ว่าด้วยการ 'สืบต่ออำนาจ'


เพิ่มเพื่อน    

    คน "จริตบาง" กรี๊ดดดด....
    บอก คายหู...
    "รับไม่ได้ นายกฯ สบถถ่อย"!
    หนาอย่างผม บอก คายหู แต่เข้าใจได้
    คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ที่ฝรั่งว่า Speak your mind 
    คนแบบนี้ "คบได้"!
    เข้าตำรา ปากหมา แต่ใจแมน น่าคบหากว่า พวกปากประชาธิปไตย แต่ใจจ้องปล้นประเทศ
    จะสังเกตมั้ย กับคนไม่คุ้น ไม่สนิทใจคบหา จะเกิด "สังคมเสแสร้ง" เป็นกำแพงกั้นกลาง
    แต่ถ้าสนิทกัน "น้ำใส-ใจจริง" จะเข้ามาทลายกำแพง การคบหา ก็จะคบแบบ "เปลือยวาจา-เปลือยอารมณ์"
    ฉะนั้น ที่นายกฯ ประยุทธ์ ใช้คำพูดดิบๆ เชิงระบาย ในวงประชุม "คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ" ซึ่งล้วนคนกันเอง 
    ผมถือ เป็นเรื่องธรรมดา 
    แต่คนทำหน้าที่สื่อสารประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ถ้าไม่ซื่อบื้อ ก็แสดงว่าเจตนาวางยา
    มีอย่างที่ไหน เป็นการประชุมภายในแท้ๆ นายกฯ "เอาเรื่องรกใจมาปรารภนอกรอบ" ให้หมู่คณะฟัง 
    ทำนองเจอหน้าพรรคพวกเพื่อนฝูง ก็ไม่ต้องมากมรรยาทในการพูดจา
    จบแล้วก็จบ เหมือนสาดน้ำลงตะกร้า 
    ไม่เป็นสาระที่ใครจะจับไปเป็นเรื่อง-เป็นราว
    แต่เมื่อสื่อสารรัฐ เหมือนไม่มีกึ๋น แยกแยะไม่ได้ หรือไม่แยกแยะ ว่าตรงไหนควรเผยแพร่ และตรงไม่ควร
    กลับปล่อยคลิปวิดีโอทั้งดุ้น เน้น "สุนทรถ่อย" ให้เป็นข่าว!
    เห็นนายกฯ ออกมาขอโทษที่พูดจาไม่เรียบร้อย 
    ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะโดยปกติ นายกฯ ประชาธิปไตย ต่อให้ง้างปาก ก็ยังยากยอมเอ่ยคำขอโทษ 
    แต่นี่ นายกฯ เผด็จการ........
    รู้จักขอโทษสังคม แสดงว่า เป็นผู้มีประชาธิปไตยในหัวใจ ถือว่า โอเค!
    พูดถึงตรงนี้ นึกถึงอดีตนายกฯ "บรรหาร ศิลปอาชา" ขึ้นมาติดหมัด
    เพราะท่านเป็นนักการเมืองที่สร้างภาพไม่เป็น เสแสร้งพูดไม่เป็น 
    จึงถูกผู้ชำนาญเล่ห์การเมืองในฝ่ายตรงข้าม ชโลมสีให้ท่านมีภาพเป็น "นักการเมืองกินเมือง" ไปตลอด
    ซึ่งโดยเนื้อแท้ อดีตนายกฯ บรรหารไม่ถึงขนาดนั้น ผมเคยคุยกับท่านหลายครั้ง 
    เมื่อพูดถึงเรื่องงานในรัฐบาล ทำนองว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้น-อย่างนี้ คำหนึ่งจากปากท่านประจำ ฝังหูผมทุกวันนี้ คือ 
    "ไม่ได้หรอก เดี๋ยวชาวบ้านเขาว่าเอา"
    หรือไม่ก็...
    "เดี๋ยวชาวบ้านเอาตายหะ"!
    ใครจะไปนึกว่า นักการเมืองอย่างคุณบรรหาร ทุกการกระทำ จะยึด "ประชาชน-ชาวบ้าน" เป็นแกนตัดสินใจ?
