เหลว!ดีลป้อมเข็นตู่ 'มาร์ค'ไม่เอา-ย้อน'พปชร.' 'คสช.'เชื่อสุดท้ายก็จับมือ


เพิ่มเพื่อน    

      “ประวิตร-เฉลิมชัย” เร่ปัดเกี๊ยะเซียะดัน “ลุงตู่” นั่งนายกฯ สมัย 2 “มาร์ค” ย้อนเกล็ดไหนบอกกวาด 350 ส.ส. ทำไมต้องประสาน คสช. เชื่อสุดท้าย ปชป.ต้องมาซบ เพราะไม่มีทางจับมือ “เพื่อไทย” แน่ “ประยุทธ์” ร่ายยาวแต่กั๊กเรื่องถูกเสนอชื่อบัญชีผู้นำ บอกหลังปลดล็อกชัดเจน ยอมรับ พปชร.มีแนวทางสอดรับรัฐบาล ลั่นเลือกตั้งก่อนพระราชพิธีสำคัญแน่ “จตุพร” อัดไม่สง่างามนั่งหัวโต๊ะ 7 ธ.ค. เหตุเป็นทั้งผู้เล่นและผู้คุม “ธนกร” สวน ดร.เหลิมเจ็บ สะกดธรรมาภิบาลได้ด้วย “วัฒนา” ปูด พท.ส่งแค่ 250 เขต ส่วนตัวลงบางแค
      เมื่อวันอังคาร ยังคงมีความต่อเนื่องกับกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดต่อประสานนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพื่อชวนเป็นพันธมิตรทางการเมืองในการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกฯ อีกสมัย โดย พล.อ.ประวิตรระบุว่า ไม่จริง ไม่ได้เจอกับนายเฉลิมชัยเลย ไม่ได้พูดอะไรกันเลย ไม่ได้พูดกับใครเลยใน ปชป. พูดเรื่องอะไร ไม่ได้อยู่พรรคการเมือง และไม่ใช่มือประสาน ข่าวที่เกี่ยวกับนายเฉลิมชัยก็เพิ่งทราบ การพูดคุยเป็นของพรรคการเมือง พรรคเขาจะพูดกับใครก็ว่าไป ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง
      เมื่อถามว่า หากมีคนขอให้ประสานจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประวิตรยืนยันว่า ไม่ประสาน จะเกี่ยวอะไร จะไปประสานกับใคร ไม่รู้จักใครเลย ส่วนข่าวที่ออกมาก็ไม่รู้ต้องการดิสเครดิตหรือไม่ แต่ยืนยันไม่ได้พูด และไม่ได้เจอหน้านายเฉลิมชัยเลย ที่ผ่านมาเคยเป็นรัฐบาลร่วมกับ ปชป. 3 ปี ก็รู้จักกัน นายเฉลิมชัยก็รู้จัก แต่วันนี้ไม่มีเบอร์โทร.กันแล้ว
      ถามต่อว่า หลังเลือกตั้งจะเข้าไปช่วยประสานจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ต้องช่วย จะไปเกี่ยวอะไรด้วย เพราะออกไปแล้ว ส่วนหลังเลือกตั้งจะเล่นการเมืองต่อหรือไม่นั้น ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นนายกฯ และเขาจะมาขอให้ทำงานหรือไม่ หากมีก็ต้องดูว่าจะให้ช่วยอะไร เป็นสิ่งที่ทำได้หรือไม่ คงต้องรอให้เขามาเชิญก่อน ส่วนถ้านายกฯ เป็น พล.อ.ประยุทธ์นั้น ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเชิญหรือไม่ บอกไปตั้งนานแล้วว่าไม่อยากเล่นการเมือง
      ด้านนายเฉลิมชัยปฏิเสธเช่นกันว่า ไม่ทราบ ไม่ได้รับโทรศัพท์ เพราะเบอร์แปลกๆ ไม่รับอยู่แล้ว ตอนนี้จิตใจสงบมาก ส่วนว่าประสานมาเพื่อให้ ปชป.ไปสนับสนุนเพื่อให้เป็นรัฐบาลก็ไม่รู้เหมือนกัน จึงตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้คุยกัน
      ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวในเรื่องนี้ว่า เห็นเขาว่าจะได้ 350 ที่นั่ง ส.ส. ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรอีก ส่วนข่าวที่ออกมาก็ไม่รู้ว่ามีวัตถุประสงค์อะไร แต่ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะเป็นรายงานข่าว แต่อย่างที่บอกว่าพรรคจะได้ 350 ที่นั่ง ก็ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องคุยกัน
      นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวว่า ถ้าเป็นไปตามข่าวบอกว่าจะเสนอกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ ซึ่งไม่ใช่ประเด็นและเวลา เพราะ 1.ต้องผ่านกระบวนการการเลือกตั้ง ว่าประชาชนต้องให้คำตอบก่อนว่าสนับสนุนแนวทางของพรรคไหน อย่างไร และ 2.ต้องดูว่าตอนหาเสียง แนวทางของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังยืนยันการทำงานในรูปแบบรัฐบาลปัจจุบันหรือไม่ เพราะหากบริหารเศรษฐกิจแบบนี้ ยากที่จะทำงานด้วยกันได้ เพราะประชาชนเดือดร้อนมาก
      “ผมยืนยันว่าการเมืองมี 3 ขั้ว คือ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย ผมคิดว่าตอนนี้ 3 แนวทางแตกต่างกันชัดเจน จึงต้องให้ประชาชนพิจารณาก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เชื่อสุดท้ายจับมือกัน
      มีรายงานข่าวจาก คสช.แจ้งว่า พล.อ.ประวิตรได้ประสานกับนายเฉลิมชัยจริง เพื่อขอลูกทีม 3 คนไปสังกัด พปชร. แต่นายเฉลิมชัยกลัวเหมือนนายธรรมวิชญ์ และนายอรรถพล โพธิพิพิธ บุตรชายของนายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซียะ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี ปชป. ที่ย้ายไป พปชร. จึงไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ และปิดโทรศัพท์ เพราะอย่างน้อยก็ยังรักษาน้ำใจไมตรีระหว่างกันไว้
      รายงานแจ้งว่า การเจรจาน่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง ว่าจะมาร่วมรัฐบาลหรือแบ่งโควตากันอย่างไร เพราะ คสช.ก็ทราบดีว่า ปชป.ไม่สามารถทำงานกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ ดังนั้น ปชป.จึงมีทางเลือกเดียวที่จะไปร่วมทำงานได้ก็คือ พปชร.เท่านั้น
      ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความชัดเจนของพรรค พปชร.ในการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ในบัญชีพรรคว่า พปชร.เขาชัดเจนแล้ว ทำไมตนเองต้องไปชัดเจนกับเขาด้วย ทำไมอยากรู้เหลือเกิน ทุกพรรคก็เสนอประยุทธ์ทั้งนั้น แต่ไม่เห็นมีใครมาเชิญสักที เขาจะพูดก็พูดไป ยังไม่ตัดสินใจ ทำไมจะเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้กันหรืออย่างไร อยากรู้หรือ ก็ยังไม่ให้รู้ ถ้ายิ่งอยากรู้ก็ไม่ให้รู้ ถ้าไม่อยากรู้เดี๋ยวพูดเอง
      เมื่อถามว่า รู้สึกหรือไม่ว่าทำไมพรรคการเมืองถึงเสนอชื่อเป็นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ไม่รู้ซิ ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่อาจพิจารณาตัวเองได้ว่าเก่งหรือไม่เก่ง และเขาเลือกผม เพราะอะไรก็ยังไม่รู้เหมือนกัน คงอาจเห็นบ้านเมืองสงบเรียบร้อยดีมั้ง เขาเห็นแค่นั้นหรือเปล่า ผมไม่รู้ หรือจะหมายความอย่างอื่นด้วย”
     ถามต่อว่า รู้สึกดีใจหรือไม่ที่ถูกเลือก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เขาเรียกว่าบารมี 10 ประการ ขันติบารมี คือไม่ยินดียินร้ายต่อคำชมและคำติฉินนินทา เข้าใจหรือยัง กำลังใช้อยู่ 
      เมื่อถามว่า 4 รัฐมนตรีที่อยู่ใน พปชร.จะมีส่วนตัดสินใจหรือไม่หากมีการทาบทาม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยอมรับว่า “เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณา ถ้าพรรคใดก็ตามที่ทำงานแล้วสอดคล้องกับสิ่งที่ทำอยู่ในวันนี้ ถ้าตัดสินใจเข้าไปการเมือง ก็ต้องสนับสนุนพรรคเหล่านี้ เพราะมันทำงานให้ทำต่อ แต่การที่จะเป็นนายกฯ หรือเปล่า ยังไม่รู้เหมือนกัน เพราะกลไกไม่ใช่ว่าเลือกตนเองแล้วจะได้เป็นเลย ต้องมีการพิจารณาในสภา จะยอมรับกันหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
