แม้จะอยู่ในแวดวงวิชาการมานาน เป็นทั้งอาจารย์สอนหนังสือ แต่สำหรับงานการเมือง ในฐานะนักการเมืองหน้าใหม่ ถือว่าเพิ่งเริ่มต้น น.ส.อรุณี กาสยานนท์(หญิง) รองโฆษกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) หรือ ดร.อรุณี มีความสนใจมานาน มีไอเดียความคิดอยากนำเสนอ อยากเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า โดยเฉพาะด้านการศึกษา ที่เจ้าตัวคุ้นเคย สัมผัสมานาน

        ดร.อรุณีบอกว่า ส่วนตัวสนใจการเมือง ทำงานการเมือง เราต้องการให้อุดมการณ์ นโยบายไปสู่การปฏิบัติ แม้จะนำเทคโนโลยีมาใช้ในการศึกษาให้มาใช้งานง่ายๆ จะทำได้ต้องผ่านนโยบายการเมืองเท่านั้น ถ้าทำได้ในนโยบายจะเกิดผลมากกว่า ส่วนตัวจบการเมืองและนโยบายสาธารณะ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการกำหนดนโยบาย และเคยเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ก็คิดว่าถ้าเราได้มาเปลี่ยนแปลง เสนอความคิดเห็น ก็น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง

        ความสนใจการเมืองจริงๆ อาจจะเป็นตั้งแต่มัธยม เคยเป็นประธานนักเรียน ประธานนักเรียนระดับจังหวัด เข้าไปสู่มหาวิทยาลัยก็ทำกิจกรรมระดับจังหวัด ปริญญาตรีจบรัฐศาสตร์ ก็อินไปในตัว ประกอบกับเราทำกิจกรรมด้วย

เคยเปิดตัวเพื่อไทยในนามคนรุ่นใหม่มาก่อน แต่วันนี้มาพรรคไทยรักษาชาติ

        อาจจะมีคำถาม เราเคยเปิดตัวคนรุ่นใหม่พรรคเพื่อไทยมาก่อน แต่ต่อมาทำไมมาร่วมงานคนรุ่นใหม่พรรคไทยรักษาชาติ จริงๆ ทั้งพรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อไทย มีจุดยืนประชาธิปไตยเหมือนกัน จึงไม่ได้รู้สึกว่ามีความแตกต่าง เพียงแต่พรรคไทยรักษาชาติ มีการนำเทคโนโลยีให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สิ่งที่สนใจคือเรื่องการศึกษา ในการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้ง่ายขึ้นในชีวิตประจำวัน

        เลยนึกถึง smart classroom คิดว่าน่าจะตอบโจทย์ในเรื่องการศึกษา ทักษะเด็กมีความแตกต่างแต่ละบุคคล ดังนั้นทักษะการเรียนการสอนของครูต้องเปลี่ยน การเสริมสร้างการเรียนรู้ ไม่จำเป็นอยู่ในห้องเรียนอย่างเดียว โดยใช้เทคโนโลยี โทรศัพท์ แท็บเล็ต มาประยุกต์ให้ใช้ในการเรียนการสอน เพราะทุกวันนี้เด็กสามารถใช้โทรศัพท์ แท็บเล็ตได้กันหมดแล้ว ทำให้เด็กเข้าถึงโอกาสในการแสวงหาคำตอบ และจุดนี้เป็นจุดยืนที่พรรคไทยรักษาชาติต้องนำเสนอ อยากผลักดันเรื่องนี้ ให้นำเทคโนโลยีการศึกษามาใช้ในศตวรรษที่ 20

        ระบบการศึกษาของไทยอยู่ที่หัวใจการเรียนรู้ มีมากน้อยแค่ไหน แต่คือต้องแสวงหาคำตอบอย่างมีวิจารณญาณอย่างมีเหตุและผล เปรียบเทียบข้อมูล เพื่อตัดสินใจในทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด โดยปราศจากอคติและอารมณ์ แต่การศึกษาของไทย ทำให้เชื่อและเชื่อตามๆ กันมา ครูเลคเชอร์บอกในสิ่งนี้ถูก เราเลยไม่ค่อยตั้งคำถามและแสวงหาคำตอบ ถ้าเราแก้ไขตรงนี้ได้ จะเป็นการเปลี่ยนแปลง