    ท่านเป็นคนหัวไว ยิ่งการคำนวณด้านก่อสร้างด้วยแล้ว สถาปัตย์-วิศวะ ชิดซ้ายไปเลย
    ต้องไปคำนวณกันเป็นวัน คุณบรรหารมองปร๊าดเดียว ออกมาเป๊ะๆ เคยเห็นกะตา
    สิ่งก่อสร้าง ถนนหนทาง เขื่อน หลายต่อหลายแห่ง สร้าง-ผลักดัน-สำเร็จ ด้วยคุณบรรหารมากมาย 
    ไม่ต้องมาก ที่เป็นบางใหญ่-บางบัวทอง ทะลุบางแค พุทธมณฑล กลายเป็นย่าน "บานบุรี"
    ด้วยถนนสารพัดสาย ไปได้สารพัดทิศ ธุรกิจร้านค้าหรูแฟ่ คนแห่ไปอยู่กันเป็นแสน-เป็นล้าน เกิดเป็นเมืองใหญ่ขณะนี้
    ผลงาน "อดีตนายกฯ บรรหาร" ตั้งแต่สมัยป๋าเปรม!
    ตอนนั้น คุณบรรหารลงมือทำ ด่ากันขรม มองทางไหนมีแต่ทุ่งนา จะตัดถนนเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่หากิน ก็คงให้ควายเดิน?
    เนี่ย จะเห็นว่า........
    "ผู้สร้าง" ซึ่งมาก่อนเวลา ทำอะไร มันก็ไม่ดี-ไม่ใช่ไปทั้งนั้น
    แต่บั้นปลาย ที่ว่า "ไม่ดี-ไม่ใช่" 
    สิ่งที่ผู้มาก่อนกาลเวลาทำไว้ จะออกดอกผลให้คนรุ่นหลังได้อาศัยอยู่ดีมีสุข
    สมัยป๋าเปรม พบก๊าซในอ่าวไทย สร้างโรงไฟฟ้าที่บางปะกง ประกาศด้วยคำว่า "โชติช่วงชัชวาล"
    พวกสุขจากการต้านแม่งมันทุกเรื่อง รวมทั้งสื่อ แทนจะชื่นชม กลับนำคำว่า "โชติช่วงชัชวาล" ไปกระแนะ-กระแหนกันไม่รู้จบ
    แล้ว "โชติช่วงชัชวาล" นั้นแหละ 
    ทำให้ไทยรอดและรุ่งมากว่า ๓๐ ปี ด้วย "อีสเทิร์นซีบอร์ด" มาต่อยอดด้วย EEC ยุคพลเอกประยุทธ์นี้!
    สรุปว่า ในสังคมนิยมดรามา สาระไม่สน นายกฯ จะพูดจาอะไร ใส่หูรูดไว้บ้างก็ดี
    ร้อยสาระ ไม่ทำให้หูผึ่ง แต่หนึ่งดรามา ยิ่งกว่าป่าช้าแตก!    
    ยุคนี้ นักการเมือง ต่างพก "ความแค้น" แทน "นโยบาย" เข้าสนามเลือกตั้ง 
    แต่ละคน ทั้งตัวผู้-ตัวเมีย ล้วนขู่คำโต คำก็ล้างแค้น สองคำก็จะจับนายกฯ เข้าคุก
    การที่ว่า รัฐบาล คสช.พยายาม "สืบต่ออำนาจ" นั้น 
    คำว่า "สืบต่ออำนาจ" นี่ มันกลายเป็น "คำพล่อย" ทางการเมืองไปแล้ว
    หาประเด็นด่าไม่ได้ ก็ใช้คำสะเหล่อ "สืบต่ออำนาจ" ไว้ก่อน
    ถ้ากะโหลกมีมันสมองเหลือ จะไม่กล้าใช้คำนี้
    เพราะนั่นเท่ากับด่าตั้งแต่ทักษิณตัวพ่อ ไล่ลงมาถึงตัวพวกเขาเองถ้วนทั่ว
    ถ้าจะว่า "พลเอกประยุทธ์" สืบต่ออำนาจ น่ะ...ใช่
    ก็อำนาจ "สืบต่ออนาคตชาติบ้านเมือง" ตามแผนยุทธศาสตร์ที่เริ่มและลงมือไว้ให้สำเร็จนั่นไง
    ไม่ใช่ "สืบต่ออำนาจเพื่อโกงแบ่งกัน" ตามยุทธศาสตร์แยกชาติ-ล้มสถาบัน
    เข้าใจ๋?
