รัฐบาลรับลูก ‘30วัน’ถกกม. ปล่อย‘กัญชา’


เพิ่มเพื่อน    

  สายเขียวเฮ! ยกแรกรัฐบาลรับลูกปลดล็อกกัญชาของ สนช.มาพิจารณาใน 30 วัน สมชายชูผลรับฟังความคิดเห็นประชาชน 99% หนุนให้ทำ เด็กบิ๊กป้อมยันต้องไม่ผูกขาด หมอธีระวัฒน์หวังเกิดก่อนเลือกตั้ง 

    เมื่อวันศุกร์ ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาเรื่องด่วนร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ซึ่งนายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช.ได้เข้าชื่อพร้อมสมาชิกอีก 44  รายเสนอ ซึ่งมีทั้งสิ้น 17 มาตรา โดยเหตุผลในการเสนอกฎหมายดังกล่าวระบุว่า พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน และมีบทบัญญัติบางประการที่ไม่ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากนี้ในปัจจุบันในส่วนของกัญชานั้น ปรากฏผลวิจัยว่าสารสกัดจากกัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์ หลายประเทศทั่วโลกได้มีการผ่อนปรนโดยการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย อนุญาตให้ประชาชนใช้พืชกระท่อมและกัญชาทางการแพทย์ หรือเพื่อการนันทนาการโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่สำหรับประเทศไทยปัจจุบันพืชกระท่อมและกัญชายังคงเป็นสิ่งเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มีการกำหนดโทษทั้งผู้เสพและผู้ครอบครอง ทั้งที่ในสภาพความเป็นจริงพบว่ามีผู้ป่วยบางส่วนลักลอบใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคมานานหลายปีแล้ว ทั้งผลิตใช้เองและมีผู้ผลิตในเชิงพาณิชย์ เป็นผลให้มีราคาแพงและอาจไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการแพทย์และตำรับยา
    สมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถนำกัญชาและพืชกระท่อมไปทำการศึกษาวิจัย เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสามารถนำไปใช้ในการรักษาภายใต้การดูแลและควบคุมของแพทย์ได้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
    ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่างกฎหมายได้แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ 2522 โดยกำหนดให้สามารถขออนุญาต ผลิต นำเข้าหรือส่งออกยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ซึ่งประกอบด้วยกัญชาและพืชกระท่อม เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์สามารถนำไปใช้ในการรักษาโรคเฉพาะตัวได้ เช่นเดียวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ฝิ่น โดยให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สามารถกำหนดพื้นที่สำหรับทดลองเพาะปลูกกัญชาและเสพกัญชา เพื่อการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ในปริมาณที่กำหนดโดยไม่ถือว่ามีความผิดกฎหมาย ซึ่งการกำหนดพื้นที่ดังกล่าวต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา มีมาตรการตรวจสอบควบคุม
    ส่วนผู้ที่สามารถอนุญาตครอบครองกัญชาได้นั้น ประกอบด้วย กระทรวง, องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น, สภากาชาดไทย, องค์การเภสัชกรรม, ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์สาขาต่างๆ ทั้งทันตกรรม  สัตวแพทย์ และแพทย์แผนไทย เป็นต้น โดยผู้ขออนุญาตต้องไม่เคยต้องโทษตามกฎหมายยาเสพติดมาก่อน และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้พิจารณาอนุญาตตามความเห็นของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ
    ขณะที่สมาชิก สนช.หลายคนอภิปรายสนับสนุน โดยเฉพาะผู้ที่ลงชื่อเสนอแก้ไขเรื่องดังกล่าว อาทิ  นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สนช.กล่าวว่า การเสนอแก้ไขดังกล่าวใช้เพื่อการแพทย์ ไม่ใช่สันทนาการ และต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่าการปลกล็อกกัญชาทำในเขตที่ประกาศโดย ป.ป.ส.ให้ใช้ในพื้นที่ที่ครอบครองวิจัยและพัฒนาได้เท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพราะต้องการควบคุม ไม่ได้เปิดให้ประชาชนปลูกอย่างเสรี และหากมีการปลดล็อกก็อาจต้องมีกฎหมายเฉพาะขึ้นมา
