ปปส.เผยยาเสียสาวระบาดจับตาซื้อออนไลน์


เพิ่มเพื่อน    

    เลขาฯ ป.ป.ส.เตือนภัยยาเสียสาว แพร่ระบาดในสถานบันเทิง หวั่นเด็ก เยาวชนตกเป็นเหยื่อมากขึ้น พบใช้ผสมน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดมึนเมาและสูญเสียความทรงจำชั่วขณะ ง่ายต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ วอนผู้ปกครอง ครู เฝ้าระวังการซื้อยาทางสื่อโซเชียล พบเห็นรีบแจ้งสายด่วน 1386
    นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมนี้ กรณีมีการขายยาอัลปราโซแลม หรือ “ยาเสียสาว” ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ให้แก่กลุ่มวัยรุ่นใช้ผสมน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลให้เกิดอาการสะลึมสะลือมึนงง ปัจจุบันพบว่านำมาใช้ประกอบอาชญากรรมในรูปแบบของการมอมยารูดทรัพย์ หรือล่วงละเมิดทางเพศ ตามสถานเริงรมย์ต่างๆ บางรายถึงขั้นเสียชีวิต ขณะเดียวกันก็มีคดีการจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวกับยาตัวนี้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์การใช้ยาดังกล่าวมีการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น
    นายนิยมกล่าวว่า ข้อเท็จจริง อัลปราโซแลม (Alprazolam) เป็นยาในกลุ่มเบนโซไดอาซีปีน (Benzodiazepine) มีชื่อทางการค้าหลายชื่อ เช่น โซแลม (Zolam) หรือซาแน็ก (Xanax) ใช้รักษาอาการในกลุ่มโรควิตกกังวลและตื่นตระหนก รวมไปถึงภาวะนอนไม่หลับ คลายกล้ามเนื้อ ระงับอาการชัก ภาวะซึมเศร้า ติดสุราเรื้อรัง ในประเทศไทย ยาอัลปราโซแลมจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 ไม่อนุญาตให้จำหน่ายได้ในร้านขายยาทั่วไป ต้องได้รับการจ่ายยาโดยแพทย์เท่านั้น เนื่องจากมีฤทธิ์ต่อจิตและระบบประสาทส่วนกลางในสมอง 
    ปัจจุบันมีการค้าและการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวตามสถานบันเทิง ใช้ผสมกับน้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อดื่มเข้าไปจะทำให้มึนเมา สะลึมสะลือ ระหว่างที่ยาออกฤทธิ์ก็จะสูญเสียความทรงจำชั่วขณะ รู้ตัวอีกทีอาจอยู่ในสภาพถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือเกิดอาชญากรรมอย่างอื่น
    นายนิยมกล่าวว่า การใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการเสพติดได้ หากหยุดใช้ยาในทันทีอาจทำให้เกิดอาการขาดยา วิตกกังวล เป็นโรคจิต และอาจถึงกับชักได้ แม้จะเป็นยาที่ถูกควบคุม แต่ปัจจุบันก็ยังมีการลักลอบจำหน่าย เพื่อนำไปใช้ในทางที่ผิดอย่างต่อเนื่อง โดยบทกำหนดโทษสำหรับผู้ผลิต นำเข้า หรือส่งออก ต้องโทษจําคุกตั้งแต่ 5-20 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000-2,000,000 บาท สำหรับผู้ขายต้องโทษจําคุกตั้งแต่ 7-20 ปี และปรับตั้งแต่ 700,000-2,000,000 บาท สำหรับผู้มีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ ต้องโทษจําคุกตั้งแต่ 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และสำหรับผู้เสพ ต้องโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
    “สำนักงาน ป.ป.ส.ตระหนักถึงความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน จึงขอให้ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ เฝ้าระวังการซื้อยาผ่านทางเว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ตักเตือนหากพบพฤติกรรมที่จะนำไปสู่อันตรายต่อตนเองและผู้อื่นได้ และขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ประกอบการสถานบันเทิงต่างๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันสอดส่องดูแล โดยเน้นหนักในกลุ่มนักท่องเที่ยวไม่ให้มีการมั่วสุมใช้สารเสพติด รวมถึงควบคุมอย่างเข้มงวดที่จะไม่ให้เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ และที่สำคัญหากพบเห็นผู้กระทำความผิด ผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือขาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง” นายนิยมกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"