“อิทธิพร” ลงนามประกาศรับฟังเลือกแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว เน้นต้องทำเป็นหนังสือ มีตัวตนชัดแจ้ง   บัตรสนเท่ห์ไม่รับฟัง “สมชัย” สวมบทอดีต กกต. แนะ กกต.ทุกจังหวัดต้องขึ้นข้อมูลให้ครบในเว็บไซต์ “ปชป.”  เตรียมยื่น 2 จังหวัด พท.อีสานจ่อยื่น 1 แห่ง 
มีรายงานว่า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ลงนามในประกาศ กกต. เรื่องการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว โดยให้สำนักงาน กกต.เปิดรับฟังข้อร้องเรียนและการแสดงความคิดเห็นของพรรคการเมืองและประชาชนเกี่ยวกับรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยข้อร้องเรียนหรือการแสดงความคิดเห็น ต้องทำเป็นหนังสือระบุชื่อพรรคการเมือง กรณีเป็นประชาชน ต้องระบุชื่อ  ชื่อสกุล ที่อยู่ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน   พร้อมเหตุผลประกอบ ส่วนกรณีประสงค์เสนอรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ให้ผู้ร้องเรียนจัดทำรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามมาตรา 27 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.   โดยให้ยื่นได้ที่สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดนั้นๆ ภายในวันที่ 25 พ.ย.2561
    ทั้งนี้ นายอิทธิพรยังได้ลงนามในคำสั่ง กกต.เรื่องการแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดสำหรับปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 77 จังหวัด จำนวน 413 คนแล้ว และจะประชุมผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดเพื่อชี้แจงข้อมูลที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ภายในวันที่ 26 พ.ย.นี้  
    ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร  รักษาการแทนคณบดี สำนักวิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อดีต กกต. โพสต์เฟซบุ๊กถึงการรับฟังคำร้องของประชาชนและพรรคการเมืองเกี่ยวกับรูปแบบการแบ่งเขตถึงวันที่ 25 พ.ย.ว่า ได้เข้าไปตรวจสอบเว็บไซต์ของสำนักงาน กกต.จังหวัดหลายจังหวัด พบว่าบางที่ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบการแบ่งเขต บางที่ข้อมูลซ่อนอยู่ลึก และบางที่มีเพียงข้อมูลเป็นตัวหนังสือ ดังนั้นเพื่อให้การตรวจสอบว่าการแบ่งเขตโปร่งใส เป็นธรรม ไม่ใช่เป็นแค่พิธีกรรม จึงขอเรียกร้องให้สำนักงาน กกต.ทุกจังหวัดนำข้อมูลรูปแบบการแบ่งเขต 3 รูปแบบขึ้นเว็บไซต์ สนง.กกต.จังหวัด โดยเป็นทำเป็นแบนเนอร์หัวข้อที่เข้าถึงได้โดยง่าย และข้อมูลที่นำขึ้นทั้ง 3  รูปแบบควรให้รายละเอียดเกี่ยวกับเขตปกครอง รูปแผนที่ และการแสดงค่าผลต่างที่ต่างจากค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็นในแต่ละรูปแบบให้ครบถ้วน รวมทั้งมีช่องทางให้ผู้แสดงความคิดเห็นสามารถบันทึกความคิดเห็นโดยสุภาพ และให้ผู้เสนอความคิดเห็นต้องแสดงตัวว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในฐานะอะไร เช่น ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ผู้มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง หรือตัวแทนพรรคการเมือง
    “เหลืออีก 4 วัน รีบทำ วันนี้ยังไม่สาย อย่าทำเป็นแค่พิธีกรรม ต้องให้ประชาชนเห็นว่าเราทำงานแบบมืออาชีพ เป็นกลาง และจริงใจต่อประชาชน” นายสมขัยกล่าว
    ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า มีพื้นที่ที่มีปัญหาในจังหวัดกาญจนบุรีและสุโขทัยที่ไม่น่าจะสอดคล้องตามกฎหมาย ซึ่งพรรคจะส่งความเห็นให้ กกต.พิจารณา 
    นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ประธานภาคอีสานพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในวันที่ 23 พ.ย. จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ กกต. ในการแบ่งเขตในพื้นที่ จ.มหาสารคาม เพราะมีหลายเขตที่ถูกแบ่งจากเดิมอย่างมาก
    ขณะเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กโดยแชร์การ์ตูนการเมืองจากเพจมานีมีแชร์ในเรื่องแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยระบุว่า มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า การแบ่งเขตไม่ใช่เรื่องยากเย็น เลือกตั้งทุกครั้งสามารถทำได้โดยง่าย เพราะฐานข้อมูลประชากรมีละเอียดแล้ว เขตเลือกตั้งทั้ง 350 เขต เจ้าหน้าที่ก็ทำการบ้านมาให้เรียบร้อย มีแบบให้เลือกถึง 3 แบบ กกต.ประชุมกันแค่ไม่กี่อึดใจก็จะเลือกได้ว่าแต่ละจังหวัดจะเอาแบบใด ก็สามารถประกาศได้ทันทีตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด ซึ่งการแบ่งเขตที่การเลือกตั้งทุกครั้งถือเป็นงานง่ายสุดๆ กลับตกลงกันไม่ได้ จนต้องถูกยืดออกไปจนเลยกรอบเวลาที่ตั้งไว้ ถึงขั้นที่หัวหน้า คสช.ยอมผ่อนผันเงื่อนเวลาและให้อำนาจ กกต.นั่งเทียนเขียนเขตเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ได้ โดยใช้มาตรา 44 เปิดช่องให้กระทำการใดๆ ที่ผิดไปจากระเบียบกฎหมายเดิมกำหนดไว้ได้ 
    “กฎหมายพิเศษที่ให้อำนาจผู้ใช้แบบครอบจักรวาล เช่น มาตรา 44 ผู้ใช้ควรมีวิจารณญาณใช้เฉพาะในยามจำเป็นเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม ถ้าใช้แบบพร่ำเพรื่อ โดยเฉพาะใช้เพื่อเอาเปรียบทางการเมือง คะแนนที่ได้อาจไม่คุ้มเสียนะครับ คนไทยรักความยุติธรรม และเห็นใจคนที่ถูกกระทำเสมอ ดังนั้นอย่าให้คนทั่วไปมองว่า นอกจากรัฐธรรมนูญจะถูกออกแบบมาเพื่อพรรคของท่านสมศักดิ์ตามที่เจ้าตัวว่าไว้แล้ว มาตรา 44 ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือเอาเปรียบทางการเมืองอีกด้วย พานทองแท้เตือนแล้วนะครับ” โพสต์ของนายพานทองแท้ระบุไว้
    สำหรับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)  วันที่ 22 พ.ย.นี้ มีวาระสำคัญคือ ให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเป็น กกต.ที่ยังค้างอยู่ 2 คน ซึ่งคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม เสนอชื่อ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฎ ที่ปรึกษาสภาทนายความ 
    โดยล่าสุดพบว่า สนช.บางส่วนกังวลผลตรวจสอบประวัติของนายเลิศวิโรจน์ในกรณีที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2557 ทำให้สงสัยต่อคุณสมบัติและความเหมาะสม โดยนายเลิศวิโรจน์ได้ทำหนังสือชี้แจงว่าไม่ได้ไปใช้สิทธิ์จริง เนื่องจากมีเหตุการณ์ประท้วง สร้างความวุ่นวายในหลายพื้นที่ และต่อมาการเลือกตั้งช่วงดังกล่าวศาลมีคำสั่งว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ขณะที่ สนช. บางกลุ่มไม่ได้ติดใจประเด็นดังกล่าว และเชื่อว่าโหวต กกต.ให้ครบ 7 คน เพื่อให้การทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งเป็นกลางและโปร่งใส.