อยู่เฉยๆก็ได้เปรียบ ‘วิษณุ’เผย‘มาร์ค-แม้ว-ปู’รู้ดี ทูลเกล้าฯพ.ร.ฎ.เลือกตั้งแล้ว


เพิ่มเพื่อน    

  สะพัด กกต.ห้ามนำรูป “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-ชวน” ใช้ในป้ายหาเสียง ส.ส. แต่รองเลขาฯ กกต.ยันกรณี "ชวน" ใช้ได้เพราะเป็นโลโก้พรรค "วิษณุ" เผยทูลเกล้าฯ ถวายร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งแล้ว ยอมรับอยู่เฉยๆ รัฐบาลก็ได้เปรียบ "ดอน" ยืนกรานไม่เชิญต่างชาติดูเลือกตั้ง "มาร์ค" เปิดนโยบายการศึกษา เกิดปั๊บรับสิทธิ์เงินแสน เบี้ยเด็กเข้มแข็ง พันบาทต่อเดือนแบบถ้วนหน้า เรียนฟรียาวพร้อมคูปอง "สมศักดิ์" ปราศรัยเดือดขุด "เหลือง-แดง" ปิดเมือง "บิ๊กตู่" เป็นอัศวินขี่ม้าขาว

    เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน กกต.ว่า กกต.ร่างระเบียบที่เกี่ยวกับการหาเสียง ซึ่งกำหนดการจัดทำแผ่นป้ายหาเสียงสำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.เสร็จเรียบร้อบแล้ว โดยกำหนดว่า ผู้สมัคร ส.ส.เขตจัดทำแผ่นป้ายคัตเอาต์หาเสียงของตัวเองได้จำนวนไม่เกิน 2 เท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้งในแต่ละเขต
    ขณะที่พรรคการเมืองสามารถจัดทำป้ายคัตเอาต์หาเสียงได้เอง จำนวนไม่เกิน 1 เท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้งในแต่ละเขต โดยในส่วนของ กกต. จัดทำแผ่นป้ายหาเสียงขนาด A3 ให้ผู้สมัครแต่ละคนอย่างเท่าเทียมกัน ขนาดและสถานที่ติดตั้งป้ายขึ้นอยู่ กกต. กำหนด
    ในส่วนของรถหาเสียง ผู้สมัครแต่ละเขตมีรถแห่หาเสียงได้ไม่เกิน 10 คัน ห้ามใช้รูปบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้สมัคร ส.ส.เขต หัวหน้าพรรค หรือว่าที่นายกรัฐมนตรี ตามที่พรรคเสนอ
    สำหรับแผ่นป้ายหาเสียง กกต.กำหนดให้ใช้เฉพาะรูปผู้สมัคร ส.ส.เขตแต่ละเขต หัวหน้าพรรค และว่าที่นายกรัฐมนตรีตามที่พรรคการเมืองเสนอเท่านั้น ไม่สามารถใช่รูปบุคคลอื่น หรือผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในการหาเสียงได้ ดังนั้นส่งผลให้พรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักษาชาติไม่สามารถใช้ภาพของอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หาเสียงได้ เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่สามารถใช้ภาพนายชวน หลีกภัย ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อได้เช่นกัน
    อย่างไรก็ตาม นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ว่า แม้นายชวนไม่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ก็นำรูปขึ้นได้ เพราะเป็นโลโก้หรือแบรนด์ของพรรคไปแล้ว ซึ่งไม่มีข้อห้ามใดๆ
    นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามความเข้าใจ กกต.ไม่ได้ห้ามการมีชื่อ 3 คนที่ทางพรรคจะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ตนยังไม่ทราบว่า 3 ชื่อที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีจะมีชื่อนายชวนหรือไม่ในพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ กรรมการสรรหาในพรรคยังไม่ได้มีการตกลงกัน แต่ถ้าหากนายชวนอยู่ในรายชื่อทั้ง 3 คน ก็สามารถขึ้นป้ายหาเสียง รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนกรณีนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ขึ้นไม่ได้ เพราะหนีคดี ไม่ได้มาเกี่ยวข้องหรืออยู่ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่จะมีการเสนอของพรรคการเมือง
