ทีมฆ่านศ.เข้าคุก ไร้ญาติประกันตัว


เพิ่มเพื่อน    

    แถลงจับ 3 ช่างกลร่วมฆ่า นศ.อุเทนถวาย ตำรวจระบุสาเหตุมาจากศึก 2 สถาบัน โดยก่อนหน้านี้เพื่อนนักศึกษาของกลุ่มคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต จึงมีการวางแผนแก้แค้น เร่งตามล่าอีก 2 ที่ยังหลบหนี คุมตัวฝากขังคัดค้านประกันตัว พ่อแม่ผู้เสียชีวิตผวาภัยมืด ปรากฏไม่มีญาติยื่นประกัน ส่งทั้งสามเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รักษาราชการแทน ผบช.น., พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บังคับการสืบสวน บช.น. แถลงจับกุมนายกฤษฎา นราพงษ์  อายุ 21 ปี ทำหน้าที่ควบคุมสั่งการ, นายสหรัฐ ดงพระจันทร์ อายุ 20 ปี ทำหน้าที่ขับขี่รถจักรยานยนต์พามือปืนไปก่อเหตุ และนายปฏิภาณ เจริญชัยกุล อายุ 21 ปี ทำหน้าที่ชี้เป้า ในคดีร่วมกันฆ่านายกมลวิช สุวรรณทัต อายุ 24 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย เสียชีวิต ขณะช่วยแม่ขายราดหน้า เหตุเกิดบริเวณหน้าหมู่บ้านวังทองเฮ้าส์ ถนนนวมินทร์ ซอย 57 เเขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ วันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยทั้งหมดเป็นนักศึกษาคู่กรณี และถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
    พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นสถานที่พักของกลุ่มผู้ต้องหาและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และสถานที่ใช้ในการซุกซ่อนอาวุธสิ่งของที่ใช้ในการกระทำผิด รวม 13 จุด ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล กระทั่งจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ 3 ราย ยังอยู่ระหว่างหลบหนีอีก 2 ราย คือนายประสิทธิ์ ยนต์พล อายุ 23 ปี คาดว่าเป็นมือปืน และนายจิรภัทร เพชรรักษ์ อายุ 21 ปี คนนำทาง คุ้มกันและพามือปืนหนี
    พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวว่า จากการสอบสวนถึงแรงจูงใจที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ พบว่ามาจากการทะเลาะวิวาทระหว่างนักศึกษา 2 สถาบัน ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2557 จนปัจจุบันมีคดีความทั้งสิ้น 15 คดี โดยเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา มีนักศึกษาช่างกลสถาบันชื่อดังแห่งหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงนักศึกษาต่างสถาบันเสียชีวิตที่หน้าบ้านเลขที่ 43 หมู่ 2 ซอยวัดมะขาม ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี สร้างความโกรธแค้นให้กับเพื่อนนักศึกษาสถาบันเดียวกันกับผู้เสียชีวิต โดยเชื่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มของนายกมลวิช ผู้ตาย จึงได้ร่วมกันวางแผน กระทั่งเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นเมื่อคืนวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม 3 ผู้ต้องหายังคงให้การภาคเสธ โดยปฏิเสธว่าพวกตนไม่ได้ลงมือฆ่า แต่ยอมรับว่าได้มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิด
    “ส่วนเรื่องการสักฟันเฟือง เมื่อวานนี้ได้เรียกตัวนักศึกษาช่างกลกว่า 10 ราย มาสอบถามว่าหมายถึงอะไร ทราบว่าเป็นเรื่องการรับน้องของสถาบัน โดยบางรายมีสูงสุดถึง 5 เฟือง มีความหมายว่า 1 เฟืองคือตัวเอง 2 เฟืองคือพี่ 3 เฟืองคือเพื่อน 4 เฟืองคือสถาบันช่างกล และ 5 เฟืองคือ สาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์" ผบก.สส.บช.น.กล่าว
    ด้าน พล.ต.ท.สุทธิพงษ์กล่าวว่า สำหรับการคัดเลือกเหยื่อของกลุ่มคนร้ายนั้น จะเพ่งเล็งไปที่นักศึกษาต่างสถาบันก่อน โดยค้นหาผ่านเฟซบุ๊กแล้วไปเฝ้าติดตามตัว แต่เนื่องจากผู้ตายแสดงตนว่าเป็นนักศึกษาสถาบันอุเทนถวาย โดยทั่วไปแล้วนักศึกษาเหล่านี้จะไม่แสดงตัว จึงถูกหมายหัวไว้ แม้จะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก็ตาม อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาอาจารย์ทั้ง 2 สถาบันไม่เคยประสานให้นักศึกษาของสถาบันตนเองได้หันมาพูดคุยด้วยกัน
    สำหรับคนร้ายอีก 2 รายที่ยังหลบหนี พล.ต.ท.สุทธิพงษ์กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัว พร้อมทั้งหาผู้เกี่ยวข้องว่ามีการจ้างวาน และมีเรื่องเงินทองเข้ามาเกี่ยวด้วยหรือไม่ ซึ่งเรื่องการสนับสนุนเรื่องรถและอาวุธก็นับเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนมีพยานหลักฐานที่ชี้ชัดว่า กลุ่มคนร้ายทั้งหมด 5 รายมีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุจริง อย่างไรก็ตาม ในการแก้ปัญหาทะเลาะวิวาทยังต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น