    เรื่องเขตเลือกตั้ง ใน ๓๕๐ เขต ที่เค้นแล้วได้ ๒ เขต เอามาเข่นรัฐบาลนั่นเหมือนกัน
    พูดเหมือนเด็กไม่หย่านมแม่ สังคมขยาย ผู้คนหมุนเวียน แต่นักเลือกตั้งจะเอาแต่ที่เคยชิน-เคยได้
    ร้อยพรรคพอใจ.......
    แต่ ๒-๓ พรรค จะเป็น-จะตาย!
    ทำเหมือนไม่เคยสนามเลือกตั้ง จึงไม่ประสาว่า งานประชาธิปไตยเลือกตั้ง ฝ่ายที่เป็นรัฐบาล เขาทำกันยังไง?
    เห็นยกตัวเองเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย"
    แต่เนื้อแท้ เข้าไม่ถึงคำว่า "เลือกตั้ง" กันเลยซักคน!
    "เลือกตั้ง" คือ ........
    ให้ "ผู้สมัคร ส.ส." ไปเสนอตัวให้ "ประชาชนเลือก"
    ไม่ใช่ให้ "ผู้สมัคร ส.ส." ไป "เลือกประชาชน"
    ฉะนั้น สาเหตุเดียว ที่บางพรรค บางผู้สมัครโวยเรื่องแบ่งเขต 
    คือ ประชาชนที่พวกคุณเลือก
    พูดชัดๆ คือที่เลี้ยงไว้ ไม่สามารถมาเลือกพวกคุณได้ เพราะ กกต.แบ่งไปอยู่เขตอื่น
    ถึงได้ดิ้นพราด ตลาดแตกไงล่ะ!
    นักการเมืองเลือกตั้ง ก็เหมือนนักมวย ฝีมือดีจริง จะไม่เกี่ยงเวที ด้วยผลงาน-ชื่อเสียง ขึ้นเวทีไหน
    แฟนใหม่ มากันตรึม!
    ดูง่ายๆ นี่ก็ได้ "ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร" จากเชียงราย ถูกย้ายไปพะเยา
    ท่านเคยไปพะเยาซะที่ไหน แต่ด้วยผลงาน ด้วยคุณงามความดี จากเหตุการณ์ขุนน้ำนางนอน
    ยังไม่ทันไป............
    คนพะเยาแทบมาอุ้มจากเชียงรายไปนั่งเมือง ชาวบ้านล้วนปลาบปลื้มยินดี แห่แหนกันมาต้อนรับผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์
    นักเลือกตั้งเช่นกัน มั่นใจในความดี ความสามารถในหน้าที่ ส.ส.ของท่าน จะเกี่ยงพื้นที่ทำไม?    
    ที่ไหนๆ ก็ประชาชนคนไทยเหมือนกัน ไปแสดงผลงาน ไปแสดงตัวให้เขาเลือกซี
    การโวยวายเอาแต่ประชาชนที่ตัวเองเลือกไว้อยู่ร่ำไป มันส่อถึง "ประชาชนจัดตั้ง" เพื่อการเลือกตั้งของตัวเองชัดๆ
    เลือกตั้งในระบบสภา เป็นการให้ค่าทางปริมาณ
    เมื่อประชาธิปไตยกำหนดให้ "ปริมาณเป็นคำตอบ" ดังนั้น การไปสู่เป้าหมาย
    "พิษล้างพิษ-โจรล้างโจร" จึงถูกกำหนดเป็นยุทธวิธี "ดาบนั้นคืนสนอง" ในสนามประลองอำนาจขั้นแตกหัก
    ระหว่าง "สืบต่ออำนาจโกงแบ่งกัน"
    กับ "สืบต่ออนาคตชาติบ้านเมือง"
    ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่การแบ่งเขตเป็นตัวตัดสิน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"