ป้อมฉะทหารเปลี่ยนสี ฉุนบิ๊กยอร์ชซุกทษช.ด่าคสช./แม้วสวนดีกว่าพวกปฏิวัติ


เพิ่มเพื่อน    

    "บิ๊กป้อม" ปรี๊ดแตก ซัด "พล.อ.ยศนันท์" เป็นจิ้งจกเปลี่ยนสี เข้าซบ ทษช.ไม่คิดถึงข้าวแดงแกงร้อน เผยผิดหวังมาก แฉเอาแต่วิ่งเต้นมาตลอด ลั่นไม่กลัว คสช.ถูกแฉเพราะมีแต่เรื่องดี "แม้ว" โต้เดือดทหารที่อาสาทำงานการเมืองแบบตรงไปตรงมาน่าชื่นชมกว่าทหารที่ยึดอำนาจ "อนค.-พท.-ภท." เมินร่วมกีฬากระชับมิตร "พปชร." ซัดใจคับแคบ "ปชป.-พท.-ทษช." รุมจวกครม.แจกเงินแสนล้านทำตามอำเภอใจหาเสียงล่วงหน้าจี้ 4 รมต.ลาออก 
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวเมื่อวันพุธถึงกรณี พล.อ.ยศนันท์ หร่ายเจริญ อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด สมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ว่า เป็นความคิดของเขา แต่ก็แปลกดี อยู่กับเรามาโดยตลอด และไปด่า คสช. ไม่คิดถึงข้าวแดงแกงร้อน
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ใน คสช.มีความคิดหลากหลายใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี มีคนเดียวนี่แหละ ที่เป็นผู้ใหญ่ ขนาดเกษียณแล้ว มีวุฒิภาวะมาก อยู่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของตนมาโดยตลอด แต่มาว่าคสช.ทั้งที่ คสช.ก็ทำทุกอย่าง เป็นเพราะเหตุใดตอนที่อยู่ถึงไม่พูด ไปโดนอะไรมาหรือไม่ ก็มันวิ่งเต้นมาตลอด ถือว่าไม่เหมาะสมที่ทำแบบนี้
    "ผิดหวังมาก เพราะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาผมมา" พล.อ.ประวิตรกล่าว
     ส่วนที่มองว่าจะมีการนำเรื่องของ คสช.ไปแฉอีกนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่กลัว จะไปแฉอะไร เพราะไม่มีอะไรให้แฉ คสช.มีแต่ข้อมูลที่ดีทั้งนั้น จะมาแฉเรื่องอะไร เพราะไม่เคยทำอะไรผิด
    เมื่อถามว่า รัฐธรรมนูญเปิดกว้างให้ทหารเข้ามาเล่นการเมือง รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นสิทธิ และขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อยากไปอยู่พรรคไหนก็ไป เเต่ไม่ควรนำเรื่องภายในต่างๆ ไปพูดในทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดีและไม่ควรทำ ตอนอยู่ก็สนับสนุนอย่างดี ทำตัวเป็นคนอีกคนหนึ่ง เมื่อถามย้ำว่าทำตัวเหมือนจิ้งจกเปลี่ยนสีหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ใช่ เป็นจิ้งจก"
    พล.อ.ประวิตรกล่าวอีกว่า ไม่ควรนำเรื่องของ คสช.ไปพูด ตอนที่ตัวเองยังอยู่ก็ไปวิ่งเต้น ทั้งนี้ไม่ทราบว่าจะมีอดีตทหารไปเข้าพรรคไทยรักษาชาติอีกหรือไม่ แต่คิดว่าไม่น่าจะมี ทหารไม่เล่นการเมือง ส่วนตนก็ไม่เล่นหรอก ส่วนจะอยู่เบื้องหลังช่วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ ในรัฐบาลหน้าจะรับตำแหน่ง รมต.หรือไม่ ยังไม่รู้ เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา เราอยู่เฉยๆ ตอนขึ้นเป็น รมว.กลาโหม ก็มาเชิญเราไปเป็นไปร่วมงาน ตนก็ทำงานอย่างเดียวไม่มีอะไร 
