แผนสกัดยาเสพติด


เพิ่มเพื่อน    

    "ยาเสพติดให้โทษ" เป็นคำกล่าวที่ติดปากติดหูคนไทยมาหลายยุคหลายสมัย จากคำเตือนสู่การรณรงค์ การปราบปรามและต้องโทษของข้อกฎหมาย ทำให้คนในสังคมส่วนใหญ่ตระหนักและรับรู้ถึงคำบอกเล่านั้นๆ  จนมองว่ายาเสพติดเป็นสิ่งไม่ดี และพยายามปลูกฝังคนรุ่นต่อๆ ไป ผ่านกิจกรรมทางสัมคม การอบรม หรือสอดแทรกเข้าไปในบทเรียน
    แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็ต้องยอมรับว่าสิ่งเหล่านั้นช่วยได้แค่คนบางกลุ่ม เพราะปัจจุบันการค้ายาเสพติดในประเทศไทยถึงจะลดน้อยลง แต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง และด้วยความคิดที่ว่าซื้อขายยารวยเร็ว จึงทำให้เป็นแรงจูงใจสำหรับคนที่คิดตื้นเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งพวกนั้น 
    ขณะเดียวกัน คนที่เสพมักจะอยู่ในกลุ่มที่ความรู้น้อย และพยายามไม่ทำความเข้าใจถึงพิษภัยที่จะตามมา จนส่งผลให้ปัจจุบันยังมีคนที่ต้องการยาเสพติดไม่ว่าจะชนิดใดอยู่ให้เห็นตามข่าวหนังสือพิมพ์ รวมถึงผลกระทบของผู้เสพยาด้วย และการที่จะกำจัดไปให้หมดสิ้นนั้นคงเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร  เนื่องจากการค้าขายเป็นเรื่องที่ทำในที่ลับ มีเครือข่ายกว้างขวางจนไม่สามารถติดตามได้หมด
    แต่ก็ต้องยอมรับถึงมาตรการจัดการที่ผ่านมาถือว่าทำให้ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยลดน้อยลงอย่างมาก ถึงจะไม่หมดไปเป็น 0% เลยก็ตาม แต่ก็ทำให้ไม่ขยายวงกว้างเหมือนสมัยก่อน ซึ่งอีกหนึ่งแนวทางที่เห็นแล้วว่ามีประโยชน์เหมือนกัน และมาจากภาครัฐบาลอย่างกระทรวงอุตสาหกรรม 
    ตามที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ได้มอบหมายให้กระทรวงฯ เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินกิจกรรม เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในโรงงานอุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้จัดทำ “โครงการโรงงานทั่วไทยร่วมใจต้านภัยยาเสพติด ดำเนินการในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ระหว่าง พ.ค.2561-ม.ค.2562 
    แบ่งเป็น 2 มิติ ได้แก่ 1.กระทรวงจะควบคุมดูแลการนำเข้าและส่งออกสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ผลิตยาเสพติด จำนวน 20 รายการตามบัญชีแนบท้าย ประกาศกระทรวงยุติธรรม และมีมาตรการกวดขันเพิ่มมากขึ้น ทั้งการผลิต การนำเข้าและส่งออก และครอบครอง 
    พร้อมทั้งการเน้นเข้าตรวจสอบสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับสารโซเดียมไซยาไนด์ทุกโรง และการเชิญชวนโรงงานทั่วประเทศเข้าโครงการฯ ซึ่งมีเป้าหมายอย่างน้อย 1,000 โรง คนงาน 50,000 คน โดยสถานประกอบการที่เข้าร่วมจะดำเนินกิจกรรมในเชิงรณรงค์ป้องกัน และการตรวจหาสารเสพติดกับพนักงานที่เข้มข้นในช่วงเวลาดังกล่าว 
    และ 2.มิติการปราบปรามนอกจากการลงพื้นที่ตรวจกำกับดูแลโรงงานฯ ตามแผนการตรวจของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว ยังจะบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจค้นยาเสพติดในโรงงานกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในพื้นที่แพร่ระบาดจำนวน 324 อำเภอ ใน 64 จังหวัดทั่วประเทศ โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ซึ่งจะดำเนินการรูปแบบเดียวกับการจัดการปัญหา ขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกในช่วงที่ผ่านมา  
    ซึ่งการนำเข้าและส่งออกสารเคมีดังกล่าวแต่ละครั้งจะพบปริมาณมากขึ้น และไม่ได้เข้าผ่านทางช่องทางปกติที่มีกระทรวงกำกับดูแล แต่อย่างไรก็ตาม จากโครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มมาตรการควบคุมดูแลที่เข้มงวดกวดขันยิ่งขึ้น เริ่มจากสารโซเดียมไซยาไนด์ เพื่อเป็นการสกัดกั้นการนำไปใช้ผลิตยาเสพติดตั้งแต่ต้นทางอย่างเร่งด่วนและทันท่วงที
    โดยแบ่งการทำงานเป็น 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน กระทรวงฯ ร่วมกับหน่วยปราบปรามเข้าตรวจ ทั้งการนำเข้า : กรณีนำไปใช้ในโรงงาน ต้องจัดเตรียมข้อมูลกระบวนการผลิต และต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ตลอดเวลา ส่วนระยะกลางจะเชิญประชุมผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงข้อมูลแนวทางและมาตรการที่จะดำเนินการเพิ่มเติม เพื่อถือเป็นระเบียบปฏิบัติต่อไป
    และระยะยาวดำเนินการทบทวนและปรับปรุงบัญชีรายชื่อสารเคมีตามแบบ วอ./อก.7 เพื่อทำให้ทราบวัตถุประสงค์การนำไปใช้งาน และศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลของสารเคมีที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมจากข้อมูลผู้ประกอบการ และปริมาณการนำเข้า-ส่งออก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
    สำหรับโครงการโรงงานทั่วไทยร่วมใจต้านภัยยาเสพติด เป็นการดำเนินการโดยมีสถานประกอบการกว่า 1,000 โรงงานเข้าร่วม และมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง 6 หน่วยงานร่วมกันขับเคลื่อนโครงการฯ ในห้วงระยะ 3 เดือน ซึ่งก็หวังว่าจะช่วยลดการนำเข้าสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดในประเทศไทยได้อย่างมาก และส่งผลให้ปัญหาด้ายยาเสพติดที่เป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศเบาบางลง ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องเอาใจช่วยและขอให้มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นและจริงจัง.
ณัฐวัฒน์ หาญกล้า


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"