          "ถ้าเป็นหัวหน้าพรรคหรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็สามารถขึ้นป้ายได้ เพราะนอกจากจะมีหัวหน้าพรรคแล้ว ยังมีการเสนอเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกด้วย เมื่อพรรคได้รับเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล จึงสามารถนำมาขึ้นได้ หัวหน้าพรรคก็นำมาขึ้นได้"
รูปใครไม่สำคัญ
    เขากล่าวว่า รายละเอียดยังไม่ชัดเจนว่าจะขึ้นร่วมกันหรือขึ้นแยกกัน เพราะว่าเลือกคนเดียวเบอร์เดียว สมมุติว่าถ้าขึ้นคนละแผ่น ขึ้นหัวหน้าพรรค ก็ไม่ทราบว่าจะใส่เบอร์อะไร เพราะว่าแต่ละจังหวัดก็ไม่เหมือนกัน แต่ละเขตเบอร์ก็ไม่เหมือนกัน ตนยังงงกับกรณีดังกล่าว
    นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้จะมีรูปใครอยู่ในป้ายไม่ใช่สาระสำคัญอีกแล้ว เพราะประเด็นอยู่ที่ 4 ปีที่ผ่านมาต่างหากว่ารัฐบาล คสช.ได้ทำอะไรไว้บ้าง แม้การออกกฎกติกาแบบนี้เสมือนว่าเป็นการกีดกันไม่ให้พรรคเพื่อไทยใช้รูปนายทักษิณกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนไม่โง่ นโยบายต่างๆ ที่พรรคเพื่อไทยทำมานับตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ชี้ชัดแล้วว่ามันอยู่ในใจประชาชน และที่สำคัญ ถ้าฝ่ายผู้มีอำนาจคิดว่าการกีดกันแบบนี้พรรคพลังประชารัฐจะชนะ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้กลับมาเป็นนายกฯ ก็ทำไป แต่อย่าลืมนิสัยคนไทยก็แล้วกันว่าเขาชอบดูมวยรอง 
    "สงสารคนถูกเอาเปรียบ ยิ่งวันนี้แม้การเปิดตัวว่า เป็นเบอร์ 1 ในบัญชีรายชื่อพรรคประชารัฐยังไม่กล้าเลย อย่าว่าแต่การกีดกัน 2 พี่น้องอดีตนายกฯ ต่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้ออกกฎห้ามใช้ป้ายในการหาเสียง ประชาชนเขาก็พร้อมใช้ปากกาด้ามเดียวพิพากษา สิ่งที่รัฐบาลทำไว้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา" นายสมคิดกล่าว
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนำร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายว่า คาดว่ามีการนำร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้ว 
    เมื่อถามกรณีที่ กกต.ระบุว่าจะรู้วันเลือกตั้งที่ชัดเจนจะเป็นวันที่ 24 ก.พ.62 หรือไม่ ต้องรอร่าง พ.ร.ฎ.ให้การเลือกตั้งประกาศในราชกิจานุเบกษา ไม่เกิน 4 ม.ค.62 รองนายกฯ ตอบว่า ไม่จำเป็น เพราะเป็นเพียงการกะเกณฑ์ของ กกต. แต่สามารถปรับได้ เพราะเขากะตามที่สะดวกของเขา โดยนับตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.ถัดจากนั้น 7 วัน ต้องมีเลือกตั้งล่วงหน้า ก่อนหน้านั้น 2 สัปดาห์เป็นการเลือกตั้งต่างแดน หากนับถอยไปอีกเป็นการรับสมัคร พอคิดอย่างนี้ กกต.เลยคิดว่าต้องประกาศวันที่ 4 ม.ค. ซึ่งถ้าช้ากว่านี้ วันเลือกตั้งยังเป็นวันที่ 24 ก.พ.ได้ เพียงแต่ต้องปรับวันเลือกตั้งล่วงหน้ากับนอกราชอาณาจักร ซึ่งไม่ต้องต่อกัน ทับวันกันก็ได้
    ถามว่า ปฏิทินที่พรรคการเมืองจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ให้มาอยู่ในบัญชีเพื่อเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีเริ่มทำได้เมื่อไหร่ นายวิษณุแจงว่า การทาบทามทำได้เลย แต่การเสนอชื่อให้ กกต.ต้องอยู่ภายใน 5 วันที่มีการเปิดรับสมัคร จะก่อนไม่ได้ หลังไม่ได้ ทั้งนี้หลังจากเสนอชื่อให้กับ กกต.แล้ว ก็ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ ไม่ได้มีข้อห้ามอะไร เพราะเป็นเพียงรายชื่อที่พรรคเสนอ ไม่ได้เป็นผู้สมัคร