        รวมทั้งเป็นเทรนด์ของโลก เด็กจะต้องจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น ระบบการเรียนของเรา วัดผลการศึกษาที่ค่าการสอน แต่เราไม่ได้วัดผลของเด็กที่ทักษะ ซึ่งแบ่งออกเป็นทักษะความรู้ ทักษะความคิด เด็กไทยส่วนใหญ่ติวสอบออกมาดี แต่จบมาในส่วนทักษะเรียนรู้ ทำงาน ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ

        เวลาพูดถึงทักษะการเรียนรู้มี 4 องค์ประกอบ ทักษะแก้ไขปัญหา สร้างสรรค์ การสื่อสาร และการคิดอย่างมีขั้นตอน ใน 4 ขั้นตอนที่กำหนดโดย Word economic forum เขาก็บอกอยู่แล้ว เด็กไทยถ้ายังอยู่ในรูปแบบเดิม เชื่อตามๆ กันมา เด็กไทยจะขาดทักษะ ไม่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก

เน้นเทคโนโลยี ให้เข้าคอนเซ็ปต์ของพรรค

        เราเน้นเทคโนโลยี การเข้าถึงข้อมูลแสวงหาคำตอบ มันใช้เทคโนโลยี อยากรู้เรื่องอะไรก็แค่ search (ค้นหา) หาคำตอบ สิ่งที่เราจะให้เด็กไทยมีคือการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมโดยการกระจายอำนาจ หัวหน้าพรรคก็บอกจะสร้างถนนดิจิตอล จะเชื่อมโยงชุมชนหมู่บ้านด้วยโลกดิจิตอล เด็กไทยไม่ว่าอยู่ที่ไหน ไม่ต้องเรียนโรงเรียนดัง สามารถเรียนรู้ได้ด้วยผ่านเทคโนโลยี

เด็กอาจไป 4.0 แล้ว แต่บุคลากรยัง 1.0

        ปัญหาเวลาพูดถึงการศึกษามักจะพูดถึงบุคลากรจะไม่มีความพร้อม การรองรับไม่ใช่เพิ่งเกิด เราก็มีโรงเรียนสอนและฝึกหัดแบบไม่มีโรงเรียนต้นแบบครูสายพันธุ์ใหม่ ถ้าเราขยายผล และนำเทคโนโลยีมาใช้ง่ายๆ แบบไม่สับสน คิดว่าครูถ้ามันไม่ซับซ้อน ย่อยให้เข้าใจง่ายๆ ครูก็น่าจะพร้อมเรียนรู้ เราอาจจูงใจครูบางส่วนที่ไม่พร้อมเปลี่ยนแปลง ก็อาจเออร์ลีรีไทร์ อาจรับคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถทักษะอื่นมาสอนได้ หรือร่วมมือกับภาคเอกชน ให้นักเรียน นักศึกษาไปฝึกงาน

มองความแตกต่างรัฐบาลทหาร รัฐบาลพลเรือน

        รัฐบาลทหารเวลาจะเข้าใจใคร ต้องเข้าใจธรรมชาติอาชีพนั้นๆ ระบบทหารเป็นการสั่งการ เป็นคำสั่ง เวลาสั่งต้องได้ ระบบอาวุโส ยศ มีผล การเปิดกว้างความคิด จะมีน้อยกว่าพลเรือน เคยมีคำถามเพื่อนโรงเรียนนายร้อย เขาก็บอกผู้บังคับบัญชาสั่งก็ต้องทำตาม เวลาบริหารประเทศ คนหลากหลาย การจะให้อยู่ในระเบียบทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ แต่รัฐบาลพลเรือนเข้าใจความแตกต่าง ความคิดของคน เราเข้าใจคนอื่น

