ปปช.เมินเจ๊แดงหนีตปท. ลุยฟัน‘จีทูเจี๊ยะ’ล็อตสอง


เพิ่มเพื่อน    

 "วัชรพล" เดินหน้าไต่สวนเพิ่มเติมแก๊งจีทูจีล็อต 2 ยันไร้ปัญหาหาก "เจ๊แดง" เผ่นหนีออกนอกประเทศ ระบุถ้าไปจริงถือว่าเสียโอกาสแก้ข้อกล่าวหา "วรวัจน์"  รีบชิ่งอ้างไม่ได้ติดต่อ "เยาวภา" มากว่า 2-3 เดือน "ป.ป.ช." เตรียมเชิญผู้เกี่ยวข้องถกปมร้อนยื่นบัญชีทรัพย์สิน 4 ม.ค.62 "เลขาฯ องค์กรต้านคอร์รัปชัน" จับตาอุ้ม กก.มหาวิทยาลัยไม่ต้องแจงบัญชีต้องมีเหตุผลอธิบาย  

    เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ   ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ล็อต 2  ว่า ป.ป.ช.ได้แจ้งผู้ถูกไต่สวนแล้วตามกระบวนการ ซึ่งผู้ถูกไต่สวนมีสิทธิ์คัดค้านได้ ขณะเดียวกันก็ได้สั่งไต่สวนผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมด้วย รวมถึงการสอบถามผู้ที่ถูกดำเนินคดีเพื่อพิจารณาว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่
    ถามถึงกระแสข่าวนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ผู้ที่มีชื่อจะถูกกล่าวหาในคดีนี้ได้หลบหนีออกนอกประเทศ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ตามกระบวนการของกฎหมายใหม่ แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะหลบหนีออกนอกประเทศ คดีก็จะไม่สะดุดหยุดลง สามารถเดินหน้าสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานได้ตามกฎหมาย แต่ผู้ถูกกล่าวหาจะไม่มีโอกาสชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยกระบวนการหลังจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในสำนวนคดีได้
    ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ในฐานะคนสนิทนางเยาวภา กล่าวว่า ตนเองไม่ได้พบคุณแดง (นางเยาวภา) มาประมาณ 2-3 เดือนแล้ว และไม่ได้คุยกันเลย ไม่ได้โทร.หากันเลย เนื่องจากทางคุณแดงเขาถอยออกไปจากการเมืองไประยะหนึ่งแล้ว ตนเลยไม่ทราบข่าวว่าไปไหนอย่างไร
    “ที่ได้คุยเขาก็ถอยออกจากการเมือง เขาถอยมาตลอด ไม่ได้มายุ่งกับเรื่องในพรรคเลย แกบอกว่าจะไม่ยุ่ง จึงถอยออกไป แล้วเมื่อเขาขอว่าเขาไม่ยุ่ง ผมก็ไม่ได้คุยเลย ไม่รู้ว่าอยู่ไหนเหมือนกัน ไม่ได้ถาม ไม่ได้พบ ไม่ได้ตามด้วย” คนสนิทนางเยาวภากล่าว
    วันเดียวกัน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีมีคำสั่งหัวหน้า คสช.เกี่ยวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วย ป.ป.ช. และประกาศ ป.ป.ช. กรณีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินว่า คำสั่ง คสช.เรื่องดังกล่าว ถือเป็นคำสั่งที่ช่วยคลายล็อกการทำงานให้กับ ป.ป.ช. ให้สามารถใช้ดุลพินิจในการกำหนดตำแหน่งเฉพาะหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งที่ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินได้ ซึ่งในวันที่ 4 ม.ค.62 ป.ป.ช.จะเชิญหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องมาหารือ เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับรายละเอียดตามมาตรา 102 ที่กำหนดให้กรรมการและผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานรัฐทุกแห่งต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน 
    "หลังจากการหารือแล้วจะมีการแก้ไขประกาศ ป.ป.ช.เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ซึ่งเมื่อมีการแก้ไขประกาศ ป.ป.ช.แล้ว ก็จะส่งผลให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยและกรรมการกองทุนบางหน่วยงานไม่ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน" ประธาน ป.ป.ช.กล่าว
    นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า สุดท้ายถ้ามีการยกเลิกไม่ให้ตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยต้องแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ป.ป.ช.จะต้องมีเหตุผลที่หนักแน่น ไม่ให้ประชาชนเข้าใจได้ว่า ป.ป.ช.กำลังเอาใจใคร ต้องรักษาจุดยืนที่ต้องทำงานอย่างเที่ยงตรง ยึดหลักโปร่งใส มีธรรมาภิบาล และป้องกันคอร์รัปชัน เพราะปัญหาใหญ่ที่คนกำลังสงสัยคือ ถ้าเกิดเป็นชนชั้นนำ คนที่มีอำนาจและคนรวย ป.ป.ช.ก็ไม่กล้าที่จะเกี่ยวข้องหรือเข้าไปตรวจสอบ จะทำให้ประชาชนไม่ให้การสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาทุจริตที่เป็นปัญหาของประเทศ และจะแก้ไขปัญหาทุจริตไม่ได้ จะทำให้ปัญหาทุจริตอยู่ในจุดที่วิกฤติ