      “ธงของผมคือสนับสนุนพรรคการเมืองที่เดินหน้าประเทศอย่างมียุทธศาสตร์ เอาอย่างนี้แล้วกัน พรรคอื่นก็ว่ามาซิ ยุทธศาสตร์ว่าอย่างไร อาจดีกว่าพรรคพลังประชารัฐก็ได้ เสนอยุทธศาสตร์มาซิ ดีกว่ามาติฉินกันมาเรื่อยๆ อย่างนี้ แต่ไม่เคยพูดมาว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร มีแต่บอกว่าจะทำตรงนั้นตรงนี้ให้ราคาสูงขึ้น ทั้งยางและข้าว แต่จะทำอย่างไร ผมพูดทุกอย่างว่าจะทำอย่างไร เขาก็ต้องพูดกับผมว่าจะทำอย่างไรด้วย ประชาชนจะได้เกิดข้อเปรียบเทียบ ถ้าพูดไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบคำถามมีธงหรือคำตอบในใจอยู่แล้วใช่หรือไม่             
      ถามอีกว่า จะบอกความชัดเจนได้เมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปลดล็อกเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน ตอนนั้น เดี๋ยวค่อยว่ากัน เดี๋ยวก็ปลดล็อกแล้ว พอปลดล็อกขึ้นมาทุกคนก็จะพูดได้เต็มปากเต็มคำ ก็จะฟังว่ามีประโยชน์ตรงไหน พรรคนี้เสนออะไรมา ถ้าเสนอเหมือนคราวก่อนๆ จะทำอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วทำไม่ได้ จะทำให้ราคายางสูงขึ้น 3-4 เท่า ถามว่าโลกขายเท่านั้น คุณจะไปขายใคร
      พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวว่า อยากฝากช่วยสร้างความเข้าใจระดับพื้นที่ รัฐบาลกำลังเดินสร้างกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกอย่าง โดยเฉพาะด้านการเกษตรที่วันนี้ไม่ว่ารัฐบาลไหนต้องบอกจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ดังนั้นไม่อยากให้ไปบิดเบือนว่าสมัยก่อนราคาเท่านี้ สมัยนี้รัฐบาลนี้ทำได้เท่านี้ ประชาชนเลยเกิดความคาดหวังว่าวันข้างหน้าจะดีขึ้น วันนี้รัฐบาลพยายามนำทุกมาตรการมาใช้ ไม่ใช่ดูแลโดยเอาเงินไปให้อย่างเดียวอย่างที่ผ่านมา จนทุกคนเคยชิน อย่าไปจับต้องว่ามาตรการที่ช่วยเหลือไม่มีเหมือนเดิม เราไปแก้บิดเบือนทางการตลาดไม่ได้ วันนี้ขอให้ฟังรัฐบาลนี้บ้าง 
เลือกตั้งก่อนพระราชพิธี
      “บางคนบอกรัฐบาลนี้อยู่มา 4 ปี เศรษฐกิจราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ อยากถามว่าแล้วจะให้ทำอย่างไร ลองไปถามคนที่พูดว่าจะทำให้ราคาสูงขึ้นได้อย่างไร หลายอย่างที่เป็นมาตรการก่อนหน้ารัฐบาลเข้ามาอยากให้เขาพูดออกมาว่าเขาทำอะไรอย่างอื่นบ้าง นอกจากบอกทำให้ราคาดีแล้วทำไม่ได้ไหม ตรงนี้เป็นนโยบายของพรรคที่ควรจะพูดออกมา มากกว่าโจมตีรัฐบาลนี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 
      นายกฯ ยังกล่าวถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่จะเกิดขึ้นว่า มี 2 ช่วง คือการทำงานของรัฐบาลในการเตรียมงานเพื่อจะเข้าสู่ช่วงพระราชพิธีที่จะทรงโปรดเกล้าฯ และกำหนดลงมา เรื่องนี้รัฐบาลกำหนดเองไม่ได้ ต้องรอให้โปรดเกล้าฯ ลงมา ฉะนั้นมีงาน 2 ช่วง ซึ่งในช่วงนี้ก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรในเรื่องการเดินหน้าและการขับเคลื่อนประเทศ รวมทั้งการเลือกตั้ง จะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยอย่างไร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะทำอย่างไร สำหรับตนเองยังเหมือนเดิม
