'โอ๊ค'ร่ายยาวปัดแตกแบงก์พันอ้างรธน.ทำให้ต้องแยกกันทำพรรค


เพิ่มเพื่อน    

 

ภาพ:เฟซบุ๊กOak Panthongtae Shinawatra 

12 พ.ย.61-นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra เรื่อง “พานทองแท้ เชียร์ทุกพรรคฯ รักทุกคน ที่อยู่ฝั่งประชาธิปไตย” ครับ เนื้อหาระบุว่า "พรรคฯฝั่งประชาธิปไตย ผมหมายรวมถึงทุกพรรคฯที่ชัดเจนในนโยบายว่าพรรคฯของตนจะไม่สนับสนุนเผด็จการฯในการสืบทอดอำนาจทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นพรรคฯที่แตกออกมาจากพรรคเก่า หรือจะเป็นพรรคที่เพิ่งเข้ามาในสนามการเมืองใหม่ก็ตาม สรุปง่ายๆ คือ ไม่ว่าคุณคือพรรคฯไหน ถ้าคุณไม่เอาเผด็จการฯ เราคือเพื่อนกัน

หมดเวลาที่พรรคการเมืองจะตั้งหน้าตั้งตาทะเลาะกันแล้ว ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญฉบับปี 40 ถูกเขียนขึ้นเพื่อให้พรรคการเมืองแข็งแรง การรวมพรรคฯให้ใหญ่จึงเป็นจุดแข็งทางการเมือง พรรคการเมืองย่อยๆ จึงไปรวมกันเป็นพรรคใหญ่ แยกเป็น 2 ขั้วชัดเจน ซึ่งถ้าแต่ละฝ่ายมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะกัน ก็น่าจะไปได้ดีไม่มีปัญหาอะไร ปรากฏว่าการทำงานในสภาฯกลับไม่เป็นเช่นนั้น ฝ่ายหนึ่งเสนออะไรอีกฝ่ายค้านเรียบ ค้านตะบี้ตะบัน นโยบายดีไม่ดีอย่างไรกรูค้านเรียบ  ค้านไม่ชนะในสภาก็ดึงกองเชียร์ออกมาร่วมค้านกลางถนนด้วย จนทหารถือโอกาสอ้างความขัดแย้งทางการเมือง ออกมากระทำรัฐประหาร และสถาปนาตัวเองเป็นรัฐาธิปัตย์ อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้  

รัฐประหารแล้ว ประเทศชาติโดยรวมเป็นอย่างไร ก็อย่างที่เราสัมผัสได้ไนทุกวันนี้ นอกจากการบริหารและปกครองประเทศแบบทหารๆ ที่เราต้องทนกันมา 4-5 ปีแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังแอบแฝงไว้ด้วยกระบวนการในการคิดคะแนนเลือกตั้งที่พิสดารพันลึกไว้อีกด้วย จากที่พรรคการเมืองยิ่งมีขนาดใหญ่ ยิ่งควรจะมีเสถียรภาพมากขึ้น กลับตรงกันข้าม เพราะรัฐธรรมนูญใหม่ถูกออกแบบไว้ให้พรรคขนาดใหญ่ที่มี ส.ส.เขตชนะเลือกตั้งจำนวนเยอะๆ จะได้ปาร์ตี้ลิสต์น้อยลง ส่วนพรรคการเมืองที่ส่งส.ส.ลงเยอะๆ แต่แพ้ซ้ำซาก มีเขตที่แพ้มากกว่าเขตชนะ ยิ่งแพ้มากเขต ยิ่งได้โบนัสเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เป็นกอบเป็นกำ 

เมื่อเรามาคำนวณดูแล้ว พรรคที่ชนะเขตมากๆ อาจไม่มีส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เลยแม้แต่คนเดียว แต่พรรคฯที่แพ้เลือกตั้งหลายๆเขต จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เป็นกอบเป็นกำ ยิ่งแพ้มากเขต ยิ่งได้ปาร์ตี้ลิสต์มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ในเมื่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ อยากให้พรรคใหญ่มีขนาดเล็กลง ในวันนี้เราจึงได้เห็นการตั้งพรรคการเมืองใหม่ๆขึ้นมาเต็มไปหมด ไอ้ที่ว่าแตกแบงค์ร้อยแบงค์พันอะไรนั่น ไม่เห็นมีใครไม่แตกเลยสักคน แตกออกจากพรรคฯเดิมบ้าง แตกออกมาจากทำเนียบบ้าง จากค่ายทหารบ้าง วุ่นกันไปหมด ก็เล่นเขียนมาแบบนี้ คนของรัฐบาลเผด็จการฯที่ชอบด่าว่านักการเมืองเลว ก็ส่งนอมินีมาตั้งพรรคฯ แตกตัวออกมาจะได้เป็นนักการเมืองเสียเอง

คนที่เคยสัญญาทั้งผ้าเหลืองว่าจะไม่ยุ่งการเมืองแหล่ว ผมพอ ไม่เอาไร ก็แตกหน่อจากพรรคเก่าแก่ ออกมาเป็นพรรคใหม่ นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ไม่เคยคิดจะเป็นนักการเมือง ก็ตั้งพรรคการเมืองเอง ลูกหลานนักการเมืองและอดีตส.ส. ที่คำนวณแล้วว่าอยู่ในพรรคใหญ่ก็ไม่ได้ปาร์ตี้ลิสต์ ต่างก็ชวนพรรคพวกที่สนิทสนมกัน แยกย้ายกันไปตั้งพรรคใหม่ โดยไม่ต้องง้อพรรคใหญ่ให้ยุ่งยาก ได้เป็น ส.ส.ง่ายกว่าเยอะ ตั้งพรรคขึ้นมามีคนเลือก 7 หมื่นคน ก็ได้เป็นส.ส.แล้ว 1 คน ช่วยกันหามาสัก 7 แสนคน ก็ได้ ส.ส.แล้ว 10 คน เป็นพรรคไซส์มินิพอดีๆ ไม่เสียเปรียบใคร 

รูปแบบของการต่อสู้ทางการเมืองแบบใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว จากผลพวงของรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นด้วยฝีมือคนที่ คสช.เลือกเข้ามาเอง อยากให้พรรคการเมืองมีขนาดเล็กเล็ก ก็ได้พรรคเล็กสมใจ จึงได้ที่มาของสโลแกนพานทองแท้ที่ว่า เชียร์ทุกพรรคฯ รักทุกคน เลือกตั้งครั้งหน้า ดูจุดยืนของแต่ละพรรคฯ ชอบพรรคฯไหนเลือกพรรคฯนั้น ไม่ต้องคิดมาก 1. อยากให้ทหารกลับกรมกอง ก็เลือกพรรคฯ ที่ชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย 2. อยากให้ลุงทหารบริหารประเทศต่อไป ก็เลือกพรรคฯ ที่สนับสนุน เผด็จการฯ การเมืองก็จะเป็นไปในทิศทางที่ท่านต้องการ 1 หรือ 2 เท่านั้น ไม่ต้องคิดมากครับ"

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"