4 มาตรการแจกแหลก


เพิ่มเพื่อน    


    
    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบ “มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ซึ่งมีวงเงินดำเนินการสูงถึง 3.87 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ด้วย 4 มาตรการ ประกอบด้วย 1.มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา วงเงินดำเนินการ 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โดยกรณีค่าไฟฟ้าให้ใช้ไฟฟ้าฟรีในวงเงิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีค่าน้ำประปาให้ใช้น้ำประปาฟรีในวงเงินไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน โดยมาตรการในส่วนนี้จะมีผลตั้งแต่ ธ.ค.2561-ก.ย.2562 หรือคิดเป็นระยะเวลา 10 เดือน และมีกลุ่มเป้าหมายทั้งสิ้น 14.5 ล้านคน คิดเป็นครัวเรือนประมาณ 8.2 ล้านครัวเรือน โดยเงื่อนไขสำคัญคือ 1 ครัวเรือน ใช้ได้เพียง 1 สิทธิเท่านั้น
    ทั้งนี้ ให้ผู้มีรายได้น้อยนำใบแจ้งค่าไฟฟ้าและใบแจ้งค่าน้ำประปาไปชำระที่สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค พร้อมทั้งแสดงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยทุกสิ้นเดือนหน่วยงานที่รับผิดชอบจะส่งบันทึกรายชื่อผู้มีรายได้น้อยที่ใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาภายใต้วงเงินที่กำหนดให้กรมบัญชีกลาง เพื่อนำเงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมมาจ่ายคืนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่องกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ในช่วงกลางเดือนของเดือนถัดไป
    2.มาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปีให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการ วงเงินดำเนินการ 7.25 พันล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยมีเงินในการซื้อสินค้าและบริการเพิ่มเติมในเดือน ธ.ค.2561 จำนวน 500 บาทต่อคน (ได้รับครั้งเดียว)  เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้มีรายได้น้อยในช่วงปลายปี กลุ่มเป้าหมาย 14.5 ล้านคน โดยกรมบัญชีกลางจะนำเงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมใส่ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่องกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ 3.มาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวกับสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย วงเงินดำเนินการ 3.5 พันล้านบาท กลุ่มเป้าหมายคือผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปี ขึ้นไป ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 3.5 ล้านคน จะได้รับเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เป็นจำนวน 1 พันบาทต่อคน (ได้รับครั้งเดียว)
    4.มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้านสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยจำนวน 400 บาทต่อคนต่อเดือน ระหว่างเดือน ธ.ค.2561-ก.ย.2562 วงเงินดำเนินการ 920 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายคือผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ถือบัตรสวัสดิการจำนวน 2.2-2.3 แสนคน โดยกรมบัญชีกลางจะนำเงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมใส่ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่องกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์
    โดยกระทรวงการคลังได้ประเมินว่ามาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงินดำเนินการ 3.87 หมื่นล้านบาทครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2561 ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.07% แต่ในรายละเอียดของมาตรการ มีกรอบระยะเวลาดำเนินการยาวถึงปี 2562 ทำให้เชื่อว่าปัจจัยบวกจากมาตรการในครั้งนี้จะส่งผลเป็นอย่างดีกับเศรษฐกิจในปีหน้าด้วย
    ขณะที่รัฐบาลเองยืนยันมาโดยตลอดว่า สิ่งสำคัญที่รัฐบาลให้ความสนใจ คือ “การกระจายรายได้ลงไปสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง” โดยเฉพาะกลุ่มฐานรากและผู้มีรายได้น้อย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการในหลายๆ มิติ
    เมื่อ ครม.อนุมัติมาตรการดังกล่าวออกมา เป็นที่แน่นอนว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นประเด็นที่น่าจับตา ซึ่งมีหลายส่วนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นมาตรการเพื่อหาเสียงในช่วงใกล้เลือกตั้งหรือไม่ โดยเรื่องนี้รัฐบาลยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง เพราะรัฐบาลมีตัวเลขผู้สูงอายุและผู้มีรายได้น้อยอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีรัฐบาลใดออกนโยบายส่งตรงไปยังผู้สูงอายุ ซึ่งในส่วนนี้ไม่ว่ารัฐบาลชุดใดเข้ามาก็ควรนำแนวทางนี้ไปปฏิบัติ เพราะถือว่าตอบรับสังคมผู้สูงวัยในอนาคต และหลายโครงการไม่ได้เพิ่งมาคิดและทำวันนี้ แต่มีกระบวนการสอบถามความเห็นจากประชาชนที่ใช้เวลามาพอสมควร แต่มาได้ข้อสรุปในช่วงสิ้นปีพอดีเท่านั้น.

ครองขวัญ รอดหมวน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"