       ภายหลัง พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ ต่อมาช่วงบ่าย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุว่า “ทหารที่อาสาเข้ามาทำงานการเมืองแบบตรงไปตรงมา น่าชื่นชมกว่าทหารที่เข้ามาโดยการยึดอำนาจไหมครับป้อม” ขณะที่ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หรือ แซน ลูกสาวนางเยาวเรศ ชินวัตร หลานสาวนายทักษิณ ได้แชร์ข้อความดังกล่าวจากเพจพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมระบุข้อความว่า “สุดยอดค่ะ”
    นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์เปิดทางให้พรรคการเมืองเข้ามาพูดคุยหากต้องการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมเข้าไปพูดคุยหรือยังว่า พรรค พปชร.เป็นพรรคใหม่ ต้องคอยเวลาผู้บริหารและสมาชิกของพรรคได้เริ่มทำงานและพูดคุยกันก่อนว่าแนวการเมืองจะเป็นแบบใด และใครเหมาะสมนำพาประเทศไปในอนาคต ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับผู้บริหารพรรคสมาชิกและเป็นมติพรรค
"โตทับเที่ยง"ซบ พปชร.
      ที่ทำการพรรค พปชร. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค พปชร. พร้อมด้วยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค นำกลุ่มคนรุ่นใหม่กว่า 30 คน สมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค และนายชวน ชูจันทร์ กรรมการบริหารพรรค ให้การต้อนรับ ซึ่งคนรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ อาทิ นายไกรเสริม โตทับเที่ยง ผู้บริหารธุรกิจด้านอาหารกระป๋องสำเร็จรูป, นายจักรวี วิสุทธิผล ทายาทธุรกิจประกันภัย เป็นต้น ก่อนสมัครทั้งหมดได้ถ่ายภาพร่วมกันที่หน้าที่ทำการพรรค 
    นายณัฏฐพลกล่าวว่า การที่คนรุ่นใหม่เข้ามาสมัครสมาชิกพรรคในวันนี้ ถือเป็นเรื่องดีที่ให้ความสนใจเข้ามาทำงานการเมือง โดยบางส่วนแสดงเจตจำนงที่จะลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่ กทม. พื้นที่ กทม.มีการแข่งขันกันสูงจากเจ้าของพื้นที่เดิม พปชร.จึงต้องทำงานหนัก ซึ่งมั่นใจในคุณภาพของคนกลุ่มนี้ ทางพรรคต้องวิเคราะห์แต่ละพื้นที่ กทม.ว่ามีจุดอ่อน-จุดแข็งอย่างไร โดยตั้งเป้าในพื้นที่รอบนอกของ กทม. โดยเฉพาะเขตลาดกระบัง หนองจอก คลองสามวา คลองเตย ราษฎร์บูรณะ หลักสี่ ห้วยขวาง และวังทองหลาง ถ้าได้ 5-6 ที่นั่งก็พอใจ แต่ถ้าได้ 15 ที่นั่งก็จะดีกว่า ยอมรับว่ากังวลในพื้นที่ชั้นในเพราะพรรคประชาธิปัตย์มีฐานเสียงที่แข็งมาก 
    รองหัวหน้า พปชร.ระบุว่า เบื้องต้นตน นายพุทธิพงษ์ แสดงเจตนารมณ์จะลงสมัคร ส.ส.ในเขตเดิมที่เคยได้รับเลือก แต่ต้องพิจารณาตัวผู้สมัครของคู่แข่งว่าจะเป็นใคร ส่วนนายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. จะไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.เขตในนามพรรค เนื่องจากไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค และติดการปฏิบัติหน้ารองผู้ว่าฯ กทม.