    ด้านนายณฤดม สุวรรณทัต อายุ 55 ปี บิดาของนายกมลวิช กล่าวว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยในการสืบสวนกระทั่งจับกุมคนร้ายได้ พร้อมถามไปยังกลุ่มผู้ต้องหาว่า ไปทำน้องเขาทำไม เหตุใดจึงต้องเลือกเขา เขาไปเกี่ยวข้องอะไรถึงต้องมีการวางแผนสืบเสาะตามตัวกันขนาดนี้ อยากจะให้การทะเลาะวิวาทกันหยุดได้แล้ว
    ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ร.ต.ท.ฟ้าปรเมศวร์ ภูรินท์ชินธนโชติ พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ควบคุมตัวนายกฤษฎา นราพงษ์, นายปฏิภาณ เจริญชัยกุล และนายสหรัฐ ดงพระจันทร์ 3 ผู้ต้องหาคดียิงนักศึกษาอุเทนถวาย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกต่อศาลอาญาเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.-2 ธ.ค.2561 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีก 10 ปาก และรอผลการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ต้องหา จึงขออำนาจศาลฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 3 ไว้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง เกรงผู้ต้องหาทั้งสามจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน
    คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.20 น. ขณะที่นางเขมนิจ สุวรรณทัต และนายกมลวิช สุวรรณทัต ลูกชาย ช่วยกันขายอาหารอยู่บริเวณปากซอยนวมินทร์ 57 ได้มีคนร้ายเป็นชายไม่ทราบชื่อ 1 คน วิ่งออกมาจากบริเวณด้านในซอยนวมินทร์ 57 วิ่งเข้าไปหานายกมลวิช ซึ่งกำลังไปเอารถเข็นน้ำที่บริเวณที่จอดรถจักรยานยนต์ จากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงไปที่นายกมลวิชประมาณ 4-5 นัด จนนายกมลวิชล้มลงและเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังจากนั้นคนร้ายได้วิ่งหลบหนีไปปากซอย ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่มีคนร้ายอีก 1 คน จอดอยู่ริมถนนนวมินทร์ พากันขี่รถหลบหนีไป จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี
    จากการสืบสวนพบว่า พฤติกรรมกลุ่มคนร้ายมีการเตรียมวางแผนกันมาก่อนวันเกิดเหตุ มีการมาดูเป้าหมายก่อนลงมือ เนื่องจากผู้ตายเคยอาศัยอยู่ซอยลาดพร้าว 58/1 แล้วย้ายออกมาอยู่บริเวณถนนสุขาภิบาล 5 ซึ่งหลังเลิกเรียนก็จะมาช่วยมารดาขายอาหารบริเวณปากซอยนวมินทร์ 57 น่าเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายได้มีการติดตามผู้ตาย สื่อสารกันโดยโทรศัพท์มือถือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงได้ตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ประกอบวงจรปิดที่สามารถจับกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้ การใช้ข้อมูลโทรศัพท์สอดคล้องกับการเคลื่อนที่ของกลุ่มคนร้าย ทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ เบอร์โทรศัพท์ที่ตรวจพบนี้ไม่เคยปรากฏการใช้ในพื้นที่เกิดเหตุมาก่อน อันเป็นการเฉพาะกิจเพื่อเตรียมการลงมือกระทำผิดครั้งนี้ โดยการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏในที่เกิดเหตุเชื่อมโยงกันประกอบพยานหลักฐานอื่น เชื่อว่าผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันกระทำผิดครั้งนี้ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ มีการประชุมวางแผนกันล่วงหน้า โดยมีการวางแผน สั่งการ ชี้เป้า นำทาง คุ้มกัน พาหนี ขี่รถมือปืนยิงผู้ตาย 
    พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอออกหมายจับ ศาลอาญาออกให้เลขที่ 2550, 2554, 2553/2561 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289 (4) ประกอบ 83 จากนั้นเจ้าพนักงานจึงร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี เหตุเกิดที่ลานคอนกรีต ปากซอยนวมินทร์ 57 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ
    อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ นายนฤดมและนางเขมนิจ สุวรรณทัต บิดามารดาของผู้เสียชีวิต พร้อมคนใกล้ชิดเดินทางมาศาล โดยได้เข้าขอคำปรึกษาจากทนายความอาสาที่ศาลอาญา เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากหากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวออกมาแล้ว เกรงว่าตนและครอบครัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย 
    นายนฤดมเปิดเผยว่า วันนี้ได้เดินทางไปดูหน้าผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่ร่วมกันยิงลูกชายของตนเอง เพื่อต้องการจะถามว่าทำไมถึงต้องเป็นนายกมลวิช ไม่มีอะไรจะพูดไปมากกว่านี้ แต่ตอนเจอกัน ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไม่ได้มองหน้า ก้มหน้าอย่างเดียว ไม่ได้สนใจอะไร
    ต่อมาศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน อนุญาตให้ฝากขัง ซึ่งหลังการฝากขังจนสิ้นสุดเวลาราชการ ไม่มีญาติของผู้ต้องหาทั้ง 3 มายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในชั้นฝากขังต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"