        เหมือนเราเป็นอาจารย์ก็เข้าใจนักศึกษาในชั้น บางคนอ่อน เก่ง บางคนเก่งกิจกรรม บางคนไม่เก่ง แต่ก็ต้องมาเฉลี่ยคะแนนให้อีกแบบ รัฐบาลพลเรือนบางคนมาจากฐานธุรกิจ ข้าราชการ ครูบาอาจารย์ นักวิชาการ ซึ่งเข้าใจคนอื่น เพราะไม่ได้อยู่ในระบบสั่งการ ส่วนผสมรัฐบาลพลเรือน มีความหลากหลาย เพราะเข้าใจคนอื่นมากกว่า

ในทางลบ คนมักมองการเมืองคืออำนาจ ประโยชน์

        ทุกอาชีพอยู่บนสองคำนี้ ไม่ว่าอาชีพอะไร มีทั้งเรื่องอำนาจ ผลประโยชน์ มีหมด แต่คนที่มองนักการเมืองเกี่ยวข้องในอำนาจ ผลประโยชน์ เพราะสิ่งที่กำหนด มีผลกระทบต่อคนจำนวนกว้าง ทำให้บางกลุ่มได้ประโยชน์ บางคนเสียประโยชน์ คนเลยจับจ้องนักการเมืองมีแต่คำว่าอำนาจผลประโยชน์ แต่ในวันนี้เปลี่ยนไปเยอะ ถ้าไม่เปลี่ยนเราจะไม่เห็นคนมีอุดมการณ์ คนเข้ามาการเมืองจากหลากหลายสาขาอาชีพ

        เพราะวันนี้สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ผลประโยชน์ของใคร แต่เป็นผลประโยชน์ของชาติ ประเทศชาติเดินหน้าไม่ได้ อยู่ในกับดักมาทั้งทศวรรษ เราไม่ได้เดินไปไหนเลย นักการเมืองที่ก้าวเข้ามาอยากสร้างผลประโยชน์ให้เกิดกับชาติมากกว่า

หากได้เป็น ส.ส.จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

        วันหนึ่งถ้าเราจะเปลี่ยนแปลง อย่างแรกคือ ที่ต้องไม่เปลี่ยนแปลงคืออุดมการณ์ของเรา มีความรู้สึกว่านโยบายที่ดีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ได้มองประโยชน์ตัวเอง แต่คือประโยชน์ของชาติ ส่วนจะเปลี่ยนแปลงอะไร อย่างไร อยู่ที่ปัจจัย ถ้าเราจะนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระทรวงศึกษา ต้องออกแบบทำให้เกิดการใช้งานง่ายๆ ส่วนอนาคตจะลงสมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ

        ถ้าเราอยากเปลี่ยนแปลงนโยบาย เป็น ส.ส.เขต อาจจะไม่ได้อยู่ในกระบวนการตรงนี้ ในวันนี้อยู่ในทีมเศรษฐกิจ ทีมสังคม อยู่ในกระบวนการจะวิพากษ์วิจารณ์ ระดมความคิด เสนอนโยบายใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการคนส่วนใหญ่

        พรรคไทยรักษาชาติ แม้เป็นพรรคเกิดใหม่ แต่เรารวบรวมบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ แต่ละด้านมาทำงานร่วมกัน แต่ละคนทำงานได้อย่างถ่องแท้ มีคนทุกเพศทุกวัยมารวมกันอยู่ในพรรค ทำให้การเสนอนโยบายบางเรื่องไม่เป็นอุดมคติ ถูกทำให้เข้าร่องเข้ารอยเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยี ที่เราจะทำให้เข้าถึงและใช้งานได้ง่ายๆ.

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณี กาสยานนท์

- ประถมศึกษาปีที่ 1-6 โรงเรียนจ่าการบุญ จ.พิษณุโลก

- มัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ปี โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี จ.พิษณุโลก(ประธานนักเรียนโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี รุ่น 72)

ประสบการณ์อื่นๆ

- ปริญญาตรี รัฐศาสตร์บัณฑิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สิงห์ขาว มช. (รางวัลเหรียญเรียนดีตลอดปี 2542)

- ปริญญาโท รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับทุนสนับสนุนกองทุนซาซาคาวา

- ปริญญาเอก ปรัชญาการเมือง มหาวิทยาลัยรามคำแหง 

- มีความชำนาญพิเศษ การเมืองการปกครอง และนโยบายสาธารณะ ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ และว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค