ก่อสร้างอย่างไรให้เติบโต???


เพิ่มเพื่อน    

            

                ธุรกิจก่อสร้างนับว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องด้วยการดำเนินธุรกิจขึ้นอยู่กับความสามารถในการส่งมอบงานที่มีคุณภาพภายในกำหนดเวลาตามสัญญา ความสามารถในการลดต้นทุนงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมไปถึงประสบการณ์ของเจ้าของกิจการและทีมงานซึ่งมีผลต่อความเสี่ยงที่ส่งผลต่อความสำเร็จของงานที่ได้รับมา นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลทำให้ธุรกิจก่อสร้างเกิดความเสี่ยงสูง

                โดยส่วนใหญ่การแก้ปัญหานั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดของกิจการและตัวเจ้าของกิจการเป็นสำคัญ อาทิ หากเป็นกิจการขนาดเล็ก เจ้าของกิจการจะลงมาลุยแก้ปัญหาเอง ดูแลเกือบทุกขั้นด้วยตัวเองเพื่อป้องกันความผิดพลาด และหากเป็นกิจการขนาดใหญ่ขึ้นมา ทางเจ้าของกิจการจะดำเนินการสรรหาผู้จัดการโครงการที่มีฝีมือและประสบการณ์ที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้มาบริหารแทน เพื่อสร้างหลักประกันให้โครงการสำเร็จอย่างมีกำไรได้ ซึ่งปัจจุบันการหาผู้จัดการโครงการที่มีคุณสมบัติดังกล่าวค่อนข้างยาก

                ทั้งนี้ จึงมีผู้รับเหมาหลายรายที่ต้องการเติบโตอย่างรวดเร็ว และพร้อมที่จะเสี่ยงทั้งโดยยอมเสนอราคางานต่ำๆ โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงข้างหน้าเพื่อให้ได้งาน ทั้งที่ไม่ยังสามารถหาทีมงานที่มีความสามารถมาเสริมได้ ในขณะเดียวกันการบริหารภายในก็ขาดระบบ ผลก็คืองานขาดทุน เงินสดหมุนเวียนไม่เพียงพอ ทำให้งานหยุดชะงักเพราะไม่มีเงินจ่ายคนงาน, ผู้รับเหมาช่วง รวมถึง Supplier ก่อให้เกิดความล้มเหลวส่งงานล่าช้ากว่าสัญญาจนถูกปรับ ถูกฟ้องร้อง บังคับชำระหนี้ และล้มละลายในที่สุด

                อย่างไรก็ตาม นายณัษฐา ประโมจนีย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด ได้แสดงความคิดเห็นว่า แม้ธุรกิจก่อสร้างจะมีความเสี่ยงดังที่ได้นำเสนอข้างต้น แต่ก็มีกิจการจำนวนไม่น้อยที่สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนได้ ด้วยการลดการพึ่งพาความสามารถส่วนบุคคล และเพิ่มระบบการบริหารที่มีประสิทธิผล โดยใช้เทคโนโลยีในการบริหารงานโครงการ และความคุมทรัพยากรมาช่วย ตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างหลักประกันในการดำเนินโครงการให้เสร็จได้ทันตามกำหนดเวลา

                นอกจากนี้ การทำงานอย่างปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ ยังสามารถควบคุมต้นทุนและกระแสเงินสดได้ตามเป้าหมาย ทำให้งานไม่หยุดชะงักได้ ทั้งยังมีระบบงานที่สามารถให้รายงานสถานการณ์ค่าใช้จ่ายเทียบกับงบประมาณ และกระแสเงินสดที่เป็นปัจจุบันทันต่อเหตุการณ์ ทำให้มีผลกำไรและกระแสเงินสดที่จะหล่อเลี้ยงกิจการให้เติบโตอย่างมั่นคง

                ส่งผลให้มีโอกาสได้รับงานมากขึ้น ซึ่งเรียกว่า “ระบบการบริหารและเทคโนโลยีเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน” ซึ่งได้แก่ 1.ระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 : 2015 มีเป้าหมายที่จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถของกิจการในการส่งมอบผลงานให้ลูกค้าได้คุณภาพตามความต้องการตามสัญญา 2.ระบบบริหารอาชีวอนามัยและความปลอดภัย OHSAS 18001 : 2007 และ ISO 45001 : 2018 มุ่งที่จะควบคุมให้การปฏิบัติงานก่อสร้างมีความปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ โดยที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนมีสุขภาพอาชีวอนามัยที่ดี พร้อมในการทำงานสู่เป้าหมายทั้งร่างกายและจิตใจ ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย

                3.เทคโนโลยีการวางแผนและควบคุมโครงการด้วย PERT/CPM ในปัจจุบันมี Software ในการวางแผนและควบคุมโครงการเช่นนี้อยู่หลายรายที่เป็นที่ยอมรับในการนำมาใช้บริหารโครงการตามขนาดของโครงการนั้นๆ Software เหล่านี้จะเป็นแก่นและเครื่องมือสำคัญเพื่อกำหนดทิศทางให้แก่การบริหารงานโครงการตามมาตรฐานการบริหารข้างตน 4.การใช้ระบบงบประมาณ และระบบการวางแผนทรัพยากร ซึ่งระบบนี้ จะทำให้ผู้บริหารโครงการทราบถึงสถานะเงินสดหมุนเวียน และค่าใช้จ่ายที่ใช้ไปในโครงการตลอดเวลา

                ทั้งนี้ การนำระบบและเทคโนโลยีใหม่มาใช้อาจไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น เจ้าของกิจการอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับใช้ระบบและเทคโนโลยีใหม่ ให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมขององค์กรอย่างแยบยล ด้วยความความเชื่อมั่น และศรัทธาในระบบเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ จากผู้บริหารระดับสูงหรือเจ้าของกิจการเอง ตลอดจนความร่วมมือจากผู้ปฏิบัติงานในองค์กรทุกคน

                อย่างไรก็ตาม ถึงเวลาตัดสินใจแล้วหรือยังที่จะพัฒนานำระบบและเทคโนโลยีใหม่ที่ให้ประสิทธิผลมากกว่า มาใช้ในการทำงานก่อนที่จะสายเกินไป.

 

      ศรยุทธ เทียนสี


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"