    มีรายงานด้วยว่า ในวันที่ 23 พ.ย.นี้ นายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ จะนำอดีต ส.ส.และสมาชิกในกลุ่ม ทั้ง จ.ยโสธร มุกดาหาร นครพนม ร้อยเอ็ด มหาสารคาม เข้าสมัครสมาชิก พปชร.ด้วย
     ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ทีมนครปฐมของตระกูลสะสมทรัพย์ นำโดยนายภาณุวัฒน์ สะสมทรัพย์ ลูกชายนายไชยา สะสมทรัพย์ และทีมสมุทรสาคร ของตระกูลไกรวัตนุสสรณ์ ประกอบด้วย นายปัญญา ชวนบุญ อดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร และนายอภิชาต โพธิ์ถนอม รองประธาน อบจ.สมุทรสาคร และทีมงานสมาชิก อบจ.สมุทรสาคร เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรค ชทพ. โดยมีนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรค ชทพ. ให้การต้อนรับ
    โดยนายภาณุวัฒน์กล่าวว่า ทั้งครอบครัวสะสมทรัพย์ตัดสินใจเข้าร่วมพรรค ชทพ. ซึ่ง จ.นครปฐม มี ส.ส.ทั้งหมด 4 เขต และรอบนี้จะส่งให้ครบทุกเขต มั่นใจจะเอาคืนมาได้ทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาการทำงานได้เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าเราได้ดูแลชาวนครปฐมมาโดยตลอด ครั้งนี้ตนได้รับโอกาสให้กลับมาช่วยพัฒนา จ.นครปฐมและประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้ช่วยพัฒนาฟุตบอลจนมีผลงานให้เห็นแล้วว่าได้รับความไว้วางใจขนาดไหน ทางครอบครัวจึงได้ส่งตนลงมาช่วยดูแลพี่น้องประชาชน สำหรับทีมฟุตบอลตนยังไม่ได้ทิ้ง โดยได้ให้น้องชายดูแลต่อ
    ด้านนายปัญญากล่าวว่า ตนเป็นทีมงานของมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ หรือเฮียม้อ นายก อบจ.สมุทรสาคร มีความเต็มใจสมัครเข้าพรรค ชทพ. และมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเห็นว่าพรรค ชทพ.ก้าวข้ามความขัดแย้ง จ.สมุทรสาคร ไม่ต้องมีปัญหากับใคร อยากเป็นจังหวัดที่สงบเรียบร้อย จึงเห็นว่าพรรค ชทพ.มีความเหมาะสมกับจังหวัดเรา และเรามาด้วยความเต็มใจทั้งทีม ไม่ได้มาแบบกั๊กไปกั๊กมา ไปพรรคนู้นบ้างพรรคนี้บ้าง มาแบบเต็มร้อย และมั่นใจเกินร้อยว่าจะยกจังหวัดทั้ง 3 เขต พร้อมกับจะสนับสนุนหัวหน้าพรรค ชทพ.เป็นนายกฯ
    ขณะที่นายนิกรกล่าวว่า วันที่ 23 พ.ย. จะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เพื่อออกระเบียบเกี่ยวกับสรรหาต่อไป ขณะเดียวกันหัวหน้าพรรคได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะโฆษกพรรค ประกอบด้วย 1.นายยุทธพล อังกินันทน์ หัวหน้าโฆษกพรรค 2.น.ส.ทัศนลักษณ์ ปัตตพงศ์ภัช โฆษกพรรคด้านสังคม 3.พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ โฆษกพรรคด้านกิจการทั่วไป 4.นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ โฆษกพรรคด้านกิจการทั่วไป    
น้องสุวัจน์นั่งหัวหน้า ชพน.
