวเห็นว่าจะปรับกัญชาเป็นยาเสพติดประเภท 2 หรือคงไว้เป็นยาเสพติดประเภท 5 ก็ไม่มีผลแตกต่างกัน เพราะร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่กำหนดหลักเกณฑ์การใช้ การควบคุม พร้อมบทลงโทษกับผู้ฝ่าฝืนไว้ชัดเจนแล้ว แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นยาเสพติดประเภท 2 กัญชาจะไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับยาเสพติดที่เป็นยารักษาอาการปวดของผู้ป่วยบาดเจ็บฉุกเฉิน ซึ่ง สธ.จะต้องกำหนดมาตรการควบคุมและเงื่อนไขการใช้ให้ชัดเจนและรัดกุม โดยจะมีการปรับกฎและระเบียบ สธ.” พล.อ.อ.ประจินกล่าว และยืนยันว่า วันนี้ไทยยังไปไม่ถึงจุดที่จำเป็นต้องใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ
    นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้สำนักงาน อย. พร้อมด้วยทีมกฎหมายของ สธ. มาเพื่อช่วยกันพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว เบื้องต้นเท่าที่ดูแนวคิดร่างกฎหมายฉบับ สนช.นั้นไม่แตกต่างกัน คือทำเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อประโยชน์ของประชาชน และเป็นไปตามที่นายกฯ บอกว่าค่อยๆ ทำไปทีละขั้นตอนอย่างรัดกุม จึงให้ใช้ใน 4 กลุ่มโรคที่มีผลศึกษาว่าได้ผล คือ 1.รักษาอาการคลื่นไส้ในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ให้คีโม 2.โรคลมชักในเด็ก 3.ปลอกประสาทอักเสบ และ 4.อาการปวดอื่นๆ ที่เดิมทีต้องใช้มอร์ฟีนในการบรรเทาอาการปวด ส่วนการแพทย์แผนไทยก็จะมีเรื่องของน้ำมันกัญชาที่จะนำมาใช้ ยกเว้นส่วนดอกและใบที่ยังไม่อนุญาต
    "กระทรวงไม่ได้เสนอร่างกฎหมายไปประกบ เพราะจะทำให้ล่าช้า แต่ในส่วนของการออกประกาศ รมว.สาธารณสุขเพื่อยกระดับสารสกัดน้ำมันกัญชาจากยาเสพติดประเภท 5 มาเป็นยาเสพติดประเภท 2 ที่ให้สามารถใช้ทางการแพทย์ได้ แต่อยู่ภายใต้การควบคุมนั้น ก็จะดำเนินการควบคู่กันไป ซึ่งคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษจะมีการประชุมกันในวันที่ 9 พ.ย.ด้วยว่าจะมีผลกระทบกับใครหรือไม่ หรือจะไปเอื้อประโยชน์ใครหรือไม่ หลักการเหมือนกันเพื่อประโยชน์ต่อประชาชน ก็ออกประกาศเท่าที่อำนาจจะทำได้" นพ.ปิยะสกลกล่าว 
    นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) กล่าวว่า อภ.ได้เตรียมพร้อมทุกอย่างเพื่อรอการปลดล็อกทางกฎหมาย ซึ่งจะได้ผลิตสารสกัดกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ทันท่วงทีแก่ผู้ป่วยที่รอความหวังอยู่ ล่าสุดบอร์ด อภ.ได้อนุมัติงบ 120 ล้านบาท ในการพัฒนาเพื่อสกัดและปลูกในระดับกึ่งอุตสาหกรรม ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนปรับปรุงสถานที่ คาดว่าพร้อมผลิตจากของกลางได้ในเดือน พ.ค.2562 ผลิตได้เดือนละ 60,000 ขวด โดยเครื่องสกัดราคา 8 ล้านบาท จะเข้ามาในไทยประมาณเดือน มี.ค.-เม.ย.2562
     "ขณะเดียวกันจะปลูกเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ที่โรงงานสารสกัดที่คลอง 10 จ.ปทุมธานี และผลิตสารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์เพื่อขึ้นทะเบียนจากกัญชาพันธุ์ที่ปลูกเอง และคาดว่าจะปลูกได้เองภายในเดือนพ.ย.2562 จากนั้นจะขยับเป็นระดับอุตสาหกรรมใหญ่ โดยปลูกที่อำเภอหนองใหญ่ จ.ชลบุรี ซึ่ง อภ.มีที่ดิน 1,500 ไร่ พร้อมตั้งโรงงานผลิต เป็นคอมเพล็กซ์ครั้งแรกของประเทศไทย พร้อมกับวิจัยสมุนไพรและโรงงานผลิตสมุนไพรอื่นๆ เช่น สมุนไพร บัวบก ขมิ้นชัน เป็นต้น" นพ.โสภณกล่าว. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"