      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนที่ 2 ที่รัฐบาลต้องเตรียมการ คือ การเตรียมการในส่วนของโบราณราชประเพณี ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายๆ เรื่อง และหลายจังหวัด จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะทั้งหมดคือความร่มเย็นของประเทศไทย โดยในช่วงที่ 2 นี้จะใช้เวลาหลายวัน และมีการกำหนดเป็นหมายกำหนดการของสำนักพระราชวังที่จะมีการโปรดเกล้าฯ ลงมา
      "พิธีสำคัญนี้เป็นเรื่องของเหนือหัว ขอให้จำไว้ ถือว่าวันนี้ผมไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่อยากจะเตือนทุกคน ลืมกันไปแล้ว" นายกฯ กล่าว และเมื่อถามย้ำว่า ถ้าเป็นเช่นนี้แสดงว่าต้องจัดการเลือกตั้งก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า "ไม่พูดๆ ยังไงก็ต้องเลือกตั้งก่อนอยู่แล้วล่ะ"
      ขณะที่นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณี พปชร.จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ว่า คงไม่มีใครบังคับได้ แต่ต้องคิดว่าถ้าจะตอบรับนั่นแปลว่า พล.อ.ประยุทธ์มีส่วนได้ส่วนเสียกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งต้องพิจารณาตามหลักธรรมาภิบาลว่าต้องทำอย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่าการเลือกตั้งจะสุจริตเที่ยงธรรม
“เรื่องธรรมาภิบาลพูดแค่เรื่องกฎหมายไม่ได้ ตอนผมเป็นนายกฯ เกิดปัญหาขึ้นในเรื่องคุณสมบัติ ส.ส. ต้องลงสมัครเลือกตั้งซ่อม ผมให้ทุกคนออกจากตำแหน่ง เพราะไม่ต้องการให้ใช้ตำแหน่งเอารัดเอาเปรียบคู่แข่งขัน แต่กฎหมายไม่ได้บังคับ แต่ทุกคนในพรรคผมและพรรคร่วมก็ให้ความร่วมมืออย่างดี บรรทัดฐานแบบนี้ถ้าอยากมีธรรมาภิบาลก็ต้องสร้างขึ้น ถ้าท่องเพียงแค่ว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย การเมืองไทยจะวนเวียนแบบเดิม” นายอภิสิทธิ์กล่าว    
      นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้า ปชป. กล่าวว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากนายกฯ และหัวหน้าคสช. จะสง่างามมาก และมาสังกัดในบัญชีรายชื่อ พปชร. แต่หากและยังดันทุรังที่จะอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว จะสุ่มเสี่ยงขัดหลักธรรมาภิบาลและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 
      สำหรับการประชุมแม่น้ำ 5 สาย และพรรคการเมืองในวันศุกร์ที่ 7 ธ.ค.นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงหลายพรรคประกาศไม่เข้าร่วมว่า ใครไม่มาก็แล้วแต่ท่าน แต่คิดว่าการจะทำงานเพื่อชาติ เพื่อประชาชน มันต้องเอากติกาต่างๆ มา ไม่ใช่มาสู้กับกติกา มันไม่ใช่ เหมือนนักมวยจะขึ้นชก ก็ต้องฟังกติกา ซึ่งกติกาวันนี้อาจมีความแตกต่างอยู่บ้าง วันนี้กติกามวยกอล์ฟ กีฬาอะไรต่างๆ ก็เปลี่ยนไป หลายอย่างไม่เคยทำได้ก็ทำได้ หลายอย่างเคยทำได้ก็ทำไม่ได้ ไม่เห็นมีใครไฟต์เรื่องพวกนี้เลย ตัวเองก็เตรียมตัวให้พร้อมที่จะเข้ามาสู่การเลือกตั้ง ให้ประชาชนตัดสินดีกว่า อย่ามาอะไรกันเลย มันเสียเวลา ประเทศชาติเดินหน้าลำบาก
“บิ๊กป้อม”ไม่สน
      พล.อ.ประวิตรกล่าวเช่นกันว่า ไม่อยากพูดอะไรมาก พรรคการเมืองไหนอยากมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา เพราะเราเชิญทั้งหมด คนไม่มาก็คงไม่รู้เรื่องว่าเขาพูดอะไรกัน และในวันดังกล่าวจะยังไม่รู้วันเลือกตั้งที่แน่นอน เพราะถือเป็นเรื่องของ กกต. ไปล้วงลูกไม่ได้
      นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุพรรคการเมืองที่ไม่ไปร่วมประชุมวันที่ 7 ธ.ค. ว่าเป็นพวกไม่เคารพกติกาและไม่อยากเลือกตั้ง ว่า ทษช.ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ใช่ไม่เคารพกติกา แต่การไปประชุมร่วมกับ คสช. เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตยว่าด้วยการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมตามระบบ เพราะ กกต.มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง และดูแลบทบาทหน้าที่ของนักการเมือง ไม่ใช่หน้าที่ของ คสช. การที่ คสช.ทำแบบนี้ เท่ากับเป็นการยืนยันว่าจะแทรกแซงการเลือกตั้ง ซึ่งเราไม่เห็นด้วย และจะไม่ไปร่วม 
      “เป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.ประยุทธ์จะถูกเสนอชื่อในบัญชีของพรรคการเมือง แล้วจะมาทำหน้าที่รับฟังความเห็นและตัดสินใจในเรื่องของพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่เราก็ยังหวังว่าในการพิจารณาดังกล่าว คสช.จะไม่รักษาคำสั่งและอำนาจมากเกินไป ควรปลดล็อกให้เต็มที่” นายจาตุรนต์กล่าว 
      นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวเรื่องเดียวกันว่า คนที่กล่าวหาว่าคนอื่นไม่อยากเลือกตั้งกลับเป็นคนที่ทำให้ประเทศไทยไม่มีการเลือกตั้ง ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์มามากกว่า 4 ปีแล้ว ประชาชนและพรรคการเมืองหลายพรรคก็เรียกร้องการเลือกตั้งมาโดยตลอด แต่เป็น คสช.เสียเองที่เลื่อนการเลือกตั้งไปเรื่อยๆ ดังนั้น อยากให้ประชาชนลองทบทวนว่าใครกันแน่ที่ไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง
      นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในฐานะผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ในหัวข้อ "เรียนหัวหน้า คสช. กรณีถกพรรคการเมือง 7 ธ.ค.2561" ว่า พล.อ.ประยุทธ์หมดความสง่างามที่จะนั่งเป็นประธานในที่ประชุม เนื่องจากได้เป็นบุคคลที่ถูกพรรค พปชร.เสนอให้เป็นนายกฯ ซึ่งได้ย้ำมาตลอดว่าถ้ากรรมการประสงค์เป็นผู้เล่นต้องลาออก 
      “ถ้าเวทีประชุม 7 ธ.ค.นี้ ให้พรรคมารับฟังอย่างเดียว ไม่เปิดโอกาสให้แสดงความเห็นแล้ว ไม่แตกต่างจากการสั่งให้มาฟังคำสั่งมาตรา 44 ซึ่งอยู่ที่ไหนสามารถฟังได้ ไม่จำเป็นต้องเข้ามาร่วมประชุมด้วย”นายจตุพรระบุ
      นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษก พ.พ.ช. ระบุว่า พรรคมีมติไม่เข้าร่วมประชุมหารือกับ คสช.ในวันที่ 7 ธ.ค. เพราะไม่เกิดประโยชน์อันใด ซึ่งพรรคมองว่าไม่ใช่เวทีที่จะพูดคุยเพื่อที่จะหาทางออกให้กับบ้านเมือง เหมือนเป็นลักษณะของการไปรับฟังการชี้แจง และรับคำสั่งจาก คสช. รวมถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์นั่งเป็นประธานก็ไม่เหมาะสม เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้มีส่วนได้เสียกับการเลือกตั้งในครั้งนี้โดยตรง เพราะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ 
      ขณะที่นายสาธุ อนุโมทามิ เลขาธิการสหพรรคการเมืองไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงประธาน กกต. เพื่อขอให้กำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นวันอาทิตย์ที่ 5 พ.ค.2562 โดยเสนอให้ กกต.นำเรื่องหารือในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ด้วย 
      วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พปชร. ได้ตอบโต้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่โจมตี 4 รัฐมนตรีของ พปชร. ว่ายังไม่ลาออกและขาดธรรมาภิบาลว่า เพิ่งรู้ว่า ร.ต.อ.เฉลิมสะกดคำว่าธรรมาภิบาลเป็นด้วย เพราะสมัยที่ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นรัฐมนตรี ตอนเลือกตั้งก็ไม่ได้ลาออก แล้วจะมาบีบคั้นเพื่ออะไร ยืนยันว่าพรรคไม่มีใครเป็นอีแอบอย่างที่ท่านกล่าวหา 