คนเป็นรัฐบาลย่อมได้เปรียบ
    “ก็เป็นเหมือนนายกรัฐมนตรีคนอื่นที่ผ่านมา ส่วนเรื่องการหาเสียงต้องให้พรรคพูด นายกฯ จะพูดในแง่ของรัฐบาลเท่านั้น พูดอะไรก็ตามต้องตั้งต้นด้วยการเป็นรัฐบาล ไม่ใช่พรรคการเมือง เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ ทั้งคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ยุบสภาและไปหาเสียง หรือแม้กระทั่งนายทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ครบเทอมแล้วก็ไปหาเสียง ซึ่งรู้ว่าต้องพูดอย่างไร แต่อาจแตกต่างตรงที่ท่านนายกฯ ไม่ได้เป็นผู้สมัคร ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค จะพูดได้ก็แค่รณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ไม่ต้องห่วงหรือระมัดระวังอะไร”
    เมื่อถามว่า การประชุม ครม.สัญจร ยังสามารถมีได้ไปจนถึงเดือน ก.พ. ที่มีการเลือกตั้งเลยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า มีได้ปกติ เพราะได้มีการกำหนดไว้ล่วงหน้านานแล้ว สามารถมีไปได้เรื่อยๆ
    ถามว่า มีได้ แต่อาจไม่เหมาะสมหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม เพราะถึงอย่างไร ครม.ก็ต้องประชุมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะประชุมที่กรุงเทพฯ หรือสัญจรไปต่างจังหวัดก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่การประชุมสัญจร อาจได้ลงพื้นที่ได้พบประชาชนเท่านั้น
    “ต้องยอมรับว่าคนเป็นรัฐบาลย่อมมีโอกาสได้เปรียบ แต่จะไปเอาเปรียบไม่ได้ อยู่เฉยๆ ก็ได้เปรียบ เพราะมีงานทำ มีผลงาน ทั้งนี้ การมองว่ารัฐบาลเอาเปรียบหรือไม่เอาเปรียบ มีเส้นแบ่งบางๆ ที่แล้วแต่ใครจะมองอย่างไร ถ้าแบ่งโดยกฎหมาย มันก็มีเส้นแบ่งชัดเจนตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นคนข้างนอกมองก็ต้องปล่อยไป ห้ามกันไม่ได้ แล้วแต่จะมอง ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากในเรื่องพวกนี้ เมืองไทยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาเยอะแล้ว” นายวิษณุกล่าว
    ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า เราเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติที่อยู่ในสถานทูตประเทศต่างๆ ช่วยเป็นหูเป็นตา สังเกตการณ์การเลือกตั้งในไทยได้ แต่ไม่ควรให้ชาวต่างชาติซึ่งอยู่นอกประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์ เพราะจะถือเป็นการเอาคนข้างนอกเข้ามา แต่การให้สถานทูตในไทยมาสังเกตการณ์นั้น ยังถือว่าเป็นการดำเนินการภายในประเทศอยู่ โดยจะทำให้ภาพรวมของการเลือกตั้งไทยดีกว่า
    “เรื่องของประเทศ ทำไมต้องให้คนนอกประเทศมาตามดูเพื่อจะหาปัญหา เพราะประเทศที่เจริญแล้วอย่างญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ก็ไม่มีต่างประเทศเข้ามาเกาะติดเรื่องบ้านเมืองเขา ดังนั้น ถ้าเกิดต่างชาติเข้ามาติดตามการเลือกตั้งในไทย ก็แสดงว่าประเทศไทยยังมีปัญหา จึงถามว่าเราอยากให้บ้านเมืองเรามีปัญหา หรือเราคิดว่าเราดูแลเองได้ แม้ตอนนี้จะมีรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร แต่เราจัดการเองได้ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจ เป็นเกียรติเป็นศรีอย่างหนึ่งของคนไทย เพราะที่สุดแล้ว เราก็จะสามารถยืนขึ้นเองได้ เดินเองได้” นายดอน กล่าว