    ที่โรงแรมอมารี วอร์เตอร์เกท พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) มีการจัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ รวมถึงเลือกคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยมี นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุม ซึ่งมีสมาชิกพรรคกว่า 300 คน เข้าร่วมประชุม
    ภายหลังประชุมกว่า 2 ชั่วโมง นพ.วรรณรัตน์แถลงว่า ที่ประชุมมีมติเลือกนายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็นหัวหน้าพรรคใหม่ นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคผ่านการลงคะแนนในคูหา โดยมีผู้ที่ได้รับเลือกในตำแหน่งที่สำคัญ อาทิ รองหัวหน้าพรรค ประกอบด้วย นายประเสริฐ บุญชัยสุข รองหัวหน้าพรรคคนที่ 1, นายประสาท ตันประเสริฐ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 2, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 3, พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก รองหัวหน้าพรรคคนที่ 4 ขณะที่ตำแหน่งเลขาธิการพรรค มีมติเลือกนายดล เหตระกูล, ส่วนนายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา เป็น ผอ.พรรค และที่ประชุมยังเลือก น.ส.เยาวภา บุรพลชัย เป็นโฆษกพรรค
    จากนั้น นายเทวัญกล่าวเปิดใจว่า ตนและคณะกรรมการบริหารพรรคพร้อมทุ่มเททำงาน โดยยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต คุณธรรม เสียสละ และผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ขณะที่ทิศทางของพรรคคือเดินสายกลาง เพื่อเป็นทางเลือก พร้อมเป็นทางออกให้กับประเทศ จะใช้สโลแกนหาเสียงว่า ชาติพัฒนา No problem เพื่อทำให้การเมืองยุคใหม่ และทำให้เห็นว่าพรรคชาติพัฒนาไม่มีปัญหาหรือเป็นคู่ขัดแย้งกับใคร จะยึดหลักของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาคนแรก ส่วนนายสุวัจน์จะเป็นตำแหน่งใดในคณะที่ปรึกษา ต้องรอการหารืออีกครั้ง
    ช่วงเช้าวันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ในฐานะประธานการรณรงค์หาสมาชิก รปช. พร้อมคณะทำงาน อาทิ นายอุทัย ยอดมณี, นายสำราญ รอดเพชร, น.ส.เพชรชมพู กิจบูรณะ และนายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพ เป็นต้น ปฏิบัติการเดินคารวะแผ่นดินที่ จ.พังงา โดยเริ่มที่บริเวณตลาดเทศบาลเมืองพังงา ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย
    นายสุเทพให้สัมภาษณ์ว่า ในขณะนี้มีคนที่พยายามกระพือข่าวว่าตนผิดคำพูดว่าไม่เล่นการเมืองแล้วมาเล่นอีก ขออธิบายว่า ตนได้พูดไว้ว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งแล้ว จะไม่รับตำแหน่งใดๆ ในทางการเมืองแล้ว ก่อนอื่นก็ยังรักษาคำพูดนั้นอยู่ ในพรรค รปช.ไม่รับตำแหน่งใดๆเลยในพรรค ไม่เป็นผู้บริหารพรรค ไม่เป็นหัวหน้า จะไม่สมัครรับเลือกตั้ง และถ้าพรรคไปเป็นรัฐบาล ก็จะไม่รับตำแหน่งใดๆ ใน ครม. ตนทำหน้าที่ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เมื่อเห็นว่าประชาชนต้องการพรรคการเมืองที่เป็นพรรคการเมืองของตัวเองจริงๆ ที่สามารถจะพึ่งพาได้ ทั้งนี้ ทุกจังหวัดในภาคใต้ เสียงตอบรับดีมาก เกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้ 
    ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ยืนยันกับพี่น้องทุกท่าน และสมาชิกพรรคเพื่อไทยว่า หากพรรคเพื่อไทยให้โอกาสผมลงสมัครรับเลือกตั้ง ผมยืนยันว่า ผมพร้อม ทั้งร่างกายและจิตใจ ที่มีข่าวว่าผมเจ็บป่วยไปไหนไม่ได้ ไม่เป็นความจริง หลังจากมีการอนุญาตให้แสดงความเห็นทางการเมืองได้ ผมจะปฏิบัติการทันที ขอแต่เพียงท่านอย่าเพิ่งเบื่อการเมือง ยกตัวอย่าง เรามี ส.ส.เพียง 500 คน แต่ละพรรคก็อ้างว่าจะได้ 300 คน จะได้ 150 คน จะได้ 50 คน และอื่นๆ อีก ความเป็นไปได้ที่นักการเมืองเหล่านี้แสดงความเห็น จำนวน ส.ส. ถ้าจะได้จริงคงต้องนับกันหลายครั้ง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่กลุ่ม New Dem พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประกาศจัดกิจกรรมกีฬากระชับมิตรระหว่างพรรคการเมือง ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ แต่ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ประกาศไม่ขอร่วมกิจกรรมดังกล่าว และล่าสุดช่วงกลางดึกวันที่ 20 พ.ย. นายจิตรภณ ทิพย์โภคาสกุล  สมาชิกและหนึ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "แบ๊งค์ จิตรภณ ทิพย์โภคาสกุล" ใจความตอนหนึ่งว่า ในฐานะที่พรรคภูมิใจไทย ส่งตนไปเป็นตัวแทนร่วมกิจกรรมกีฬากระชับมิตร ที่เริ่มจากกลุ่ม New Dem แต่เนื่องจากการร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ถูกนำไปใช้เป็นประเด็นทางการเมืองซึ่งผิดวัตถุประสงค์ ทางพรรคภูมิใจไทยจึงขอประกาศไม่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ทุกท่านในการสร้างความสามัคคี สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ พรรคภูมิใจไทย ขอย้ำจุดยืนในการสนับสนุนการยุติการแบ่งสี แบ่งข้าง หยุดสร้างประเด็นทางการเมือง เพื่อมุ่งมั่นพัฒนา และยืนหยัดแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนตลอดไป
ซัด อนค.ใจแคบ
      อย่างไรก็ตาม ทำให้ขณะนี้มีพรรคการเมืองที่ถอนตัวแล้ว 3 พรรค คือ พรรคอนาคตใหม่, พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย
    นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกพรรค พปชร. กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ใจคับแคบเกินไป ไม่น่าจะเป็นอนาคตใหม่ เพราะแค่มาแข่งกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ยังทำไม่ได้เลย เห็นนายธนาธรพูดบ่อยๆ ว่าจะนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ หยุมหยิมเกินไป แล้วจะมาบริหารประเทศได้อย่างไร ถ้าคิดแบบนี้ กีฬาโอลิมปิกหากจัดที่จีนคงต้องถอนตัวกันทุกประเทศ อย่าเป็นคนรุ่นใหม่แต่ปาก ต้องเป็นคนรุ่นใหม่ด้วยจิญวิญญาณ มีวิสัยทัศน์ ทำเพื่อชาติบ้านเมืองอย่าทำเพื่อตัวเอง การเป็นพรรคการเมืองต้องเป็นพรรคการเมืองของคนทั้งประเทศ หรือถ้าพรรคอนาคตใหม่เป็นรัฐบาล พี่น้องบางจังหวัดที่ไม่เลือก แต่เลือกพรรคพลังประชารัฐ ท่านจะไม่ดูแลใช่หรือไม่ การจัดแข่งกีฬาเป็นเรื่องที่ดี ทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งดีขึ้น เกิดมิตรภาพที่ดี จริงๆ แล้วตนไม่อยากพูดอะไร เจ็บคอ แต่ทนไม่ไหวที่เห็นบางพรรคทำเหมือนเด็กเล่นขายของ
     นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงกรณี ครม.อนุมัติมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งการดูแลผู้สูงอายุ ค่าน้ำและค่าไฟ ว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับกำลังซื้อของชาวบ้านที่ขณะนี้กำลังย่ำแย่ วันนี้ถือว่ารัฐบาลไม่ได้ทำเป็นระบบ เพราะมติที่ออกมาไม่ทราบว่าในปีหน้าจะมีอีกหรือไม่ เริ่มแรกอุตส่าห์จะสร้างให้เป็นสวัสดิการ แต่วันนี้กลับเข้าไปสู่ประชานิยมเหมือนเดิม เนื่องจากไม่มีหลักเกณฑ์และระบบ เพราะขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลในขณะนั้นๆ จะด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจหรือปัจจัยทางการเมืองก็ตัดสินใจได้ตามใจชอบ
    นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวมีอีกหลายส่วนที่รายละเอียดสลับซับซ้อนพอสมควร เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ต้องจ่ายไม่เกินเท่าไหร่ จึงกลับมาเป็นเครดิตได้ หรือแม้แต่ค่าเดินทางไปโรงพยาบาล ก็มีเกณฑ์กำหนดอายุ เท่ากับจะทำให้ระบบดังกล่าวมีความซับซ้อน ยุ่งยาก อะไรที่ช่วยเหลือประชาชน เราอยากให้ช่วย แต่การช่วยก็นึกว่าจะตั้งหลักว่าช่วยแบบเป็นระบบ แบบมีหลักเกณฑ์ ยั่งยืน ส่วนจะเป็นการชิงความได้เปรียบทางการเมืองหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่เชื่อประชาชนมองออก และคิดว่าไม่เป็นอย่างที่รัฐบาลหวังว่าจะให้ประชาชนสนับสนุนในหลายอย่างมากขึ้น แต่คิดว่าจะไม่ได้เสียงมาก 
     นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า การที่รัฐบาลคัดแยกคุณสมบัติคนจนมีรายได้น้อยออกมา 14.5 ล้านคนเช่นนี้ เป็นตัวชี้วัดได้ว่าการบริหารเศรษฐกิจล้มเหลวใช่หรือไม่ เพราะการบริหารที่ประสบความสำเร็จนั้น มีตัวขี้วัดคือรัฐบาลจะต้องทำให้ประชาชนมีงานทำ มีรายได้เพิ่มขึ้น สถิติจำนวนคนยากจนจะต้องลดลงเรื่อยๆ มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 4 มาตรการ เป็นการให้เงินช่วยเหลือระยะสั้นเพียงแค่ 10 เดือนเท่านั้น จะให้ค่ารถผู้สูงอายุไปรักษาพยาบาลเพียงแค่เดือนธันวาคมเดือนเดียวเท่านั้นเอง โครงการเร่งด่วนเฉพาะกิจเช่นนี้ รัฐบาลได้เสนอ กกต.ให้พิจารณาเห็นชอบก่อนตามข้อบัญญัติในรัฐธรรมนูญแล้วหรือไม่ ถ้าหาก กกต.ตอบว่ากระทำเช่นนี้ได้ ก็จะเป็นบรรทัดฐานให้ทุกรัฐบาลสามารถทำได้ โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ 
แจกแสนล้านจี้ 4 รมต.ลาออก
    “การจัดเงินให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเป็นสิ่งที่ดี พรรคไหนมาเป็นรัฐบาลก็สามารถทำได้อยู่แล้ว เงินที่รัฐบาลใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์นั้นล้วนเป็นเงินที่คนไทยทุกคนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของ เพราะส่วนหนึ่งเป็นเงินภาษี  การที่ประชาชน 14,500,000 คน ได้รับเงินผ่านบัตรคนจนก็เป็นการรับเงินของประชาชนเอง ไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณใคร เพราะไม่ใช่เงินของ พล.อ.ประยุทธ์ และไม่ใช่เงินของ 4 รัฐมนตรีที่สังกัดพรรคพลังประชารัฐที่ยังไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง ทั้งๆ ที่ใกล้จะถึงวันเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562 แล้ว เชื่อว่าประชาชนรู้ทันว่ารัฐบาลกำลังคิดและกำลังทำอะไรอยู่” นางลดาวัลลิ์กล่าว
     นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงรัฐบาลอนุมัติงบประมาณหลายหมื่นล้านบาทเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้ว่า เป็นการใช้งบประมาณของประเทศเพื่อหาเสียงล่วงหน้าและมีนัยทางการเมืองแอบแฝงหรือไม่ เนื่องจากรัฐมนตรี 4 คนในรัฐบาล คสช.เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้โดยตรง ซึ่งเป็นแกนนำของพรรค พปชร.ที่กำลังอยู่ในช่วงเตรียมการเลือกตั้ง จึงถือว่าเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ในขณะที่พรรคการเมืองอื่นยังไม่สามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างอิสระ จึงขอให้รัฐมนตรีทั้ง 4 ท่านลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบพรรคอื่น และหยุดอัดฉีดงบประมาณหาเสียงล่วงหน้าเช่นกรณีนี้
     ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ครม.อนุมัติงบ 86,994 ล้านบาท เพิ่มมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยว่า หลายเรื่องเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การที่เราดูแลผู้สูงอายุตั้งแต่วันนี้ถือเป็นสิ่งที่ดี และชัดเจนงบฯ ที่สนับสนุนลงไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1,000 บาท ค่าเช่าที่อยู่อาศัย เราเป็นคนรุ่นใหม่ แต่เราอย่าทิ้งคนที่มีพระคุณกับเราที่ช่วยปกป้องดูแล เลี้ยงดูพวกเรามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สังคมไทยไม่มีใครทิ้งผู้สูงอายุที่มีพระคุณ เป็นจุดที่เหมาะสม ควรทำ  และรัฐบาลต่อไปก็น่านำไปสานต่อให้ได้ 
    ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลทุ่มงบประมาณมากขนาดนี้ให้ผู้มีรายได้น้อยกว่า 14.5 ล้ายราย เพื่อหวังผลการเมือง นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ทุกนโยบายที่ทำขึ้นไม่ได้คิดวันนี้แล้วทำวันนี้ หรือคิดเมื่อวานแล้วทำวันนี้ ทุกอย่างมีการสอบถาม ตรวจสอบ ลงไปในพื้นที่ดูปัญหาจริงๆ ใช้เวลาดำเนินการมาร่วมปีกว่าจะถึงวันนี้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลด้วย พอดีมาออกช่วงเวลานี้ ถือว่าเหมาะสมในช่วงเวลาที่พี่น้องประชาชนเดือดร้อน และต้องยอมรับอีกเรื่องใกล้สิ้นปีขึ้นปีใหม่ ต้องมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้นทุกครอบครัว รัฐบาลจึงพยายามช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ให้ประชาชน
    เมื่อถามว่า เลี่ยงไม่ได้หรือไม่พรรค พปชร.จะถูกมองได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ทางการเมือง เนื่องจากมีรัฐมนตรีร่วมพรรค นายพุทธิพงษ์ตอบว่า การทำโครงการต่างๆ อย่าไปมองว่าพรรคไหนได้ประโยชน์ ตนมองว่าประชาชนทุกคนคือคนที่ใช้สิทธิได้ประโยชน์ ไม่ได้หมายความว่าการได้ประโยชน์แล้วจะไปเลือกพรรคไหน เชื่อว่าสุดท้ายประชาชนจะไปดูในภาพรวมการบริหารประเทศนั้น ใครควรได้บริหารประเทศต่อไป เพราะไม่ใช่การเลือกตั้งเพื่อนโยบายใดนโยบายหนึ่งเท่านั้น และในอนาคตจะมีความชัดเจนมากขึ้น
    พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ความจริงเรื่องนี้ทำมานานแล้วซึ่งเราดำเนินการมาหลายปีกว่าจะสำรวจได้อย่างชัดเจน เพราะมีคนเป็น 10 ล้าน ไม่ใช่ว่าเพื่อเตรียมการ รับการเลือกตั้ง แต่เราต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน ถามว่าไม่ดีหรือ แต่เพิ่งจะมาสำเร็จในช่วงปลายรัฐบาล เพราะเราต้องทำทุกอย่างให้สำเร็จ ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะไป และจะเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยด้วยทั้งคนแก่และคนที่มีรายได้น้อย เราให้ทุกอย่าง. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"