    "มีคนเคยเปรียบเปรยไว้ว่า 100 คนคิด 1 คนแก้ แล้วคนแก้ก็เหมือนว่าจะรอบรู้และเข้าใจไปหมดทุกอย่าง ทั้งที่จริงอาจเป็นการทำลายระบบนิติรัฐ สำหรับประกาศ ป.ป.ช. เรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ นั้น ผ่านคนทำมาเป็นร้อยคน ทั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.), สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และป.ป.ช. ต้องผ่านขั้นตอนที่มีอยู่เยอะ แต่ คสช.ที่เหมือนคนเดียวกลับใช้วิธีการแก้ไขที่ไม่ธรรมดา" นายมานะกล่าว
    เลขาฯ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันกล่าวว่า องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ จะติดตามประกาศ ป.ป.ช.ฉบับใหม่ที่กำลังแก้ไขกันอยู่ว่าจะออกมาอย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจและคำนึงกันมาก ซึ่งไม่ว่าจะมีการยกเลิกตำแหน่งใดนอกเหนือจากกรรมการสภามหาวิทยาลัย ป.ป.ช.จะต้องมีเหตุผลที่มีน้ำหนัก ประชาชนฟังและเข้าใจได้
    ขณะที่นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ตนได้รับรายงานสรุปจากคณะทำงานตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว และเตรียมจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของ ป.ป.ช.ภายในสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ 
    ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกับ ป.ป.ช. ได้มีมติเห็นชอบ 3 แนวทางปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อน มุ่งรักษาสิทธิเสรีภาพประชาชน ขจัดปัญหาเรื่องร้องเรียนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม รวมถึงประเด็นทุจริตประพฤติมิชอบ 
    โดย 1.เรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับการทุจริตและมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนเสียหาย กรณีคำร้องเรียนระบุชัดเจนว่าเป็นการทุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการตั้งแต่ชั้นของการรับคำร้องไว้พิจารณา ส่วนกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินแสวงหาข้อเท็จจริงแล้วพบว่าเป็นการทุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดินจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป
    "กรณีผู้ตรวจการแผ่นดินหยิบยกปัญหาความเดือดร้อนเสียหายขึ้นพิจารณา แล้วพบว่ามีปัญหาการทุจริตด้วย ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในส่วนของการทุจริต และดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในส่วนที่ขจัดความเดือดร้อนให้กับประชาชน และกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่าเป็นเรื่องทุจริต แต่เป็นเรื่องที่มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนเสียหายด้วย คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการต่อไป" พล.อ.วิทวัสกล่าว
    ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าวว่า แนวทางที่ 2 การเปิดเผยข้อมูลระหว่างกันในการปฏิบัติหน้าที่ และการเชื่อมโยงระบบข้อมูล ให้มีการเชื่อมโยงระบบข้อมูลร่วมกัน พร้อมตั้งคณะผู้ประสานงานด้านข้อมูลของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อให้ความรวดเร็วในการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูล เช่น ระบบอิเล็กทรอนิกส์ และ 3.การส่งเสริมธรรมาภิบาลและต่อต้านการทุจริต กำหนดแนวทางปฏิบัติการร่วมกันเกี่ยวกับการส่งเสริมธรรมาภิบาลและต่อต้านการทุจริตระหว่างองค์กรอิสระทุกองค์กร เช่น จัดโครงการรณรงค์ส่งเสริมธรรมาภิบาล และป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบในพื้นที่ต่างๆ การจัดเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับภาคประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของภาครัฐในมิติต่างๆ
    "หัวใจหลักสำคัญคือการมุ่งขจัดความเดือดร้อน โดยกำหนดกรอบแนวปฏิบัติให้เกิดความชัดเจน และเกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ร้องเรียนอย่างเต็มที่ เพื่อมุ่งรักษาสิทธิเสรีภาพของประชาชน หากเรื่องไหนเป็นเรื่องทุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดินจะส่งประเด็นดังกล่าวให้ ป.ป.ช. เพื่อใช้อำนาจและกฎหมายของ ป.ป.ช.ในการนำไปสู่กระบวนการไต่สวนและลงโทษเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดทุจริตและประพฤติมิชอบดำเนินการต่อไป" ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"