เราควรเดินเอง
    นายดอนกล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลจะให้ความสำคัญกับความเข้าใจในสถานการณ์ไทยต่อต่างประเทศ ได้ตอบข้อข้องใจต่างๆ เพื่อความกระจ่างอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อถึงจุดที่เราสามารถเดินได้แล้ว เราก็ควรเดินเอง ซึ่งที่ผ่านมาในหลายประเทศที่จัดการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย บังกลาเทศ ก็ไม่มีต่างชาติให้ความสนใจเข้าไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งส่งผลดีต่อประเทศนั้นๆ เองด้วย เพราะสามารถจัดการเลือกตั้งเองได้ เช่นเดียวกับไทย หากประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง แล้วบริหารจัดการเองได้ ย่อมจะดีกว่าให้คนต่างประเทศเข้ามาคุมอยู่ตลอดเวลา
    เมื่อถามว่า หากไม่ให้ต่างชาติเข้ามา จะถูกวิจารณ์ในเรื่องความโปร่งใสหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า คิดว่า กกต.จะเชิญชวนประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่สถานทูตในประเทศไทยมาสังเกตการณ์ นั่นก็มีชาวต่างชาติมาสังเกตการณ์เกือบ 100 คนแล้ว ยิ่งเมื่อบวกกับคนไทยที่เป็นผู้สังเกตการณ์ด้วย ก็ถือว่าเพียงพอ ถือว่าเป็นการบริหารจัดการกันเองภายใน ซึ่งถือว่าสมศักดิ์ศรี ชอบธรรม 
    ที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 2 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์การเลือกตั้งปี 62 เป็นการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และอาจทำให้ซ้ำรอยเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ รอบ 2 ว่า ประชาชนทั้งประเทศคาดหวังที่จะให้การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 ก.พ.2562 เป็นการเลือกตั้งที่ดี และจะมีสิ่งดีๆ ให้กับบ้านเมือง เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่พยายามวาดภาพให้เห็นว่าการเลือกตั้งเป็นเรื่องเลวร้าย เลือกตั้งแล้วจะเกิดเหตุร้าย เป็นการกำลังทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของประชาชน
    “ผมเชื่อว่าการเลือกตั้งคราวนี้ เลือกตั้งแล้วต้องเรียบร้อย บ้านเมืองต้องดีขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ใครมาให้บ้านเมืองวุ่นวายเสียหาย และไม่มีใครกล้าทำอะไรวุ่นวาย ประชาชนไม่ต้องการ เพราะไม่มีใครใหญ่กว่าประชาชน เรื่องอนาคตของประเทศ ประชาชนตัดสินเอง ผลการเลือกตั้งจะบอกกับเราว่า ประชาชนได้กำหนดทิศทางของประเทศอย่างไร” 
    เมื่อถามถึงกรณี 4 รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ถึงเวลาที่ควรลาออกจากตำแหน่งหรือไม่นายสุเทพตอบว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถ้าเขาปฏิบัติตามกฎหมายแล้วเราบอกยังไม่พอ ต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้อีก ก็ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่จบ
    "ถ้าลองหลับตานึกถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป การเลือกตั้งทั่วไปจะเกิดขึ้นโดยคนที่เคยเป็นรัฐบาลต้องเป็นรัฐบาลรักษาการมาปฏิบัติหน้าที่ ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็ต้องไปชี้หน้าว่าเขาว่าเอาเปรียบคนอื่นกันหมด บ้านเมืองก็วุ่นวาย" นายสุเทพกล่าว
