จวกกองทุนเก็งกำไรทำน้ำมันสวิงหนัก ปตท.จ่อผุดแผนรับมือชงบอร์ด ธ.ค. นี้


เพิ่มเพื่อน    

 

ปตท.ชี้สงครามการค้า แซงชั่น และเฮดจ์ฟันด์ ทำราคาน้ำมันผันผวน 10-20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เร่งเตรียมแผนรับมือระยะสั้น-ยาว ก่อนชงบอร์ดเห็นชอบ ธ.ค.นี้ ชี้ราคาน้ำมันในไทยไม่ผันผวนตามน้ำมันดิบ เพราะอ้างอิงจากหน้าโรงกลั่น ภาษี และตลาดสิงคโปร์

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดงานสัมมนา 2018 The Annual Petroleum Outlook Forum ภายใต้หัวข้อ "Future Energy Moving Together ก้าวไปกับอนาคตพลังงาน" ว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกมีความผันผวนสูงมากอยู่ที่ระดับ 10-20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐ(แซงชั่น) และกองทุนเก็งกำไร(เฮดจ์ฟันด์)ที่มีการซื้อขายสัญญาน้ำมัน 600,000-700,000 สัญญา คิดเป็นปริมาณน้ำมันดิบประมาณ 600-700 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่การใช้น้ำมันทั่วโลกอยู่ที่ 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน

“ขณะที่ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมากองทุนเก็งกำไรมีการเทขายสัญญาน้ำมัน 3-4 แสนสัญญา ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกแกว่งตัวผันผวนรุนแรง ขณะที่ประเทศไทยมีการใช้น้ำมันอยู่ที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็น 1% ของความต้องการตลาดโลก ทำให้ไทยไม่มีอำนาจในการกำหนดราคาไม่ว่าราคาจะผันผวนไปในทิศทางใด"นายชาญศิลป์ กล่าว

อย่างไรก็ตามจากนี้ปตท. จึงจำเป็นต้องกำหนดแผนรับมือการผันผวนของราคาน้ำมันในระยะสั้นและยาว โดยในระยะสั้น-กลาง จะต้องทำการบริหารธุรกิจน้ำมัน โดยนำระบบเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาจัดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ ขณะที่ระยะยาว บริษัทจะต้องเร่งตัดสินใจในการปรับเปลี่ยนการผลิตปิโตรเคมีจากฐานของน้ำมัน เนื่องจากศึกษาราคาแล้วสามารถพัฒนาตาอได้ รวมถึงการนำน้ำมันเตาที่เหลืออยู่ของบริษัทในเครือ ไปผลิตเนฟตา น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น ตามแผนบริหารจัดการด้านความมั่นคงทางพลังงาน ซึ่งจะเสนอให้บอร์ดปตท.พิจารณาภายในเดือนธ.ค.นี้

ขณะเดียวกันจะเสนอแผนระยะยาว อาทิ การก่อสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เส้นที่5 มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2564 เพื่อใช้เป็นคลังสำรองก๊าซธรรมชาติจากฝั่งตะวันออกไปสู่ฝั่งตะวันตกของไทย ภายใต้แผนลงทุน 5 ปีให้บอร์ดพิจารณาเช่นกันในคราวเดียวกัน ซึ่งจะปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม กลไกราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศของไทยค่อนข้างมีเสถียรภาพ ไม่มีการปรับขึ้นสูงสุดหรือลดลงต่ำสุดผันผวนตามราคาน้ำมันดิบตลาดโลก เนื่องจากราคาในประเทศขึ้นอยู่กับราคาหน้าโรงกลั่นและการบวกภาษีในประเทศ โดยอ้างอิงจากราคาน้ำมันจากตลาดสิงคโปร์

นายอธิคม เติบสิริ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม กล่าวว่า มองปี 2562 อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 3.7% ส่งผลให้มีความต้องการใช้น้ำมันดิบขยายตัวอยู่ที่ 1.1-1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งในระยะยาวต้องติดตามนโยบายพลังงานสีเขียวและเทคโนโลยีดิจิตอลที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงาน ห่วงโซ่การผลิตที่อาจส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคทำให้ความต้องการใช้พลังงานเปลี่ยนรูปแบบไป

อย่างไรก็ตามทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันของกลุ่ม ปตท. ให้ความเห็นว่า ปีหน้ายังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากความกังวลเรื่องผลกระทบของสงครามการค้าของสหรัฐ-จีน และประเทศคู่ค้าทั่วโลกอาจกดดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันด้วย ประกอบกับกำลังการผลิตน้ำมันดิบตลาดโลกมีแนวโน้มตึงตัวจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจกลุ่มประเทศผู้ผลิต และจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทำให้ตลาดน้ำมันมีความเปราะบาง โดยประเมินทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปีหน้าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงไม่ต่างจากปีนี้ แต่จะเห็นการแกว่งตัวแรงขึ้น จึงคาดราคาน้ำมันอ้างอิงตลาดดูไบปีหน้าเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 70-80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ขณะที่ในอนาคตความต้องการใช้น้ำมันจะมีบทบาทน้อยลงเพียงไม่ถึง 1% จากปัจจุบันที่มีอัตราการขยายตัว 1.4% เนื่องจากพฤติกรรมการใช้พลังงานของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป เช่น การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในรถยนต์ส่วนบุคคลมีแนวโน้มลดลง แต่อาจมีความต้องการใช้น้ำมันในภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก สวนทางกับอัตราการเติบโตของพลังงานทางเลือกจะเพิ่มขึ้นมาทดแทนอย่างมีนัยสำคัญ
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"