      “ร.ต.อ.เฉลิมเป็นคนที่อภิปรายเก่ง แต่ช่วงหลังๆ ชาวบ้านบอกว่าเสียงแหบเหมือนเป็ด เมาจนฟังไม่รู้เรื่อง แม้ผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐพูดไม่เก่ง แต่เน้นทำงานให้ประชาชนอย่างเดียว ร.ต.อ.เฉลิมยังคงนิสัยเดิมๆ เวลาพูดหลายคนจึงมักจะบอกว่าคล้ายๆ กับจะข่มขู่ข้าราชการหรือเปล่า วันนี้ข้าราชการเขากลัวแต่คนดีๆ และเขาก็รู้ดีว่าควรต้องวางตัวอย่างไรไม่ต้องไปสอน ท่านควรอยู่เงียบๆ เหมือนตอนปฏิวัติใหม่ๆ จะดีกว่า" นายธนกรกล่าว
พท.ส่งแค่ 250 เขต
      นายธนกรกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีเปรียบ พล.อ.ประยุทธ์เป็นลิเกที่ดูไป 3 รอบแล้ว จะให้เล่นรอบที่ 4 อีกคนเขาก็รู้แล้วไม่มีอะไรตื่นเต้นนั้น ถ้าหากชาวบ้านเขาชอบลิเก ดูแล้วมีความสุข จะเล่นอีกกี่รอบเขาก็ยังดู ตรงกันข้าม หากเป็น ร.ต.อ.เฉลิมอาจต้องปิดวิกลิเกหนี และถ้าจะให้ดี ท่านรอคำตอบจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทยก่อนจะดีกว่าไหม ว่าจะได้ลงสมัคร ส.ส.เขตหรือบัญชีรายชื่อ
ส่วนความเคลื่อนไหวในเรื่องการยุทธศาสตร์หาเสียงและการเลือกผู้สมัครนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การสรรหาผู้สมัครจะทำให้เสร็จประมาณกลางเดือน ธ.ค.นี้ และปลายเดือน ธ.ค.นี้ น่าจะได้ผู้สมัครครบ
      นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรค พท. กล่าวในรายการทุบประเด็นว่า จะลง ส.ส.เขตบางแค ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์นั้นยังไม่กล้ายืนยันว่าจะลงเขตดอนเมืองหรือไม่ เพราะยังไม่ได้คุยกัน ส่วนเป้าของพรรคนั้นจะส่ง ส.ส.เขต 250 เขต โดยเขตที่เราคิดว่าส่งไปก็ไม่ชนะ ก็อาจไม่ส่ง เพราะจะไม่ได้ประโยชน์ในปาร์ตี้ลิสต์จากสูตรการเลือกตั้งแบบใหม่
      ขณะที่พรรค ทษช.มีการประชุมสมาชิกพรรคเพื่อหารือและพูดคุยถึงความต้องการในการทำงานด้านต่างๆ และได้ตั้งคณะทำงาน  5 คณะ ประกอบด้วย คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ คณะทำงานด้านเทคโนโลยี คณะทำงานด้านต่างประเทศ คณะทำงานด้านกฎหมาย การเมืองและความมั่นคง และคณะทำงานด้านสังคม
      รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีการตั้งข้อสังเกตว่าพรรค พท.จะฮั้วเลือกตั้งกับ ทษช.เพื่อเอาชนะระบอบจัดสรรปันสวนผสม ว่ายังไม่ถึงขั้นฮั้วกันทางการเมือง ส่วนเงื่อนไขที่จะฮั้วทางการเมืองและนำไปสู่การยุบพรรคนั้น ต้องมีลักษณะมีแบ่งหน้าที่กันชัดเจน เช่น อย่าเลือกพรรคเพื่อไทยเขตนี้และไปเลือก ทษช.แทน หรือมีหลักฐานว่าคนทั้งสองพรรคบงการหรือครอบงำซึ่งกันและกัน มีผลประโยชน์ให้แก่กัน เช่น การให้เงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนต่างๆ
      ส่วนที่โรงแรมเคพี อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี พรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2561 เพื่อแก้ไขกฎระเบียบข้อบังคับพรรค เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค และเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ใน จ.อุดรธานี โดยมีนายธนาพร ศรียากูล หัวหน้าพรรค และสมาชิกประชุมกว่า 330 คน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"