โต๊ะจีน 240 โต๊ะ โต๊ะละล้าน
    สำหรับเลือกหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 7 คน ซึ่งมีการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังศูนย์จังหวัดต่างๆทั่วประเทศ จำนวน 17 จุดด้วย 
    ทั้งนี้ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครปช. กล่าวว่า ในวันที่ 18 ธ.ค.นี้ พรรค รปช.จะจัดงานระดมทุนเข้าพรรคในรูปแบบโต๊ะจีนจำนวน 240 โต๊ะ โต๊ะละ 1 ล้านบาท ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
    ด้านนายสุเทพชี้แจงว่า ได้กำชับไปแล้วว่าการทำงานจะต้องเป็นทีม และต้องรับผิดชอบร่วมกัน ถ้ามีจำนวนมากเกินไปจะทำให้ยุ่งไปหมด และจะกลายเป็นกรรมการงานวัด ตนไม่สามารถไปเปรียบเทียบกับพรรคอื่นได้ ขณะเดียวกันจะต้องไม่ยอมให้คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นตัวแทนของจังหวัดของภาคและเป็นมุ้งใดมุ้งหนึ่งของจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง แต่เราต้องการให้คณะผู้บริหารพรรคเป็นคนของพรรค และเป็นคนที่สมาชิกจะต้องไว้ใจ ฉะนั้นใครจะขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ประชาชนจะต้องไว้ใจที่สุด
    จากนั้น ที่ประชุมได้เข้าสู่วาระการแก้ไขข้อบังคับพรรค โดยที่ประชุมให้การรับรองการแก้ไขข้อบังคับพรรค และรับรองมติของนายเอนกที่เสนอไม่ต้องเลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เหรัญญิกพรรค นายทะเบียนสมาชิกพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยขอให้ใช้กรรมการบริหารพรรคชุดเดิมซึ่งมี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล เป็นหัวหน้าพรรค และนายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง เป็นเลขาธิการพรรค
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมการบริหารพรรค 2 คน คือ น.ส.สุเนตตา แซ่โก๊ะ และนายวีระชัย คล้ายทอง ลาออก จึงได้มีผู้เสนอชื่อนายเอนกและนายจักษ์ พันธ์ชูเพชร ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค เป็นกรรมการบริหารพรรคแทน ซึ่งที่ประชุมก็ได้ลงคะแนนรับรอง โดยสมาชิกผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนได้เข้าคูหากาบัตรลงคะแนนรับรองบุคคลทั้ง 2 เป็นกรรมการบริหารพรรค 
    ต่อมา ที่ประชุมเข้าสู่การเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง 11 คน และเลือกคณะกรรมการจริยธรรมและวินัย จำนวน 5 คน ประกอบด้วย 1.นายสมศักดิ์ บุญยืน 2.พล.ท.หญิงดวงกมล สุคนธทรัพย์ 3.นายสมบูรณ์เกียรติ เกษมสุวรรณ 4.พล.ต.ต.พิกัด ตันติวงษ์ และ 5.นายสุนนท์ คชพลายุกต์
    ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเปิดตัวนโยบายครั้งแรก เรื่องการศึกษายกระดับคุณภาพลูกหลานไทย ว่า นโยบายการศึกษาจะดำเนินการใน 10 ข้อหลัก ซึ่งจะตอบโจทย์การศึกษาตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ คือ 1.เกิดปั๊บรับสิทธิ์เงินแสน เบี้ยเด็กเข้มแข็ง 0-8 ปี 1000 บาทต่อเดือนแบบถ้วนหน้า เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของเด็กตลอดปี 2.ศูนย์เด็กเล็กคุณภาพดีทั่วประเทศจัดการศึกษาปฐมวัยให้มีคุณภาพ พัฒนาหลักสูตรที่เน้นกระบวนการคิด เพิ่มครูปฐมวัยทั่วประเทศ เพื่อให้เด็กมีการพัฒนาเติบโตอย่างมีคุณภาพในทุกด้าน 
