นางแบบฟ้องแบงก์ปล่อยถูกหลอกเงินล้าน


เพิ่มเพื่อน    

    นางแบบสาวยื่นฟ้องแบงก์ไทยพาณิชย์เรียกค่าเสียหาย หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินจากบัญชีเกือบ 2 ล้าน ศาลนัดไกล่เกลี่ย 16 ก.พ.62
    เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ที่ศาลแพ่งแผนกคดีผู้บริโภค ถนนรัชดาภิเษก น.ส.ธนิตา จิรพณิช อายุ  37 ปี อาชีพนางแบบโฆษณา พร้อมนายเฉลิมพงษ์ กลับดี หัวหน้ามูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กับบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ฯ เป็นจำเลยที่ 1-2 เรื่อง ผิดสัญญา, เรียกทรัพย์คืน
    โดยนางแบบสาวระบุในคำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2549 โจทก์เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์กับจำเลยที่ 1 สาขาเอกมัย พร้อมเปิดบัตรเอสซีบีอีซี่การ์ด ต่อมาวันที่ 26 มิ.ย.2550 โจทก์เปิดใช้บริการซื้อขายหน่วยลงทุนเปิดเอสซีบีเอฟพี กับจำเลยที่ 2 ที่สาขาเหม่งจ๋าย จากนั้นวันที่ 14 ก.ย.2557 ได้เปิดใช้บริการซื้อขายหน่วยลงทุนดับบลิวไอเอ็นอาร์ และกองทุนตราสารหนี้กับจำเลยที่ 2 ที่สาขาเซ็นทรัล พระรามเก้า ต่อมาวันที่ 29  มิ.ย.2559 โจทก์เปิดบัญชีออมทรัพย์กับจำเลยที่ 1 สาขาบิ๊กซี รัชดาภิเษก แต่ต่อมาจำเลยกลับเพิกเฉยไม่ระมัดระวัง ทำให้เกิดความเสียหาย
    กล่าวคือ เมื่อเดือน ธ.ค.2560 มีกลุ่มคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้หลอกลวงเอาข้อมูลของโจทก์ เช่น หมายเลขบัตรประชาชน ข้อมูลเอทีเอ็ม รหัสโอทีพี สมัครอินเทอร์เน็ตแบงกิ้งผ่านแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนของคนร้าย แล้วเข้าทำธุรกรรมทางการเงินกับจำเลยโดยช่องทางอีซี่แอป โดยโอนเงินโจทก์ออกจากบัญชีไปหลายครั้งหลายหนรวม 50 ครั้ง ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.2560-4 ม.ค.2561 ครั้งละ 10,000-373,000 บาท รวม 1,670,200 บาท เข้าบัญชีเงินฝากของกลุ่มคนร้าย ทั้งที่จำเลยมีหน้าที่ตรวจสอบ รักษาความมั่นคงปลอดภัย ควบคุมการเข้าถึงข้อมูล แต่กลับไม่แจ้งเตือน ไม่ตรวจสอบ ภายหลังมาทราบจึงแก้ไขระบบอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง 
    การกระทำของจำเลยในฐานะผู้รับฝากเงิน ควรใช้ความระมัดระวังตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูล แต่กลับใช้ความระมัดระวังต่ำกว่าผู้รับฝาก ดังนั้นจำเลยจึงต้องรับผิดในเงินจำนวน 1,670,200 บาทของโจทก์ที่สูญเสียไป พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมทั้งสิ้น 1,780,830 บาท
    ศาลรับฟ้องคดีไว้ และนัดเจรจาไกล่เกลี่ยคู่ความวันที่ 16 ก.พ.2562 เวลา 09.00 น.
    ภายหลัง น.ส.ธนิตากล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว ตนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาหลอกว่าตนถูกดำเนินคดีกู้เงินไปซื้อที่ดินที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนหลอกล่อพูดคุยเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงิน จนถามรหัสยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้แอปพลิเคชันธนาคารทางโทรศัพท์ ต่อมาตนมาทราบว่าเงินในบัญชีของตนที่ฝากไว้ดังกล่าวถูกโอนไปทั้งหมด รวมเป็นเงินเกือบ 2 ล้านบาท เมื่อสอบถามไปยังธนาคาร กลับไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ตนจึงนำคดีมายื่นฟ้อง ในฐานะประชาชนผู้ใช้บริการ ตนอยากให้ธนาคารมีวิธีป้องกันที่มีมาตรฐาน โดยเฉพาะหากพบว่ามีการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ ควรต้องรีบแจ้งหรือตรวจสอบกับเจ้าของบัญชี เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งทุกครั้งที่มีการเข้าระบบเพื่อทำธุรกรรม ควรมีข้อความหรืออีเมลแจ้งมายังเจ้าของบัญชี แต่กรณีนี้กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ เลย กระทั่งตนมาตรวจสอบบัญชีเองจึงทราบเรื่องและสูญเงินจำนวนมากไปแล้ว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"