    นายสนิท อักษรแก้ว สมาชิก สนช.กล่าวว่า ในอนาคตอาจใช้ประโยชน์จากกัญชาได้หลายเรื่อง  อย่างน้อยที่สุดคือน้ำมันกัญชาสามารถรักษาได้หลายโรค ถ้าเปิดโอกาสให้มีการวิจัย ประเทศไทยมีศักยภาพทั้งเรื่องบุคลากรนักวิจัยที่มีชื่อเสียง และเครื่องมือ วิธีการต่างๆ ในการสกัด หลายสถาบันพร้อมทำงานวิจัยหากเปิดโอกาส และหากงานวิจัยต่างๆ เป็นที่ยอมรับ มีการควบคุมที่ดี ประเทศไทย สภาพภูมิประเทศ อากาศ ดิน เหมาะสมในการปลูกกัญชา
    ทั้งนี้ หลังอภิปรายกันหลากหลาย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ซึ่งเป็นตัวแทนรัฐบาลได้กล่าวว่า เห็นชอบในสาระและจะรับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไปพิจารณาภายใน 30 วัน ก่อนเสนอเป็นร่างกฎหมายกลับไปยัง สนช.พิจารณารับหลักการในวาระที่ 1 ตามกระบวนการต่อไป
    ทั้งนี้ ในร่างกฎหมายที่ สนช.เสนอยังได้แนบรายงานสรุปผลการรับฟังความเห็นประชาชนตามมาตรา 77 ผ่านเว็บไซต์ของ สนช. ระหว่างวันที่ 1-15 ตุลาคม 2561 ซึ่งมีผู้แสดงความคิดเห็นทั้งสิ้น 16,431 คน พบว่ามีผู้เห็นด้วย 16,288 คน หรือ 99.13% ผู้ไม่เห็นด้วย 138 คน คิดเป็น 0.84% และไม่แสดงความคิดเห็น 5 คน คิดเป็น 0.03%         
    ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ และ รมว.ยุติธรรมกล่าวเรื่องนี้ว่า นพ.ปิยะสกลจะรับร่าง พ.ร.บ.กัญชาที่ สนช.ยกร่างขึ้นมา 17 มาตรานำมาหารือกับตนเอง พร้อมคณะทำงานจากตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยยืนยันว่าจะเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 13 พ.ย.ตามกรอบเดิม
นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องดังกล่าวหลายครั้ง โดยระบุว่าการปรับกัญชาเป็นยาเสพติดร้ายแรงประเภท 2 สะดุด เกรงว่าจะติดปัญหาข้อกฎหมายจึงส่งให้กฤษฎีกาตีความ จะทำอะไรก็ทำกันไป ประชาชนจับตามองอยู่ และสิ่งที่เรียกร้องต้องการและที่ลงประชามติตามรัฐธรรมนูญไปแล้วคือ ต้องปลดล็อกกัญชาให้ประชาชนใช้สอยในการรักษาโรคร้ายแรงต่างๆ ได้เป็นการทั่วไป ไม่ให้ผู้ใดหรือหน่วยงานใดผูกขาดเป็นอันขาด เรื่องนี้ข้อมูลล่าสุดคือประชาชนไทยเป็นล้านคนที่ป่วยเป็นมะเร็ง และป่วยมากเป็นลำดับ 1 ของโลกแล้ว ประชาชนจะไม่ยอมให้ใครมาผูกขาดเอาเป็นประโยชน์ตนและพวกพ้องหรือต่างชาติเป็นอันขาด
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข กล่าวว่า เห็นด้วยกับนายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช.ที่ต้องการให้กัญชาหลุดออกจากยาเสพติดประเภท 5 ไปเลย และให้ประชาชนที่เจ็บป่วยสามารถครอบครองปลูกใช้เองได้ แต่ไม่สามารถให้หลุดออกจากครอบครัวไปสู่ภายนอก โดยอยากให้ปลดล็อกกัญชาก่อนเลือกตั้ง  เพราะขณะนี้องค์การเภสัชกรรมเองก็มีความพร้อมในการทำกัญชาอย่างครบวงจร และอยากให้ดึงกลุ่มใต้ดินมาอยู่บนดิน เพราะกลุ่มใต้ดินมีความพร้อมและมีความรู้เรื่องกัญชา และที่สำคัญที่สุดในการปลดล็อกกัญชาคือ ราคาต้องถูก คุณภาพต้องดี เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงและได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด 
วันเดียวกัน บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนมมีการแถลงข่าวตรวจยึดกัญชาอัดแท่ง 24  กระสอบ น้ำหนัก 1,000 กก. บริเวณสวนยางพาราทางเข้าหมู่บ้านดอนดู่ ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านบริเวณ อ.เชียงคาน จ.เลย ก่อนถูกจับกุมดังกล่าว
แหล่งข่าวแจ้งว่ากัญชาเหล่านี้เตรียมลำเลียงเข้าไปพักในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนส่งต่อไปยังภาคใต้ของไทยเพื่อขนลงเรือเข้าต่างประเทศ โดยเป็นกัญชาเกรดเอ ระดับพรีเมียมโกลด์ บรรจุหีบห่อในฟอยล์สีทองกันน้ำอย่างดี ราคาตามแนวตะเข็บชายแดน กก.ละ 2,500-3,000 บาท แต่หากนำไปถึงประเทศทางตอนใต้ของไทยราคาจะสูงถึง กก.ละ 20,000-30,000 บาท และถ้าเล็ดลอดออกไปได้นายทุนจะได้เงินราว 20 ล้านบาท โดยคนรับจ้างจะทำงานกันเป็นทอดๆ สับเปลี่ยนรถคันใหม่ตามจุดที่ระบุไว้เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่สงสัย. 
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"