กำชับงบปี63ต้องโปร่งใส ยุทธศาสตร์เหมือนไฮเวย์


เพิ่มเพื่อน    

    "บิ๊กตู่" ย้ำคนไทยต้องจงรักภักดี อย่าขัดแย้งกัน ร่วมกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ กำชับจัดงบปี 63 ต้องโปร่งใส ห้ามงุบงิบ ขู่ทุจริตลงโทษหนัก ป้อง สนช.ทำงานแทบตายไม่ใช่สภาฝักถั่ว
    ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม เวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีเปิดงานนิทรรศการและการประชุมเสวนา ในโอกาสครบรอบ 10 ปี "โครงการทุนการศึกษาพระราชทาน" มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร หรือ ม.ท.ศ. โดยมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ และนายอำพน กิตติอำพน องคมนตรีร่วมงาน
    โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "เยาวชนกับการพัฒนาประเทศ" ตอนหนึ่งว่า ขอให้ทุกคนน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ โดยต้องมีเหตุและผล พอประมาณ มีภูมิคุ้มกันที่ดี และตั้งใจศึกษาเล่าเรียน สนใจในวิทยาการ พัฒนาความรู้ความสามารถ เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทย และทุกคนจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ มีแรงบันดาลใจเพื่อก้าวไปข้างหน้า อย่างไรก็ตาม แม้จะเรียนหนังสือหนักหรือตั้งใจเรียน ก็ไม่ต้องเครียดกัน ขอให้ยิ้มแย้มแจ่มใสแบบนายกฯ จะได้ไม่เครียด  วันนี้นายกฯ พยายามไม่เครียดในทุกเรื่อง แม้จะมีปัญหามากมาย ขอทำต่อไปให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ 
    นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ประเทศกำลังเดินหน้าแก้ไขปัญหาเก่า และเดินหน้าสู่เรื่องใหม่ๆ แน่นอนจะต้องมีปัญหาความขัดแย้งสูง เพราะเป็นการปฏิรูปสร้างพื้นฐานให้ประเทศ รัฐบาลจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีขึ้นมา ยืนยันว่าไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ แต่เป็นเส้นทางของประเทศเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมาย ปีหน้าเราจะเป็นประธานอาเซียน โดยตั้งธีม "การร่วมมือร่วมใจ ก้าวไกลมุ่งสู่อนาคต" ดังนั้น จึงต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติเพื่อเป้าหมาย และด้านความมั่นคงทุกคนต้องช่วยกัน เพราะเป็นพื้นฐานของความสงบเรียบร้อย มีผลต่อด้านเศรษฐกิจด้วย สี่ปีที่ผ่านมาบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ทุกคนสามารถดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขมีความปลอดภัย
    ส่วนที่บอกว่าทำไมรายได้และความเป็นอยู่ของประชาชนยังไม่ดีขึ้น เกษตรกรยังมีปัญหา เราพยายามดูทุกอย่าง ซึ่งไม่อาจจะพูดอะไรได้มากในช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงความเคลื่อนไหวทางการเมือง  แต่จะพูดในฐานะนายกฯ ว่าที่ผ่านมาเราพัฒนาหลายอย่าง แต่ถ้ายังเข้าใจไม่ตรงกันก็ไปไม่ได้ หวังว่าทุกคนจะช่วยสร้างความเข้าใจให้ตนด้วย ไม่เช่นนั้นจะถูกบิดเบือน วันนี้ประชาธิปไตยก็เดินหน้าเข้ามา  อยากให้ทุกคนช่วยสร้างความเข้าใจ นอกจากนี้ต้องใช้โทรศัพท์ให้เกิดประโยชน์ เปิดดูเว็บไซต์หน่วยงานราชการ ทั้งนี้ขอให้ทุกคนร่วมกันสนองพระราชประสงค์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สืบสานรักษา ต่อยอดศาสตร์พระราชาและแนวพระราชดำริต่างๆ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ร่วมกันพัฒนาให้เกิดความมั่นคงอย่างยั่งยืน และใช้พลังจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจ 
    "4 ปีมาแล้วที่เราทำงานอย่างเต็มที่ ผมพูดในนามรัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง รัฐบาลคือรัฐบาล การเมืองก็คือการเมือง คนละเรื่อง อีกเรื่องต้องไปว่ากันข้างนอก อย่ามาตีกันไปกันมา หวังว่าวันข้างหน้าจะดีขึ้น และหวังว่าครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษาจะร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกัน ขอให้ทุกคนระลึกถึงเสมอว่าประเทศไทยคือบ้านของเรา ไม่มีใครมาแก้ปัญหาให้เราได้นอกจากพวกเรากันเอง เราเอากฎกติกาของต่างประเทศมาได้ แต่ต้องเอามาประยุกต์ให้เหมาะกับความเป็นไทย" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
    จากนั้นนายกฯ เดินลงจากเวทีมาทักทายนักเรียน โดยได้ชูมือทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยู พร้อมกับกล่าวว่า "สวัสดีทุกคน รักประเทศไทยต้องรักคนไทยทุกคน"