อาหารฟรีมีคูปอง
    3.อาหารเช้า-กลางวันฟรี มีคุณภาพ ให้กับนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษาปีที่ 3 ผ่านสถานศึกษา โดยคำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการที่นักเรียนควรได้รับ 4.เด็กทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้ ด้วย English for All จัดการเรียนการสอนโดยเจ้าของภาษา เน้นทักษะการสื่อสารตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ของสังคมไทย 5.ปรับหลักสูตรเพื่อโลกอนาคต ตั้งแต่ระดับปฐมที่เน้นการคิดวิเคราะห์มากกว่าการท่องจำ
    6.เรียนฟรีถึงระกับ ปวส. จบแล้วมีงานทำ ในอาชีวศึกษาภาครัฐและเอกชน ทั้งสายช่างและพาณิชย์ พัฒนาระดับฝีมือ ทักษะการทำงานจริงเพื่อผลิตบุคลากรให้ตรงตามความต้องการของตลาด 7.การศึกษาตลอดชีวิต คูปองเพิ่มทักษะสำหรับผู้ใหญ่ แจกคูปองเพิ่มทักษะและส่งเสริมการเรียนรู้เพิ่มทักษะในด้านต่างๆ สำหรับประชาชนทุกช่วงวัย ให้ทันสมัยต่อความเปลี่ยนแปลง เพิ่มโอกาสสร้างอาชีพ 8.คืนครูให้นักเรียน ลดภาระงานของครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน 9.จัดตั้งกองทุน Smart Education เพื่อสนับสนุน Social Enterprise และ Startup ด้านการศึกษา รวมถึงการนำเทคโนโลยี EdTech (Education Technology) เพื่อใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอน และการสอบให้มีประสิทธิภาพ และ 10.การกระจายอำนาจจากกระทรวงสู่โรงเรียน
    ที่จังหวัดนครราชสีมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการกลั่นกรองผู้สมัครทั่วประเทศ 350 เขตเลือกตั้ง แกนนำพรรคพลังประชารัฐและกลุ่มสามมิตร ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนและเปิดเวทีปราศรัย ตอนหนึ่งว่า ถ้าหากพล.อ.ประยุทธ์คิดสืบทอดอำนาจในขณะที่จะเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.25620 จะเห็นได้ว่าผู้สมัครแต่ละเขต 350 เขตไม่มีทหารพลเอก พลโท เข้ามาสมัครแม้แต่คนเดียวและแบบบีญชีรายชื่อก็เหมือนกัน เรื่องนี้เป็นประจักษ์พยานที่เห็นอยู่แล้ว 
     นายสมศักดิ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีประเด็นเห็นความแตกแยกเริ่มปริขึ้นมาแล้ว แค่ คสช.ปลดล็อกการเมืองได้ 2 วัน ก็มีคนออกมาพูดจะแก้รัฐธรรมนูญเป็นการพูดปูทาง ทั้งที่เรายังไม่ได้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างเต็มที่เลย เช่นครั้งหนึ่งการออกกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นหนทางแห่งความยุ่งยากอย่างมากมาย ก็ขอเล่นให้ประชาชนฟังเพื่อทบทวนความจำ ในปี 2553 พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ  กลุ่มเสื้อแดงมีม็อบปิดถนน ห้างเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถูกเผา สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิถูกปิด การประชุมนานาชาติที่เมืองพัทยาในระดับนายกรัฐมนตรีของอาเซียนเข้าประชุมและออกจากที่ประชุมไม่ได้เพราะคนเสื้อแดงปิดล้อม ศาลากลางจังหวัดภาคอีสานมีเสื้อแดงเข้าไปอยู่เต็ม และจุดไฟเผา สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นต้นเหตุให้เกิดการสลายการชุมนุมวันที่ 19 พ.ค.2553 มีคนเสียชีวิตกว่า 50 คน รวมทั้งคนที่สูญหายกว่า 600 คน 
เหลือง-แดงปิดเมือง
    รัฐบาลอึดอัดมาก พยายามแก้ปัญหาอยู่พักหนึ่ง แต่แล้วก็อยู่ไม่ได้ ต้องยุบสภาเลือกตั้งปี 2554 ได้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีทำงานระยะหนึ่ง แล้วถูกกดดันคนเสื้อแดงบางคนที่ถูกคดีเผาศาลากลางจังหวัด คดีแรกศาลตัดสินประหารชีวิต และคนที่ถูกคดีอีกหลายคนอยู่ในกลุ่มเผาศาลากลาง ปิดสนามบิน และปิดกั้นล้มการประชุมนานาชาติเมืองพัทยาถูกข้อหาเป็นกบฏ ก็กดดันให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่เข้าสู่สภาผู้แทนฯ เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2556 มีการพิจารณา 3 วาระรวดในวันเดียว ซึ่งปรกติกฎหมายฉบับใหญ่ต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ แล้วแต่ความยุ่งยาก แต่กฎหมายฉบับนี้เกี่ยวข้องกับคนที่ถูกประหารชีวิต และคนที่จะต้องขึ้นศาลอีกหลายคดีมีการพิจารณากันคืนเดียวเสร็จ เวลาประมาณ 02.30 น. เขาเลยให้ฉายากฎหมายฉบับนี้ โดยสื่อมวลชนบอกว่ากฎหมายฉบับลักหลับ แต่ต่อมาอีกสัปดาห์กฎหมายนี้ไม่ผ่านวุฒิสภา
     “การชุมนุมม็อบเสื้อเหลืองและเสื้อแดงทวีความรุนแรงขึ้น เสื้อเหลืองพัฒนาเป็นการขับไล่รัฐบาลตั้งอยู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ส่วนเสื้อแดงไปอยู่ที่ถนนอักษะ สร้างความวุ่นวายปิดถนนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ นักท่องเที่ยว นักลงทุนต้องถอนสมอกลับ และ 40 ประเทศประกาศไม่ให้มาเที่ยวประเทศไทย ประเทศไทยขณะนั้นผู้คนทนไม่ไหวไปร้องขอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแก้ไขให้ส่วนต่างๆ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้เชิญม็อบทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยหลายวัน 4 วันก็ไม่จบ วันที่ 5 เชิญนายสุเทพกับนายจตุพรมาคุยจะเลิกการชุมนุมหรือไม่เลิก ที่สุดบอกว่าไม่เลิก พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวขอโทษจำเป็นต้องยึดอำนาจแล้วเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารราชการแก้ปัญหาของความวุ่นวายเกิดความสงบสุข นักท่องเที่ยว นักลงทุนก็กลับมาเหมือนเดิมเงินหลายล้านล้านก็กลับมา"
    นายสมศักดิ์กล่าวว่า จนถึงวันนี้พรรคพลังประชารัฐมั่นใจว่าจะได้ตัวเลขที่นั่ง ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสานมากกว่า 50 ที่นั่ง และขณะนี้ตัวเลขที่นั่ง ส.ส.ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเรื่องการที่พรรคพลังประชารัฐจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อนั้น คงต้องรอในส่วนของการประกาศกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งก่อนก็จะมีความชัดเจนมากขึ้น                                                       
    ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการบรรยายในหัวข้อ "สิ่งที่ต้องจับตาในการสังเกตการณ์การเลือกตั้ง" โดยนายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอให้ร่วมกันส่งพลังกดดันไปยัง คสช. ให้เลิกใช้ ม.44 ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ได้รับเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ไม่ว่าจากพรรคใด อย่างน้อยแม้ไม่ลาออกจากนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ควรลาออกจากหัวหน้า คสช. เพราะขณะนี้สวมหมวกอยู่หลายใบ การลาออกจากหัวหน้า คสช. จะทำให้สง่างามมากกว่า. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"