    ที่ห้องแกรนด์ไดมอนด์ อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 โดยมีตัวแทนข้าราชการกระทรวง ทบวง กรมเข้าร่วมว่า ข้าราชการทุกภาคส่วนทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นข้าราชการเพื่อใคร เพื่อประชาชน ประเทศชาติ รวมจิตใจเป็นหนึ่งเดียว เพื่อสมศักดิ์ศรีข้าราชการ การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 ต้องคำนึงให้เกิดความเชื่อมโยงทั่วถึงประชาชนทุกมิติ ไปสู่เป้าหมาย และภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 12 ที่ต้องโปร่งใสและเป็นธรรม คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม 
    นายกฯ กล่าวว่า หน้าที่ของเราคือเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ นำศาสตร์พระราชามาเป็นหลักในการทำงานเพื่อผลักดันประเทศ ต้องเข้าใจความหมายศาสตร์พระราชาให้ดี ตีความให้ถูกต้อง ลงในเชิงลึกเชิงกว้างในข้างล่างและสาระสำคัญ ด้วยพระองค์มีรับสั่งมา ถือเป็นปรัชญาที่แท้จริง การสร้างสมดุลเศรษฐกิจสังคมให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จะนำมาซึ่งความสงบสุข ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีความเป็นอยู่ที่ดี คนไทยต้องมีความจงรักภักดี ซื่อสัตย์ พร้อมดำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ นี่คือหลักการของประเทศไทย อย่าให้เกิดความขัดแย้งกัน คนรวย คนจน หรือคนปานกลาง  รัฐบาลมีหน้าที่แบ่งปันผลประโยชน์ให้เหมาะสมเป็นธรรม สุดท้ายคือทำการเมืองมีเสถียรภาพและมีธรรมาภิบาล
    หลังจากนี้ต้องเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ เปรียบเสมือนไฮเวย์เดินไปอย่างมีแผนแม่บท กฎระเบียบ  ให้ทุกคนเข้าถึงโอกาส สิ่งสำคัญอันดับแรกคือต้องแก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ใช้จ่ายงบประมาณตามภารกิจ มีประสิทธิภาพสูงสุด คุ้มค่าต่อการใช้จ่าย ต้องสามารถระบุผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้น  มีกลไกการประเมินผลและเปิดเผยต่อสาธารณชน จะมาทำงุบงิบเงียบๆ ไม่ได้อีกแล้ว 
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี หน่วยงานจะต้องจัดทำกรอบงบประมาณรายจ่ายล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลในการรักษาวินัยการเงินการคลัง สิ่งที่รัฐบาลทำมาในวันนี้มีการประมาณการมากกว่า 3 ปี จะถึง 5 ปีด้วยซ้ำ เพื่อให้เม็ดเงินแต่ละรายจ่ายเกิดความสมดุล ตนเชื่อมั่นข้าราชการที่เก่งในเรื่องการเขียนการใช้จ่ายงบประมาณ แต่เขียนแล้วต้องดูว่าใช้ได้หรือไม่ เขาอนุมัติหรือไม่ การเสนองบประมาณต้องมีรายละเอียดมาด้วย ไม่ใช่อยู่ดีๆ ส่งมาก่อนแต่ไม่มีรายละเอียด จะเป็นแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว ที่ทำผิดกฎหมายทุจริต ถ้ารู้ต้องลงโทษอย่างหนัก 
    "เวลาที่ผมพูดอะไรบางครั้งต้องติดเบรกตัวเองเอาไว้ ถ้าพูดอะไรผิดขอให้ช่วยท้วงติงด้วย เพราะบางทีผมก็อาจจะพูดเลยเถิดไป เนื่องจากเป็นคนที่ปากกับใจตรงกัน วันนี้การกระจายอำนาจลงไปสู่ท้องถิ่นแล้ว การเลือกตั้งก็มีถ้าพร้อมก็เดินไป ไม่มีอะไรขัดข้อง ทั้งนี้เวลาที่ทำอะไรต้องรู้จักความละอายเกรงกลัวต่อบาป ต้องมีหิริ โอตตัปปะ ต้องปลูกฝังคนรุ่นใหม่ว่าโตไปไม่โกง ไม่ใช่สนับสนุนกันอยู่นั่นจนคิดว่าถูกต้อง สังคมต้องช่วยกันแก้ไข ผมพูดก็เพื่อให้สังคมคนรุ่นใหม่พัฒนา และที่พูดว่าโกงนั้นไม่ใช่โกงเฉพาะเงินทอง แต่มีเรื่องการโกงเวลา โกงกฎจราจรต่างๆ ก็ถือว่าโกงทั้งนั้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว​
    อย่างไรก็ตาม หลายคนบอกว่าสภาปัจจุบันเป็นสภาฝักถั่วในเรื่องการออกกฎหมาย ความจริงคือกว่าจะออกฎหมายมาได้แต่ละฉบับใช้เวลาเป็นเดือน ไม่ใช่ฝักถั่วอย่างที่พูด จะกล่าวหาแบบเดิมไม่ได้  เขาทำงานแทบตาย และไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน ตนเคารพในสภาทุกสภา ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน  รวมทั้งแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่ไม่ทัน กฎกระทรวงต่างๆ เป็นล้านฉบับ เพราะสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยมีความสงบสุขยั่งยืน มีความเป็นธรรมเท่าเทียมกัน คือกฎหมายเท่านั้น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"